ยามบ้านเมืองวิกฤต..มีอันตรายต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์!
ทหาร-มักชักดาบไวมาแต่อดีต ทว่า..ทหารยุคนี้..ดาบขึ้นสนิม..ชักไม่ออก!!
2551 ดาบ-แห่งความเที่ยงธรรมของตุลาการ..กลับชักไวเกินคาด..เลยอภิวัฒน์กว่า!!!
รายการทีวี “ชิมไป-บ่นไป” ที่ นายสมัคร สุนทรเวช รับจ้างทำให้กับบริษัทเอกชน ตั้งแต่ก่อนและหลังเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น คดีความก้าวเข้าสู่วาระสุดท้ายของศาลสถิตยุติธรรมแล้ว
วันที่ 9 กันยายน 2551 ศาลสถิตยุติธรรมจึงนัดหมายให้ทั้งโจทย์-จำเลย มาฟังคำตัดสินโดยพร้อมเพรียงกันในเวลา 14.00 น.
อืมมม..คดีนี้ตัดสินได้รวดเร็วทันใจชาวไทยทั้งประเทศจริงๆ
ส่วนผลจะออกหัว-ก้อยนั้น พวกเราจะสะระแนไปล่วงละเมิดศาลมิได้ เพราะเป็นเรื่องของศาลฯท่านจะพิจารณาตัดสินกันครับ
หากผลออกมาว่า นายสมัคร สุนทรเวช “ไม่ผิด” “จมูกชมพู่” ก็ยังคงเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปสบายใจเฉิบได้อีก แต่เชื่อขนมกินล่วงหน้าไว้ได้เลยว่า รัฐบาล “จมูกชมพู่” ที่ไร้ความชอบธรรม ก็คงจะอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ไม่นานเท่าใดนักหรอก
แต่หาก..ขอใช้คำว่าหากนะครับ หากผลออกมาว่า นายสมัคร สุนทรเวช กระทำผิด..ครานี้แหละอลเวงแน่ เพราะนายสมัคร สุนทรเวช จะต้องหลุดจากการเป็นนายกรัฐมนตรีทันที แน่นอน..งานนี้คณะรัฐมนตรีทั้งยวงก็ต้องม้วนเสื่อตามไปด้วยโดยอัตโนมัติ
งานนี้เลยต้องถือว่า..เหล่าตุลาการภิวัฒน์รักชาติด้วยใจ และปฏิบัติการครบถ้วนเยี่ยงคนดีของชาติพึงกระทำ มิใช่รักชาติแบบ “ลิงหลอกเจ้า” เยี่ยง “จมูกชมพู่” กระทำ ตุลาการกล้าหาญต่อการภิวัฒน์อย่างเที่ยงธรรม โดยมิพรั่นอิทธิพลพวกนักการเมืองขี้โกง ที่ชนะด้วยการซื้อเสียงเลือกตั้งเข้ามาบริหารชาติแบบฉ้อฉลไงล่ะครับ
โอ้..ตุลาการภิวัฒน์มาแล้วหลายครั้งครา ตั้งแต่คดีความผัว-เมียอภิมหาเศรษฐีขี้ฉ้อ ที่หันมาทำธุรกิจการเมืองด้วยการใช้วิธีการตั้งพรรค-ซื้ออดีต ส.ส.-ซื้อเสียงประชาชน เมื่อชนะก็เข้ายึดกุมอำนาจรัฐอย่างเหิมเกริม จากนั้นก็บริหารบ้านเมืองด้วยการทำผิดกับการคอร์รัปชันมากมาย
นั่นยังไม่รวมความผิดอุกฉกรรจ์ ในการมีส่วนรู้เห็นเป็นใจต่อขบวนการจาบจ้วง-ทำร้าย- ทำลายสถาบันหลักของชาติ อันเป็นที่เคารพเทิดทูนของปวงชนชาวไทยอีกด้วย
สุดท้ายผัว-เมียอภิมหาเศรษฐีนักธุรกิจการเมือง ก็หนีความผิดหลายคดีความไปอยู่ยังเมืองลอนดอน-ประเทศอังกฤษ จนโดนหมายจับฉาวโฉ่ไปทั่วโลก
“จมูกชมพู่” นอมินีของ “ตั๊กสิม-อ้อแอ้” ผัว-เมียนักธุรกิจการเมืองนั้น พอได้เป็นนายกรัฐมนตรีแห่ง “เสียมก๊ก” “จมูกชมพู่” ก็ตัวพองเป็น “คางคกขึ้นวอทอง” ทันที
แต่ความเก๋าแบบฉลาดแกมโกงในชีวิตนักการเมือง “จมูกชมพู่” เลยคว้าเอาตำแหน่งเสนาบดีกลาโหมเพิ่ม แล้วดึงเอาตัว “เถิกง่ามถ่อ” มาไว้ในกำมือ อันเท่ากับ “จมูกชมพู่” ได้ทหารทั้งสีเขียว-สีกรมท่า-สีขาว มาเป็นกำแพงหนุนหลังให้นั่นเอง
“จมูกชมพู่” รู้แก่ใจเป็นอย่างดีว่า ใน “เสียมก๊ก” นี้..หากมีรัฐประหารคราใด ไพร่พลสีเขียวมักเป็นหัวหอกทุกที แม้นรัฐประหารบางครั้งของสีเขียวจะหอกหักให้เห็นบ้างเป็นครั้งคราว แต่สำหรับ “จมูกชมพู่” นั้น..กูจะให้เกิดรัฐประหารตัวกูไม่ได้โว้ยยย..
การจะไปไหนในแดนดินถิ่น “เสียมก๊ก” “จมูกชมพู่” จึงมักหนีบเอาจอมยุทธ์สีเขียว “เถิกง่ามถ่อ” ติดรักแร้ไปด้วยมิได้ขาด ราวกับทั้งสองเป็น “ผีกับโลง” ยังไงอย่างงั้นแหละ
นอกจากนั้นในยาม “จมูกชมพู่” อ่อนแอทางการเมืองเยี่ยงนี้ “เถิกง่ามถ่อ” อยากได้รถถังแบบไหน? อยากได้งบประมาณมากปานใด? อยากได้อะไรในใต้หล้ารัฐบาล “จมูกชมพู่” ก็เป็นอันได้ดั่งใจปรารถนาทั้งสิ้นเลยครับ
อืมมม..ยุคนี้ “เถิกง่ามถ่อ” นั้น..สบายสะดือแดอย่างที่สุด ใครที่อยากให้ “เถิกง่ามถ่อ” ทำอะไรนั้น “เถิกง่ามถ่อ” จะทำเป็นเออๆ ออๆ ห่อหมกหลอกล่อเห็นด้วย เรียกว่าเอาใจทุกฝ่ายไม่ขาดตกบกพร่อง แต่จะไม่ทำอะไรที่กระทบผลประโยชน์ของตนทั้งสิ้น
งานนี้ “จมูกชมพู่” ก็อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่ใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มไปได้เรื่อยๆ เพื่อหากินกับโครงการเมกะโปรเจกต์สารพัด สบายสะดือแดด้วยกันทั้งสองฝ่ายนี้แหละ ทำให้เกิดสัญญาลับๆ ว่าชาตินี้ “เถิกง่ามถ่อ” จะไม่ทำรัฐประหาร “จมูกชมพู่” อย่างแน่นอน
ดังนั้นแม้นจะมีพันธมิตรฯ กับประชาชนเรือนแสน บุกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลได้..อีกทั้งยังปักหลัก ไม่ยอมออกจากทำเนียบฯ ตราบทุกวันนี้ จนกลายเป็นเสี้ยนตำเท้าให้รัฐบาล “จมูกชมพู่” เป๋ไปเป๋มา ยากจะฝืนหน้าสบตาผู้คนทั้งในและต่างประเทศได้
“จมูกชมพู่” ได้ขยิบตาจ้าง นปก.และออก พ.ร.ก. หวังให้ทหารเข่นฆ่าพันธมิตรฯ และประชาชน แต่ก็แป๊ก..เพราะทหารไม่ยอมทำบาปครั้งนี้ด้วย
ในที่สุด “จมูกชมพู่” ก็ต้องทำตัวเป็น “รัฐบาลจรจัด” จนต้องหนีไปประชุมครม.ที่จังหวัดอุดรฯ
สถานการณ์วิกฤตยามนี้ “เถิกง่ามถ่อ” นั้นรู้ดีว่า “จมูกชมพู่” สุดที่เลิฟ เป็นคนโครตดื้อชนิดหาใครในเสี้ยมก๊กมาเทียบเทียมมิได้เลย และ “จมูกชมพู่” ไม่มีวันจะทำตามผู้คนในสังคมต้องการอย่างแน่นอน ดังที่ “จมูกชมพู่” ได้ประกาศอย่างเด็ดเดี่ยว-เด็ดขาด ผ่านทางสถานีวิทยุของกรมประชาสัมพันธ์เรียบร้อยไปแล้วว่า
“กูไม่ยุบ-กูไม่ออก!!!”
บ้านเมืองยามนี้จึงมีหนทางให้เลือกอยู่ไม่กี่ก๊อก ส่วนผู้มีอำนาจราชศักดิ์จะเปิดก๊อกไหนแก้ปัญหาบ้านเมืองนั้น ต้องแล้วแต่สถานการณ์ที่เป็นจริงเฉพาะหน้าเท่านั้นเอง
อืมมม..อยากรู้ล่ะสิว่า แต่ละ “ก๊อก” คืออะไร? เอ้า..ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว..เปิดกันเสียให้หมดก๊อกเลยดีไหม?
ก๊อกแรก-บีบให้ “จมูกชมพู่” ยุบสภาฯ (ก๊อกนี้เปิดแล้วน้ำไม่ไหล..เพราะไอ้หอกหักมันไม่ยอม)
ก๊อกสอง-บีบให้ “จมูกชมพู่” ลาออก (โอ้ย..ก๊อกนี้น้ำไม่ไหลอีก)
ก๊อกสาม-ตุลาการภิวัฒน์ตัดสิน “จมูกชมพู่” ผิด จากคดี “กินไป-บ่นไป” จนต้องพ้นจากการเป็นนายกรัฐมนตรีในทันที (อืมมม..ต้องดูการตัดสินของศาลในวันอังคารนี้)
หากศาลตัดสินให้สมัคร สุนทรเวช-ผิด การเมืองไทย..จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ก๊อกสี่-พรรคพลังประชาชนกับพรรคร่วมรัฐบาล ยังคงจับมือกันอย่างเหนียวแน่น แล้วดันก้นดำๆ ของ “จมูกชมพู่” กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีใหม่อีกครั้ง
ก๊อกห้า-พรรคพลังประชาชนสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่แทน “จมูกชมพู่” (แน่นอน..เชื่อขนมกินได้เลยว่า..บ้านเมืองจะต้องไม่สงบอีกตามเคย)
ก๊อกหก-ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ (เฮ้อ..ยากเหมือนเข็นครกขึ้นเขา..ประชาธิปัตย์กับพลังประชาชน คงยากจะผสมพันธุ์กันแบบตัวเงินตัวทองในทำเนียบฯ แน่นอน บอกได้เลยว่าก๊อกนี้..ยากส์ส์ส์)
ก๊อกเจ็ด-สลับขั้วรัฐบาลจากพลังประชาชนมาเป็นประชาธิปัตย์ นั่นก็ทำได้..แต่ก็ยากส์ส์ส์ว่ะ(งูเห่าฝูงไหนวะ..ที่จะย้ายมาลงรูใหม่?)
ก๊อกแปด-วุ่นวายหาทางออกไม่ได้..หากจำเป็นอาจเกิด “รัฐประหารแนวใหม่” (เถิกง่ามถ่อ-สะดุ้งเฮือก..ตูอยากเป็นทหารประชาธิปไตยว่ะ..ไม่ทำว้อยยยย..)
เฮ้อ..น่าเศร้าแทนประเทศนี้จริงๆ ตุลาการภิวัฒน์ไล่สมัครลงจากนายกฯ ตามตัวบทกฏหมาย แต่นักการเมืองที่หน้าด้านทั้งหลายไม่สนใจ ยังคงรวมตัวกันเพื่อแบกสมัครกลับมาเป็นนายกรัฐอีกครั้ง!
คนการเมืองชั่วทำให้การเมืองชั่วตามแบบนี้แหละ การแก้ไข-แก้ปัญหาย่อมเป็นเรื่องท้าทาย ผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่ในแผ่นดินนี้ยิ่งนัก
หากคราครั้งนี้..สังคมการเมืองไทย ยังคงย่ำอยู่ในความมืดมนอนธการไร้อนาคต เงินตรา-ยังคงเป็นใหญ่ในสนามเลือกตั้งและการตั้งรัฐบาล รัฐบาลที่บริหารประเทศก็จะยังคงโกงกินบ้านเมือง เพื่อเอาเงินที่คอร์รัปชันได้มาซื้อเสียงอีกครา จนกลายเป็นวงจรอุบาทว์มิรู้จบในสังคมไทยมาหลายสิบปี
การเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ของผู้มีอำนาจราชศักดิ์ ต่อปัญหาเลวร้ายทางการเมืองของชาติดังกล่าว ขอบอกไว้เลยว่า..สักวัน..เลือดไทยจะต้องนองท้องช้าง และหากไทยต้องฆ่าไทย..ความผิดทั้งปวงที่เกิดขึ้นนั้น
ผู้มีอำนาจทุกคน-ทุกฝ่าย (รวมทั้งเถิกง่ามถ่อด้วย) ในผืนแผ่นดินไทย ที่มีศักยภาพและต้องทำให้การเมืองไทยและสังคมไทยดีขึ้นกว่านี้ ทว่า..พวกเขากลับปล่อยปละละเลยไม่ทำหน้าที่ดังกล่าวอย่างจริงจัง อันถือได้ว่า..ไม่รับผิดชอบต่ออนาคตของชาติแม้นแต่น้อย!
คนมีอำนาจเหล่านั้นแหละ..ที่ผิดและสังคมต้องตำหนิพวกเขาอย่างรุนแรงโดยตรงครับ!!!
ทหาร-มักชักดาบไวมาแต่อดีต ทว่า..ทหารยุคนี้..ดาบขึ้นสนิม..ชักไม่ออก!!
2551 ดาบ-แห่งความเที่ยงธรรมของตุลาการ..กลับชักไวเกินคาด..เลยอภิวัฒน์กว่า!!!
รายการทีวี “ชิมไป-บ่นไป” ที่ นายสมัคร สุนทรเวช รับจ้างทำให้กับบริษัทเอกชน ตั้งแต่ก่อนและหลังเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น คดีความก้าวเข้าสู่วาระสุดท้ายของศาลสถิตยุติธรรมแล้ว
วันที่ 9 กันยายน 2551 ศาลสถิตยุติธรรมจึงนัดหมายให้ทั้งโจทย์-จำเลย มาฟังคำตัดสินโดยพร้อมเพรียงกันในเวลา 14.00 น.
อืมมม..คดีนี้ตัดสินได้รวดเร็วทันใจชาวไทยทั้งประเทศจริงๆ
ส่วนผลจะออกหัว-ก้อยนั้น พวกเราจะสะระแนไปล่วงละเมิดศาลมิได้ เพราะเป็นเรื่องของศาลฯท่านจะพิจารณาตัดสินกันครับ
หากผลออกมาว่า นายสมัคร สุนทรเวช “ไม่ผิด” “จมูกชมพู่” ก็ยังคงเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปสบายใจเฉิบได้อีก แต่เชื่อขนมกินล่วงหน้าไว้ได้เลยว่า รัฐบาล “จมูกชมพู่” ที่ไร้ความชอบธรรม ก็คงจะอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ไม่นานเท่าใดนักหรอก
แต่หาก..ขอใช้คำว่าหากนะครับ หากผลออกมาว่า นายสมัคร สุนทรเวช กระทำผิด..ครานี้แหละอลเวงแน่ เพราะนายสมัคร สุนทรเวช จะต้องหลุดจากการเป็นนายกรัฐมนตรีทันที แน่นอน..งานนี้คณะรัฐมนตรีทั้งยวงก็ต้องม้วนเสื่อตามไปด้วยโดยอัตโนมัติ
งานนี้เลยต้องถือว่า..เหล่าตุลาการภิวัฒน์รักชาติด้วยใจ และปฏิบัติการครบถ้วนเยี่ยงคนดีของชาติพึงกระทำ มิใช่รักชาติแบบ “ลิงหลอกเจ้า” เยี่ยง “จมูกชมพู่” กระทำ ตุลาการกล้าหาญต่อการภิวัฒน์อย่างเที่ยงธรรม โดยมิพรั่นอิทธิพลพวกนักการเมืองขี้โกง ที่ชนะด้วยการซื้อเสียงเลือกตั้งเข้ามาบริหารชาติแบบฉ้อฉลไงล่ะครับ
โอ้..ตุลาการภิวัฒน์มาแล้วหลายครั้งครา ตั้งแต่คดีความผัว-เมียอภิมหาเศรษฐีขี้ฉ้อ ที่หันมาทำธุรกิจการเมืองด้วยการใช้วิธีการตั้งพรรค-ซื้ออดีต ส.ส.-ซื้อเสียงประชาชน เมื่อชนะก็เข้ายึดกุมอำนาจรัฐอย่างเหิมเกริม จากนั้นก็บริหารบ้านเมืองด้วยการทำผิดกับการคอร์รัปชันมากมาย
นั่นยังไม่รวมความผิดอุกฉกรรจ์ ในการมีส่วนรู้เห็นเป็นใจต่อขบวนการจาบจ้วง-ทำร้าย- ทำลายสถาบันหลักของชาติ อันเป็นที่เคารพเทิดทูนของปวงชนชาวไทยอีกด้วย
สุดท้ายผัว-เมียอภิมหาเศรษฐีนักธุรกิจการเมือง ก็หนีความผิดหลายคดีความไปอยู่ยังเมืองลอนดอน-ประเทศอังกฤษ จนโดนหมายจับฉาวโฉ่ไปทั่วโลก
“จมูกชมพู่” นอมินีของ “ตั๊กสิม-อ้อแอ้” ผัว-เมียนักธุรกิจการเมืองนั้น พอได้เป็นนายกรัฐมนตรีแห่ง “เสียมก๊ก” “จมูกชมพู่” ก็ตัวพองเป็น “คางคกขึ้นวอทอง” ทันที
แต่ความเก๋าแบบฉลาดแกมโกงในชีวิตนักการเมือง “จมูกชมพู่” เลยคว้าเอาตำแหน่งเสนาบดีกลาโหมเพิ่ม แล้วดึงเอาตัว “เถิกง่ามถ่อ” มาไว้ในกำมือ อันเท่ากับ “จมูกชมพู่” ได้ทหารทั้งสีเขียว-สีกรมท่า-สีขาว มาเป็นกำแพงหนุนหลังให้นั่นเอง
“จมูกชมพู่” รู้แก่ใจเป็นอย่างดีว่า ใน “เสียมก๊ก” นี้..หากมีรัฐประหารคราใด ไพร่พลสีเขียวมักเป็นหัวหอกทุกที แม้นรัฐประหารบางครั้งของสีเขียวจะหอกหักให้เห็นบ้างเป็นครั้งคราว แต่สำหรับ “จมูกชมพู่” นั้น..กูจะให้เกิดรัฐประหารตัวกูไม่ได้โว้ยยย..
การจะไปไหนในแดนดินถิ่น “เสียมก๊ก” “จมูกชมพู่” จึงมักหนีบเอาจอมยุทธ์สีเขียว “เถิกง่ามถ่อ” ติดรักแร้ไปด้วยมิได้ขาด ราวกับทั้งสองเป็น “ผีกับโลง” ยังไงอย่างงั้นแหละ
นอกจากนั้นในยาม “จมูกชมพู่” อ่อนแอทางการเมืองเยี่ยงนี้ “เถิกง่ามถ่อ” อยากได้รถถังแบบไหน? อยากได้งบประมาณมากปานใด? อยากได้อะไรในใต้หล้ารัฐบาล “จมูกชมพู่” ก็เป็นอันได้ดั่งใจปรารถนาทั้งสิ้นเลยครับ
อืมมม..ยุคนี้ “เถิกง่ามถ่อ” นั้น..สบายสะดือแดอย่างที่สุด ใครที่อยากให้ “เถิกง่ามถ่อ” ทำอะไรนั้น “เถิกง่ามถ่อ” จะทำเป็นเออๆ ออๆ ห่อหมกหลอกล่อเห็นด้วย เรียกว่าเอาใจทุกฝ่ายไม่ขาดตกบกพร่อง แต่จะไม่ทำอะไรที่กระทบผลประโยชน์ของตนทั้งสิ้น
งานนี้ “จมูกชมพู่” ก็อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่ใหญ่เบ้อเริ่มเทิ่มไปได้เรื่อยๆ เพื่อหากินกับโครงการเมกะโปรเจกต์สารพัด สบายสะดือแดด้วยกันทั้งสองฝ่ายนี้แหละ ทำให้เกิดสัญญาลับๆ ว่าชาตินี้ “เถิกง่ามถ่อ” จะไม่ทำรัฐประหาร “จมูกชมพู่” อย่างแน่นอน
ดังนั้นแม้นจะมีพันธมิตรฯ กับประชาชนเรือนแสน บุกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลได้..อีกทั้งยังปักหลัก ไม่ยอมออกจากทำเนียบฯ ตราบทุกวันนี้ จนกลายเป็นเสี้ยนตำเท้าให้รัฐบาล “จมูกชมพู่” เป๋ไปเป๋มา ยากจะฝืนหน้าสบตาผู้คนทั้งในและต่างประเทศได้
“จมูกชมพู่” ได้ขยิบตาจ้าง นปก.และออก พ.ร.ก. หวังให้ทหารเข่นฆ่าพันธมิตรฯ และประชาชน แต่ก็แป๊ก..เพราะทหารไม่ยอมทำบาปครั้งนี้ด้วย
ในที่สุด “จมูกชมพู่” ก็ต้องทำตัวเป็น “รัฐบาลจรจัด” จนต้องหนีไปประชุมครม.ที่จังหวัดอุดรฯ
สถานการณ์วิกฤตยามนี้ “เถิกง่ามถ่อ” นั้นรู้ดีว่า “จมูกชมพู่” สุดที่เลิฟ เป็นคนโครตดื้อชนิดหาใครในเสี้ยมก๊กมาเทียบเทียมมิได้เลย และ “จมูกชมพู่” ไม่มีวันจะทำตามผู้คนในสังคมต้องการอย่างแน่นอน ดังที่ “จมูกชมพู่” ได้ประกาศอย่างเด็ดเดี่ยว-เด็ดขาด ผ่านทางสถานีวิทยุของกรมประชาสัมพันธ์เรียบร้อยไปแล้วว่า
“กูไม่ยุบ-กูไม่ออก!!!”
บ้านเมืองยามนี้จึงมีหนทางให้เลือกอยู่ไม่กี่ก๊อก ส่วนผู้มีอำนาจราชศักดิ์จะเปิดก๊อกไหนแก้ปัญหาบ้านเมืองนั้น ต้องแล้วแต่สถานการณ์ที่เป็นจริงเฉพาะหน้าเท่านั้นเอง
อืมมม..อยากรู้ล่ะสิว่า แต่ละ “ก๊อก” คืออะไร? เอ้า..ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว..เปิดกันเสียให้หมดก๊อกเลยดีไหม?
ก๊อกแรก-บีบให้ “จมูกชมพู่” ยุบสภาฯ (ก๊อกนี้เปิดแล้วน้ำไม่ไหล..เพราะไอ้หอกหักมันไม่ยอม)
ก๊อกสอง-บีบให้ “จมูกชมพู่” ลาออก (โอ้ย..ก๊อกนี้น้ำไม่ไหลอีก)
ก๊อกสาม-ตุลาการภิวัฒน์ตัดสิน “จมูกชมพู่” ผิด จากคดี “กินไป-บ่นไป” จนต้องพ้นจากการเป็นนายกรัฐมนตรีในทันที (อืมมม..ต้องดูการตัดสินของศาลในวันอังคารนี้)
หากศาลตัดสินให้สมัคร สุนทรเวช-ผิด การเมืองไทย..จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ก๊อกสี่-พรรคพลังประชาชนกับพรรคร่วมรัฐบาล ยังคงจับมือกันอย่างเหนียวแน่น แล้วดันก้นดำๆ ของ “จมูกชมพู่” กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีใหม่อีกครั้ง
ก๊อกห้า-พรรคพลังประชาชนสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่แทน “จมูกชมพู่” (แน่นอน..เชื่อขนมกินได้เลยว่า..บ้านเมืองจะต้องไม่สงบอีกตามเคย)
ก๊อกหก-ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ (เฮ้อ..ยากเหมือนเข็นครกขึ้นเขา..ประชาธิปัตย์กับพลังประชาชน คงยากจะผสมพันธุ์กันแบบตัวเงินตัวทองในทำเนียบฯ แน่นอน บอกได้เลยว่าก๊อกนี้..ยากส์ส์ส์)
ก๊อกเจ็ด-สลับขั้วรัฐบาลจากพลังประชาชนมาเป็นประชาธิปัตย์ นั่นก็ทำได้..แต่ก็ยากส์ส์ส์ว่ะ(งูเห่าฝูงไหนวะ..ที่จะย้ายมาลงรูใหม่?)
ก๊อกแปด-วุ่นวายหาทางออกไม่ได้..หากจำเป็นอาจเกิด “รัฐประหารแนวใหม่” (เถิกง่ามถ่อ-สะดุ้งเฮือก..ตูอยากเป็นทหารประชาธิปไตยว่ะ..ไม่ทำว้อยยยย..)
เฮ้อ..น่าเศร้าแทนประเทศนี้จริงๆ ตุลาการภิวัฒน์ไล่สมัครลงจากนายกฯ ตามตัวบทกฏหมาย แต่นักการเมืองที่หน้าด้านทั้งหลายไม่สนใจ ยังคงรวมตัวกันเพื่อแบกสมัครกลับมาเป็นนายกรัฐอีกครั้ง!
คนการเมืองชั่วทำให้การเมืองชั่วตามแบบนี้แหละ การแก้ไข-แก้ปัญหาย่อมเป็นเรื่องท้าทาย ผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่ในแผ่นดินนี้ยิ่งนัก
หากคราครั้งนี้..สังคมการเมืองไทย ยังคงย่ำอยู่ในความมืดมนอนธการไร้อนาคต เงินตรา-ยังคงเป็นใหญ่ในสนามเลือกตั้งและการตั้งรัฐบาล รัฐบาลที่บริหารประเทศก็จะยังคงโกงกินบ้านเมือง เพื่อเอาเงินที่คอร์รัปชันได้มาซื้อเสียงอีกครา จนกลายเป็นวงจรอุบาทว์มิรู้จบในสังคมไทยมาหลายสิบปี
การเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ของผู้มีอำนาจราชศักดิ์ ต่อปัญหาเลวร้ายทางการเมืองของชาติดังกล่าว ขอบอกไว้เลยว่า..สักวัน..เลือดไทยจะต้องนองท้องช้าง และหากไทยต้องฆ่าไทย..ความผิดทั้งปวงที่เกิดขึ้นนั้น
ผู้มีอำนาจทุกคน-ทุกฝ่าย (รวมทั้งเถิกง่ามถ่อด้วย) ในผืนแผ่นดินไทย ที่มีศักยภาพและต้องทำให้การเมืองไทยและสังคมไทยดีขึ้นกว่านี้ ทว่า..พวกเขากลับปล่อยปละละเลยไม่ทำหน้าที่ดังกล่าวอย่างจริงจัง อันถือได้ว่า..ไม่รับผิดชอบต่ออนาคตของชาติแม้นแต่น้อย!
คนมีอำนาจเหล่านั้นแหละ..ที่ผิดและสังคมต้องตำหนิพวกเขาอย่างรุนแรงโดยตรงครับ!!!
