xs
xsm
sm
md
lg

พุทธทำนายกับรัฐบาลใหม่ของนายสมัคร (4)

เผยแพร่:   โดย: ป.เพชรอริยะ

กระแสของระบอบเผด็จการทั้งขั้วรัฐประหาร และขั้วจากการเลือกตั้ง (แบบซื้อเอา) โดยมีรัฐธรรมนูญเป็นศูนย์ของความคิด และเป็นศูนย์กลางของความขัดแย้ง กำลังเสื่อมลงอย่างหนัก เห็นได้จากคำพูดของหัวหน้าพรรคใหญ่ฯ ของระบอบเผด็จการจากการเลือกตั้ง “ถ้ามีการยุบพรรค (พรรคพลังประชาชน ฯลฯ) เป็นการฆ่าประเทศชาติ” เป็นวาทะที่ไม่สะอาด บ่งบอกถึงความกลัวอย่างลนลาน ประดุจวัวสันหลังหวะ ที่ร้ายกาจคือการเอาพรรคการเมืองฯ (ในระบอบเผด็จการ) มาเปรียบกับประเทศชาติ พวกนี้คงจะลืมตัว ขาดสติ นึกว่าชาติคือประชาชนที่ตนซื้อเสียงได้ กุดหัวได้ น้ำเสียงเหมือนจะทวงบุญคุณต่อประเทศชาติ ทั้งๆ ที่พวกเผด็จการ ต่างก็กอบโกยชาติ เอาเปรียบประเทศชาติ ทำลายประเทศชาติให้เสียหายมาเกินกว่าที่นับได้แล้ว พวกผู้ปกครองของระบอบเผด็จการต่างก็รวยเอาๆ ส่วนประเทศกลับทรุดหนักประชาชนส่วนใหญ่ยากจน กลายเป็นเหตุ เป็นเงื่อนไขให้นักการเมืองเลว อาศัยความอ่อนแอ อ่อนด้อยของประชาชนโยนเศษเงินให้กลายเป็นบุญคุณไปตลอดชาติ ดุจทาสในเรือนเบี้ยทางการเมือง

เราจะเห็นได้ชัดว่าประเทศไทยมีเผด็จการ 2 รูปแบบ 2 ลักษณะ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเป็นวงจรอุบาทว์ คือ เผด็จการรัฐประหาร มีลักษณะปัญญาอ่อน ซื่อบื้อ ป้ำๆ เป๋อๆ ทื่อ โฉ่งฉ่าง คิดเองไม่เป็น ดุจควายบ้า ส่วนเผด็จการรัฐสภาจากเลือกตั้ง ขบวนนี้ฉลาดแกมโกง ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ ใช้เงินเป็นใบเบิกทางขึ้นสู่อำนาจ โกงกินอย่างแนบเนียนหาที่เปรียบไม่ได้ ปลิ้นปล้อน ปิดบัง ซ่อนเร้น เหยียบย่ำทำลายชาติและประชาชนอย่างแนบเนียนดุจสุนัขจิ้งจอก พวกนี้มักยกตนข่มท่านโจมตีฝ่ายรัฐประหารว่าเป็นซากเดนเผด็จการ ส่วนพวกตน (เผด็จการจากเลือกตั้ง) เป็นพวกประชาธิปไตยแท้ มีความดีสมบูรณ์ บริสุทธิ์ผุดผ่อง ที่ประชาชนจึงเลือกมาให้ทำหน้าที่ (แท้จริงพวกนี้ซื้อเสียงมาทั้งนั้น) ที่ได้เป็น ส.ส. ก็เพราะลดตัวลงเป็นทาสรับใช้นายใหญ่แสนล้าน พวกนี้จึงต่ำทรามยิ่งกว่าโสเภณี หล่อนจำใจเป็นโสเภณี เพราะยากจนเข็ญใจ

ส่วนนักการเมืองยอมตนเป็นโสเภณี ลดตนลงเป็นทาสรับใช้นายใหญ่ เพียงเพื่อหวังเศษเงิน และอำนาจ นี่คือลักษณะของนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งของระบอบเผด็จการ เผด็จการมันเกิดจากรัฐธรรมนูญที่มีเพียงวิธีการปกครองเพียงด้านเดียว มันจึงเป็นรัฐธรรมนูญที่ข่มขี่ประชาชนเสมอไป และทำลายชาติของตนให้เสื่อมลงๆ ด้วยเหตุแห่งปัญหาทางการเมือง

ทั้งนี้ เพราะแนวคิดของผู้ปกครองไทยทุกชุดเป็นมิจฉาทิฐิ ย่อมเป็นปัจจัยให้รัฐธรรมนูญมิจฉาทิฐิเรื่อยมายาวนานถึง 75 ปี มีรัฐธรรมนูญมากที่สุดในโลกถึง 18 ฉบับ เมื่อรัฐธรรมนูญ (ทั้ง 18 ฉบับ) มิจฉาทิฐิ ย่อมเป็นปัจจัยให้รัฐบาลมิจฉาทิฐิ เมื่อรัฐบาลมิจฉาทิฐิ ย่อมเป็นปัจจัยให้การปกครอง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมดย่อมมิจฉาทิฐิ หายนะย่อยยับตามไปด้วย อย่างเป็นไปเอง ดังนี้ พลังความดีของชาติจะมากมายเพียงใดก็มิอาจจะต้านทานอำนาจแห่งระบอบมิจฉาทิฐินี้ได้

ระบอบเผด็จการมันทำลายประเทศชาติประดุจงูกินหาง มันกินตัวมันเอง พูดให้ชัดระบอบเผด็จการใดๆ มันย่อมทำลายตัวมันเอง (คือมันทำลายรากฐาน คุณความดีของชาติให้ย่อยยับ) แต่ยังมีพวกพรรคการเมือง นักวิชาการ บางฝ่ายยังหลงละเมอเพ้อพก ทึกทักเอาตามใจชอบ ตามคำบอกเล่าที่สืบกันมาอย่างผิดๆ โดยไม่ได้ยั้งคิด ไม่ได้ฉุกคิดกันแม้แต่น้อย พูดพล่อยๆ ว่านี่คือ “ระบอบประชาธิปไตย” ทำให้ผู้ไม่รู้ ผู้ไม่ได้ศึกษาอย่างลึกซึ้ง พลอยเชื่อตามไปด้วย ทั้งๆ ที่พวกเขาเป็นอาชญากรทางปัญญา ผู้ปกครองพาประเทศชาติไปสู่ความหายนะ ล้าหลัง อย่างซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่างน่าเศร้าใจยิ่งนัก

เราต้องสู้ อย่างมีปัญญาอันยิ่ง และสันติ ถ้ามีผู้นำที่แท้จริง รู้จริง เห็นถูก คิดถูก พูดถูก ทำถูก ในแนวทางถือธรรมเป็นใหญ่ เป็นธรรมาธิปไตย เสียสละอุทิศตนเพื่อประเทศชาติ ไม่ต้องมากเพียงมีแกนนำจังหวัดละ 5-10 คน พร้อมมวลชนเพียง 1,000 คน ออกผลักดัน ตีแผ่ความจริงที่ไม่หลอกลวง ประกาศก้องทั่วแผ่นดิน “ทรงพระเจริญ สถาปนาหลักธรรมาธิปไตยๆ ๆ” จะทำให้ประชาชนตื่นตัว เมื่อประชาชนตื่นตัวมากขึ้นๆ ประชาชนจะเข้มแข็ง และจะปฏิเสธระบอบเผด็จการ ไล่ระบอบเผด็จการทุกรูปแบบให้สูญพันธุ์ไปจากแผ่นดินไทย สู่การสร้างสรรค์หลักธรรมการเมือง การปกครองที่ถูกต้องโดยธรรมกันเสียที เราเสี่ยงภัย และเสียเวลามามากแล้ว รวมทั้งสาธุชน คนดี ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองทั้งหลายจะได้นอนตายตาหลับเสียที

ย้อนกลับมาอ่านพุทธทำนายเพื่อเป็นเครื่องประดับปัญญา เตือนสติแก่ชนทั้งหลาย จะได้ไม่ประมาทและหาทางออกที่เป็นกุศล ตั้งอยู่ในคำสอนพระพุทธองค์เป็นนิตย์ จะดำริคิดการใดก็ให้ใจเป็นกุศล ผลที่ตามมาก็จะทรงคุณค่าตามเหตุปัจจัยของแต่บุคคล เมื่อเหตุปัจจัยดี ผลก็ย่อมดีด้วย เห็นว่าพุทธทำนายนั้นมีค่าน่าใส่ใจ ทางบรรณาธิการจึงได้ร่วมใจถ่ายทอดต่อท่านผู้อ่านเป็นลำดับไป ดีกว่าที่สูญหายไป จึงได้เสนอเพื่อสนองผู้อ่านอย่างกว้างขวางเป็นตอนสุดท้าย

13. ฝันว่าคีรีน้อยนั้นลอยน้ำ ประหลาดล้ำหลากใจที่ในฝัน

“พระทรงบรรหารให้เห็นพลัน ภายหน้านั้นผู้มีศักดิ์จะรักพาล จะยกย่องหมู่ชาติอันต่ำช้า เป็นเสนาผู้ใหญ่ในสถาน ให้ยศศักดิ์สืบสายเป็นนายการ ได้ท่วงทีพวกพาลสำราญใจ”

ข้อนี้เป็นจริง แต่ลึกซึ้งมาก คำว่า “ผู้มีศักดิ์จะรักพาล” ปัจจุบันไม่ใช่บุคคล แต่เป็นกฎหมายรัฐธรรมนูญ ที่ไร้หลักธรรม ไร้หลักการปกครอง มีแต่เพียงวิธีการปกครองเพียงด้านเดียว กฎหมายบ้านเมืองยกร่างจากคนที่ไม่สมบูรณ์ ขาดปัญญา ขาดการฉุกคิด เมื่อเหตุเป็นมิจฉาทิฐิเสียตั้งแต่ต้น แล้วผลจะดีได้อย่างไร ประเทศชาติและประชาชนก็ต้องรับกรรม ตกอยู่ใต้กฎกติกาที่เป็นมิจฉาทิฐิ อย่างไม่น่าเชื่อว่า คนไทยส่วนใหญ่นับถือพุทธศาสนา แต่ผู้ปกครองไม่เคยสนใจในแนวทางของพระพุทธเจ้าเลย ไม่เคยเลยที่จะน้อมกายเข้าไปสอบถามพุทธสาวกที่แท้จริง นักการเมืองเห็นพระสงฆ์ประดุจพระยายม เราจึงได้ผู้ปกครอง นักการเมืองส่วนใหญ่ของประเทศทุกระดับมาจากคนพาลในจังหวัด อำเภอ ตำบล แทบทั้งสิ้น

14. ฝันเห็นว่ากบขบงูร้าย แล้วกัดตายล่วงเกินจนสิ้นไส้

“พระแย้มโอษฐ์โปรดทายพิปรายไป ภายหน้าไซร้หญิงพาลจะรานชาย ประมาทหมิ่นสิ้นลมข่มให้กลัว จะใช้ผัวต่างทาสดังมาดหมาย ผัวสมานน้ำใจมิให้ระคาย อีหญิงร้ายยิ่งลามคำรามรณ”

ข้อนี้ก็เป็นจริง ยุคนี้เป็นยุคที่ชายทำอะไรได้ หญิงก็จะทำได้ทุกอย่างดังชาย แม้การนั้นจะไม่เหมาะสม จะเห็นว่าข้อนี้มีให้เห็นแทบทุกครัวเรือน เพราะอะไร? เพราะวัฒนธรรมตะวันตกมีกระแสใหญ่ กว่า กระแสศีลธรรมประจำใจของชนชาติ ทั้งนี้ได้อธิบายในเบื้องต้นแล้วว่า เพราะเรามีระบอบฯ และรัฐธรรมนูญมิจฉาทิฐิ ย่อมเป็นปัจจัยให้สังคมทั้งหมด พลอยเสื่อมทรามล้มเหลวตามไปด้วย อย่างเป็นไปเอง ใครก็หยุดยั้งไม่ได้ ถ้าไม่หยุดที่เหตุ คือระบอบมิจฉาทิฐิ

15. ฝันว่าพญาเหมรา เข้าปนฝูงรักษาน่าฉงน น้อมเคารพนบนอบแล้วยอบตน เข้าระคนคบค้าด้วยกาพาล

“องค์สมเด็จอิสสโรพระโมลี จึงเผยพุทธวาทีมีบรรหาร ว่าผู้มีตระกูลนั้นจะบันดาล ว่าคนพาลจะย่ำยีคนปรีชา สันดานทาสชาติร้ายจะได้ดี จะข่มขี่ผู้มีวงศ์และพงศา คนปราชญ์จะหลีกตัวกลัววาจา พวกพาลาจะได้ดีไม่มีอาย”

ข้อนี้เป็นจริงลึกซึ้งมาก คำถามที่ว่า “ทำไมคนทำดีแต่ไม่ได้ดี ทั้งๆ ที่ทำด้วยความสุจริตใจ” อันที่จริงคนทำดี ย่อมได้ดีตามหลักกรรมไม่เป็นอื่น แต่ กรรมดี ของบุคคล ไม่อาจจะต้านทาน กรรมเลว ของชาติที่ยิ่งใหญ่ไพศาลได้ ดุจดัง “ปลามิอาจต้านทานน้ำเน่าได้ฉันใด, คนดี ความดีในสังคมก็มิอาจจะต้านทานระบอบฯ และรัฐธรรมนูญมิจฉาทิฐิได้ฉันนั้น” แม้แต่สถาบันแห่งชาติยังมิอาจจะต้านทานความเลวร้ายที่มาจากระบอบการเมืองมิจฉาทิฐิ ไร้หลักธรรม ไร้หลักการปกครองนั้นได้ มีทางเดียวคือต้องสู้ด้วยปัญญา

16. ฝันว่าเห็นเนื้อสมันนั้นไล่เสือ พยัคฆ์เบื่อเบือนหน้าเข้าป่าหาย

“มีพระพุทธบรรหารประทานทาย ว่าสานุศิษย์ทั้งหลายจะสู้ครู จะหักหาญผู้ใหญ่ให้เป็นน้อย สำทับถ้อยขี่ข่มคารมสู้ ยกย่องกายหมายประกวดอ้างอวดรู้ จะลบหลู่ขู่ซ้ำด้วยคำพาล สงฆ์ทรงศีลบริสุทธิ์จะทรุดเศร้า ผู้เป็นเจ้าหลีกจากถิ่นสถาน ซึ่งบพิตรนิมิต 16 ประการ ไม่มีเหตุเภทพานในพระองค์” (พระเจ้าปเสนทิโกศล) “จะได้แก่โลกทั้งหลายไปภายหน้า จำไว้พิจารณาอย่าลืมหลง จะเสื่อมสูญเมธีกวีวงศ์ และฝูงหงส์พงศ์ประยูรตระกูลพราหมณ์ จะเฟื่องฟูเชยชมนิยมหยาบ แบกแต่บาปหาบนรกขึ้นยกหาม กองกรรมก็จะนำสนองตาม จะลงหนังสุนัขถามเมื่อยามตาย พระไตรรัตน์จะวิบัติหม่นมัวหมอง ไม่ผุดผ่องแผ้วผาดสะอาดฉาย ศักราชคำรบนั้นสองพันปลาย จะต้องพุทธทำนายไว้แน่เอย ฯ”

ท่านผู้อ่านที่รักทั้งหลาย ที่ได้อ่านมาตลอดทั้ง สี่ ตอนแล้ว จะเห็นได้ถึงความยิ่งใหญ่ในพระปรีชาญาณ เรียกว่าอนาคตังสญาณ คือญาณหรือปัญญาที่หยั่งรู้อนาคต อันเป็นบทที่จะได้เป็นเครื่องเตือนใจ ให้สติแก่ประชาชนชาวไทยจะได้ไม่ประมาท หลงมัวเมาไปตามแนวคิด ทฤษฎีตะวันตกมากนัก ให้รู้จักและเข้าใจว่า “ปัญญาอันยิ่งใหญ่ต้องมาจากพระพุทธเจ้า” ผู้ทรงเป็นศาสดาเอกของโลก การที่ผู้ปกครองชุดแล้วชุดเล่าพยายามที่จะนำแนวคิดตะวันตกมาครอบงำ ปัญญา แนวคิดขนบธรรมเนียมประเพณีอันเป็นรากฐานของชาติ นอกจากจะตกเป็นทาสทางความคิดตะวันตกแล้ว ยังทำให้เกิดความขัดแย้งในเชิงลึกระหว่างผู้ปกครองกับผู้ปกครองอย่างไม่สิ้นสุด จึงเป็นเหตุอุปสรรคใหญ่ในการพัฒนาประเทศให้ไปคนละทิศทางระหว่างขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมอันเป็นรากฐานฐานของชาติ กับแนวคิด ทฤษฎี สร้าง ยกร่างรัฐธรรมนูญเพื่อจะสร้างระบอบประชาธิปไตย อันเป็นมิจฉาทิฐิ

ส่วนแนวคิดจากรากฐานอุดมการณ์ชาติ พระศาสนา พระมหากษัตริย์ คือ พระเจ้าแผ่นดินทรงสถาปนาหลักการปกครองโดยธรรม แล้วร่างรัฐธรรมนูญ และกฎหมายต่างๆ ให้สอดคล้องกับหลักการปกครอง เพียงเท่านี้เห็นว่าไม่ยากเลย จุดเริ่มต้นแห่งสัมมาทิฐิของชาติก็จะเดินหน้าในทันที ทั้งนี้เป็นพระราชภารกิจของพระเจ้าแผ่นดินเท่านั้น เพื่อความมั่นคงสถาพรแห่งชาติสืบไป.
กำลังโหลดความคิดเห็น