xs
xsm
sm
md
lg

ร่วมใจกันขับไล่ นักโทษคนขายชาติฉ้อราษฎร์บังหลวง

เผยแพร่:   โดย: ป.เพชรอริยะ

นี่มันอะไรกัน “นักโทษคนขายชาติ ฉ้อราษฎร์บังหลวงนับแสนล้าน” พลิกกลับมาไล่ผู้นำพิทักษ์ชาติ เราเข้าสู่กลียุคแล้วหรือนี่ “กระเบื้องเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม” โดยความถูกต้อง พวกคนดี เชิดชูพิทักษ์ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะต้องออกมาขับไล่ จัดการกับนักโทษคนขายชาติ ฉ้อราษฎร์บังหลวง จึงจะถูกต้องเป็นธรรม

ย้อนกลับไปเมื่อ พ.ศ. 2523 สมัยพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้มีคุณูปการต่อชาติอย่างใหญ่หลวง ที่สามารถเอาชนะพรรคคอมมิวนิสต์ และสลายกองทัพแดงลงได้ ต่อมาได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นรัฐบุรุษ ในช่วงนั้นพรรคคอมมิวนิสต์ได้ทำสงครามกลางเมืองอย่างรุนแรงมากทั่วประเทศ โดยประกาศว่าจะเปลี่ยนประเทศไทยเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ ให้สำเร็จมีชัยนะภายใน พ.ศ. 2525 โดยกองทัพแดงจะมากรีธาทัพมากินข้าวกันกลางสนามหลวง

ขณะเดียวกัน ขบวนการประชาธิปไตยแห่งชาติ โดยมี ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร เจ้าของแนวคิดได้ร่วมมือกับสานุศิษย์คณะทหารประชาธิปไตย เช่น พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ พล.อ.หาญ ลีนานนท์ ฯลฯ ได้ร่วมกันผลักดันนโยบายที่ 66/2523 โดยพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นผู้ลงนามเซ็นคำสั่งและเป็นผู้นำในการปฏิบัติ นโยบาย 66/2523 โดยกำหนดยุทธศาสตร์หลักคือสถาปนาระบอบประชาธิปไตย โดยมียุทธศาสตร์รอง 2 ขั้นตอน คือ

1. ยุทธศาสตร์การต่อสู้เอาชนะคอมมิวนิสต์ยุติสงครามกลางเมือง คือจะต้องยุติความขัดแย้งของชนในชาติลงเสียก่อน จึงจะสามารถสร้างระบอบประชาธิปไตยแท้ได้สำเร็จ

2. เปลี่ยนระบอบเผด็จการระบบรัฐสภา อันเป็นเงื่อนไขให้พรรคคอมมิวนิสต์เจริญเติบโต มาเป็นระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภา (ของปวงชน) เพื่อชัยชนะต่อพรรคคอมมิวนิสต์อย่างเด็ดขาด

ขั้นตอนแรกรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และกองทัพร่วมกันปฏิบัติตามนโยบายได้สำเร็จอย่างใหญ่หลวง โดยสามารถยุติสงครามกลางเมืองมีชัยชนะต่อพรรคคอมมิวนิสต์ (สลายกองทัพแดง) สำเร็จลงได้อย่างดี ภายใน พ. ศ. 2525 ซึ่งขณะนั้น นช. ทักษิณ อายุ 30 กว่าปี

แต่กลับล้มเหลวในในขั้นตอนที่สอง เพราะถูกต่อต้านจากแนวร่วมมุมกลับ คือหม่อม คนหนึ่ง โดยประกาศว่า “กูไม่กลัวมึง ไม่ว่าเลขที่เท่าไร ทับที่เท่าไร กูจะทำลายทิ้งให้หมด” ปัจจุบัน นช. ทักษิณ ได้กลายเป็นทั้งแนวร่วมทางตรงและแนวร่วมมุมกลับให้กับพรรคคอมมิวนิสต์ ทั้งนี้เพราะถือประโยชน์ของตนเองเป็นใหญ่ อย่างน่าอับอายที่สุด

ปัจจุบันบุคคล คณะบุคคล ผู้มุ่งมั่นในอุดมการณ์ 66/23 ส่วนหนึ่งมุ่งมั่นปฏิบัติธรรม และได้พัฒนายุทธศาสตร์ต่อยอดเป็นธรรมาธิปไตย เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ปัจจุบัน

มาถึงวันนี้ พวกเขาก็ได้เผยธาตุแท้ออกมาแล้วในนามเสื้อแดง นำโดย คุณทักษิณ พวกเขาหวังจะกลับมามีอำนาจดังเดิม และขณะนี้ก็เริ่มจะมีอำนาจในการต่อรองมากขึ้น และพวกเขาพร้อมที่จะลุกขึ้นสู้ก่อการจลาจลเพื่อหวังล้ม องคมนตรีและรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อย่างรีบเร่งที่สุด โดยไม่เกรงใจใครอีกแล้ว พวกเขาพร้อมที่จะเหยียบย่ำทำลายโค่นสถาบันหลักของชาติ เห็นชัดว่า แกนนำเสื้อแดง เคยประกาศตั้งศาลประชาชนขึ้นกลางสนามหลวง พวกเขาลอกเลียนแบบการปฏิวัติแนวทางรุนแรงในประเทศฝรั่งเศส เมื่อ ค. ศ. 1789 โดยนายวอลแตร์ และรุสโซ พวกเขาปลุกระดม และจะจับผู้ที่ต่อต้าน หรือฝ่ายตรงข้ามนำมาตัดคอประจานด้วยเครื่องกิลโยติน ครั้งนั้นแม้แต่พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางแมรี่อังตัวเนต ก็ไม่เว้น คราวนี้ถ้าพวกเขาชนะ พวกเขาพูดกันว่า จะจับผู้ใหญ่ในบ้านเมืองคนหนึ่ง มาขึ้นศาลประชาชนเป็นคนแรกให้ได้

พวกเขาเหิมเกริมกันมาก พวกเขาทำทุกวิถีทางตามแนวลัทธิรุนแรงที่พวกเขาเชื่อถือ (อำนาจรัฐต้องมาจากปากกระบอกปืน หรือด้วยการลุกขึ้นสู้) ถ้าพวกเขายึดอำนาจกลับคืนไม่สำเร็จ อย่างน้อยพวกเขาจะได้รื้อฟืนสงครามกลางเมืองในรอบสองขึ้นมาใหม่ให้ได้ จะเห็นได้ชัดว่า ขบวนการทักษิณ โกงกินชาติฉ้อราษฎร์บังหลวงนี้ พยายามทุกวิถีทางนับตั้งแต่การจ้างคนมาร่วมชุมนุมหัวละห้าร้อยถึงหนึ่งพันบาท สามพัน ห้าพัน เมื่อมาแล้วก็จะถูกปลุกเร้าต่างๆ นานา จากนั้นก็จะพาออกมาเดินขบวนล้อมทำเนียบรัฐบาล เพื่อกดดัน บีบคั่นเจ้าที่จนทนไม่ได้ และทำการปราบปราม ก็จะเกิดชุลมุนวุ่นวาย จากนั้นพวกเขาเองก็จะโยนระบิดบ้าง ยิงบ้าง แล้วก็กล่าวหาว่ารัฐบาลเป็นคนทำ จากนั้นก็จะปลุกระดมประชาชนให้มากขึ้นๆ จุดสูงสุดของพวกเขาก็คือล้มรัฐบาล องคมนตรี และสถาบันหลักของชาติ ให้ได้ในเร็ววัน เพื่อให้ นช.ทักษิณ ผู้นำจอมปลอมของพวกเขา กลับมาเป็นมามีอำนาจให้ได้ ตามที่พวกเขาประกาศว่า “ทักษิณต้องกลับมามีอำนาจสูงสุดไม่ว่าปัจจุบันหรืออนาคต” ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม

พวกเขาหารู้ไหมว่า นช. ทักษิณ เองก็ได้ตกเป็นแนวร่วมทางตรง ชั้นสูง ตามแนวทางลัทธิคอมมิวนิสต์ ทั้งนี้ก็เพื่อต่อท่อน้ำเลี้ยงให้แก่กลุ่มแนวร่วมฯ ที่ซ่อนเร้น ซุ่มซ่อน ปิดลับอยู่

อดีตผู้นำพรรคฯ เป็นพ่อค้านายทุนฉลาดแกมโกง หารู้ไหมว่าอดีตพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย นั้นมีพวกแนวคิดลัทธิมาร์กซ์ (Marxism) และลัทธิเหมา (Maoism) อยู่เป็นจำนวนมากทั้งในพรรค และนอกพรรค ทั้งนี้พวกเขาเข้าไปทำแนวร่วมกับนายทุน เพื่อจะให้นายทุนหัวหน้าใหญ่ โดยลวงเป็นประธานาธิบดีคนแรกของประเทศไทย แต่ความจริงพวกเขาต้องการเงินทุนจากนายทุนหัวหน้าใหญ่ที่มีเงินอยู่มหาศาลจ่ายร้อยชาติ พันชาติก็ไม่หมด เพื่อเอามาขยายแนวร่วมอย่างลับๆ แล้วพวกเขาก็ทำได้สำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว

ในอดีตเมื่อผู้นำรัฐบาลนั้นๆ หลังถูกรัฐประหารแล้ว ไม่สามารถที่จะมีพลพรรคออกมาเคลื่อนไหวได้อีก แต่ขบวนการทักษิณโกงกินชาติ พวกเขายังทำได้ โกงชาติและประชาชนไปแล้วไม่รู้เท่าไหร่ แต่ก็ยังเป็นฝ่ายรุกทางการเมือง ส่วนรัฐบาลปัจจุบัน กลับตกเป็นฝ่ายรับทางการเมือง ทั้งนี้ก็เพราะรัฐบาลมัวแต่แก้ปัญหาที่ปลายเหตุ และขาดที่ปรึกษาที่ชาญฉลาดและรู้เท่าทัน

ย้อนกลับมาดูทฤษฎีแนวร่วมของเหมา เจ๋อ ตุง (Maoism)


ตามคำสั่งที่ 66/2523 โดยพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นผู้นำปฏิบัตินโยบายต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ยุติสงครามกลางเมืองให้เสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว ด้วยการรุกทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง เน้นหนักในการปฏิบัติทั้งปวง เพื่อลิดรอนทำลายขบวนแนวร่วมและกองกำลังติดอาวุธเพื่อยุติสถานการณ์ปฏิวัติ ยับยั้งการปฏิวัติเพื่อสร้างสถานการณ์สงคราม และขยายผลจากโอกาสที่เปิดให้เพื่อเปลี่ยนแนวทางการต่อสู้ด้วยอาวุธมาเป็นการต่อสู้ในแนวทางสันติ

พรรคคอมมิวนิสต์ประกอบด้วย

1. พรรคหรือองค์การนำมีเพียงไม่กี่คน (ปิดลับที่สุด)

2. กองกำลังติดอาวุธ (ถูกสลายไปแล้วเมื่อปี 2525 แต่รอวันเวลาจะฟื้นตัวเร็ววัน)

3. แนวร่วม คำว่า “แนวร่วม” (United front) เป็นยุทธวิธีการต่อสู้ของพรรคคอมมิวนิสต์ที่ชาญฉลาดยิ่งนัก ยากที่จะมองเห็นได้ง่ายๆ ได้แก่

1) แนวร่วมทางตรง ได้แก่ผู้สนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์ทั้งทางตรงและทางอ้อมโดยรู้ตัว หรือไม่รู้ตัวก็ตาม และมองเห็นได้ยากเพราะพวกเข้าไปฝังตัวแบบปิดบังซ่อนเร้น ซึ่งคุณทักษิณเองก็ยังไม่รู้เลยว่า ตนกำลังตกเป็นแนวร่วมชั้นสูง

2) แนวร่วมมุมกลับ
ได้แก่ ระบอบการเมืองเผด็จการทุกรูปแบบ โดยเฉพาะรัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร นักการเมืองที่เกลียดคอมมิวนิสต์ แล้วปราบคอมมิวนิสต์แบบเหวี่ยงแห ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ นายทุน อิทธิพลเถื่อนที่กดขี่ ขูดรีด หวยเถื่อน ผู้เอาเปรียบประชาชน แนวร่วมมุมกลับ และแนวร่วมชั้นสูง นี้เองที่ช่วยให้พรรคคอมฯ เติบโตขึ้นทุกวันและทำให้พรรคคอมฯ (หรือแนวทางรุนแรง) ได้รับชัยชนะมาแล้วในอดีต เช่น ในจีน ลาว เวียดนาม เนปาล เป็นต้น

3) แนวร่วมทางอ้อม คือผู้รักความเป็นธรรม เช่น นักศึกษา, ผู้ปฏิบัติธรรม, นักวิชาการ ฯลฯ ซึ่งไม่รู้เท่าทันการเมืองที่ซับซ้อน ก็จะออกมาร่วมประท้วง เดินขบวน แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ ประชาชนไม่ยอมรับการปกครองของรัฐบาล อันเป็นปัจจัยในการรัฐประหาร และเมื่อรัฐบาลแนวร่วมถูกรัฐประหารโดยกองทัพ แนวร่วมทั้งหมดโดยการชี้นำของพรรคคอมฯ ก็จะโหมกระพือเพื่อโค่นรัฐบาลทหารลงอีกครั้งเพื่อทำลายกองทัพแห่งชาติ แล้วสถาปนาการปกครองใหม่ตามที่พวกเขาต้องการ แต่แผนการทั้งหมดไม่สำเร็จเพราะมีนักปราชญ์คนสำคัญล่วงรู้ทัน และความผิดพลาดและความพ่ายแพ้ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย

อีกนัยหนึ่งทฤษฎีแนวร่วม (United front theory) เป็นทฤษฎีที่แยบคายยิ่งนัก ที่สามารถเอาคนทุกชนชั้น ทุกภาคส่วนมาเป็นกำลังให้แก่พรรคคอมมิวนิสต์ได้ แนวร่วมอุปมาดุจนั่งร้าน นั่นเอง คือผู้ที่ไม่รู้เท่าทันจะถูกชักชวนให้มาร่วมกันสร้างตึก (รัฐคอมมิวนิสต์) แต่เมื่อสร้างตึกสำเร็จสมใจแล้ว ภารกิจต่อไปก็เอานั่งร้านลง คอมมิวนิสต์ไม่เคยปล่อยให้พวกแนวร่วมชั้นสูง เช่น คุณทักษิณ ฯลฯมีชีวิตรอดอยู่ได้สักคนเดียว

ทางชนะมีทางเดียว คือรัฐบาลร่วมมือผลักดัน เชิดชู พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย คือการสถาปนาระบอบการปกครองโดยธรรม นั่นเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น