อ่านคนการเมือง..ต้องอ่านให้ขาด แบบจับแก้ผ้ายืนกันกลางสนามหลวง แถมสนุกกับการใช้สมองอ่านความหมายของตัวละครทางการเมืองให้แตกด้วยนะครับ
ภาพยนตร์เรื่อง “แก๊งออฟโฟร์” ตอนต้นนั้น เจ้าแก๊งนี้มีทีท่าเป็น“สุนัขผู้ซื่อสัตย์” กับ“แม้ว-อ้อ” เพราะผัว-เมียมหาเศรษฐีคู่นี้มีเงินมหาศาลให้ถลุง ใช้เป็นเส้นทางลัดเข้าสู่สภาฯ เพื่อเป็น ส.ส.-เสนาบดี-นายกรัฐมนตรีนั่นเอง
แต่พอ “แม้ว-อ้อ” โดนคดีความต้องหนีกะทันหันไปอยู่ ณ เมืองผู้ดีประเทศอังกฤษ จนถูกศาลฎีกาออกหมายจับฉาวไปทั้งโลก
บารมี “แม้ว-อ้อ” ก็หรี่แสงลง..จนเอาตัวรอดได้ยาก แก๊งออฟโฟร์เลยพลิกตัวหันมาจับมือกัน ถึงขนาดมีการประชุมทั้งลับและเปิดเผยหลายครา โดยมีตัวหลักในการประสานครั้งนี้ ชื่อย่อว่า“ธี” และ “เน” (แหม..ชื่อย่อนี้ช่างตีความง่ายจังเลยฟ่ะ) ครับ
การเอาชัยทางการเมืองหลังยุบสภาฯ นั้น แน่นอน..ต้องมีถุงเงินใหญ่หนุนหลังแก๊งออฟโฟร์ไม่หวัง (ถ้าได้ด้วยก็ดี) จะได้เงินจาก “แม้ว-อ้อ” อีกแล้ว เพราะวันนี้..พวกเขามี “เจ้าสัว” ผู้หากินกับโครงการใหญ่ๆ ในประเทศไทยและจีนหนุนหลังพร้อมสรรพ
ขอบอกว่า..เงินของเจ้าสัวคนนี้ เผลอๆ จะมีมากกว่า “แม้ว-อ้อ” ซะด้วยซ้ำไป
เบื้องหลังที่สำคัญคือ..“จมูกชมพู่” นั้น สนิทสุดลิ่มทิ่มประตูกับ “เจ้าสัว” ผู้นี้มั๊กมาก เพราะมาดามของ “จมูกชมพู่” เคยทำงานอยู่ในบริษัท “เจ้าสัว” แถมเพื่อนซี้ย่ำปึ๊ก “จืด-ข้าวบูด”ก็เป็นที่ปรึกษามายาวนานของ “เจ้าสัว” เช่นกัน
ความลับที่ไม่ลับและเชื่อถือได้ถูกเปิดออกมาอีกว่า ทุกครั้งยาม “จมูกชมพู่” ลงเล่นการเมือง ไม่ว่าจะระดับชาติหรือระดับเมืองหลวง “เจ้าสัว” คนนี้จะควักกระเป๋าส่ง “กระสุนดินดำ”ให้อย่างเต็มที่เสมอมา
แต่ “จมูกชมพู่” กับพวกในแก๊งออฟโฟร์ที่กำลังใหญ่คับฟ้าในวันนี้..จะได้ใหญ่คับฟ้าในวันหน้าอีกหรือไม่ จะตั้งพรรคการเมืองใหม่..แล้วจะมี ส.ส.มาสังกัดมากน้อยนั้น ชี้ขาดอยู่ที่ผลของคดีความหลายคดี ที่ในเร็ววันนี้แหละจะมีผลการตัดสินออกมาว่า..บวกหรือลบ!
แน่นอน..ผลจะออกมาดีหรือร้ายก็ตาม ตอนนี้พลพรรคของแก๊งออฟโฟร์กำลังคร่ำเคร่งกับการหาช่องทางช่วย “จมูกชมพู่” ทุกวิถีทางอยู่ครับ
ส่วนอีกแก๊งหนึ่งที่ประกอบด้วย น้องสาวและน้องเขย “แม้ว-อ้อ” มีนักการเมือง “เจ๊หน่อย” แห่งกทม.ประสานงา..เอ๊ย..งานอยู่ กลุ่มนี้เพิ่งได้ “ดร.เยสโนโอเค” มาเป็นสมาชิกใหม่ “จมูกชมพู่” ไม่ชอบขี้หน้าพวกนี้นัก เพราะคนในกลุ่มนี้ไปรับแผนใครบางคน มาไล่ “จมูกชมพู่”ให้ออกจากตำแหน่ง เพื่อจะได้ยกก้นน้องเขยขึ้นเป็นนายกฯ แทนไงล่ะ
อ้อ..งานนี้เผอิญ “แม้ว-อ้อ” ดันหลงไปเออออห่อหมกด้วย แถมไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่เรื่อง“ความลับ” ไม่มีในโลกนะ เพราะ “จมูกชมพู่” ดันแอบไปรู้เบื้องการถ่ายทำหนังเรื่อง “ฝ่าด่าน-ยึดทำเนียบฯ” เข้า คราวนี้เลยวงแตก..“จมูกชมพู่” โกรธและเริ่มแข็งเมือง มีอาการไม่ฟังคำสั่ง“แม้ว-อ้อ” แบบเต็มร้อยเสียแล้ว
หากสังเกตสังกาสักหน่อยจะเห็นว่า บทบาททางการเมืองกลุ่มญาติ “นายหญิง-นายใหญ่” และ “เจ๊หน่อย” ถูกลดลงในตอนนี้และเกิดการปีนเกลียว ถึงขนาดมีนักการเมืองอีสานบางคน ออกมายืนลากไส้แก๊งออฟโฟร์ให้กากินกลางแจ้งเลยทีเดียว
แม้น “แม้ว” จะส่งน้องเล็กคนสวย “ยิ่งเลิฟ” มาเชื่อมต่อ แต่อาการประกาศตนเป็นไทของแก๊งออฟโฟร์กับ “อ้อ-แม้ว” ก็ยังไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร
การเมืองแบบนี้ตาต้องไม่กะพริบ หรือถ้าจะกะพริบ..ก็ต้องกะพริบเร็วๆ ครับ
ครานี้ผมจะมาเฉลยบทบาทของอีแอบ “แก๊งออฟทู” สองคู่หูนาย-บ่าวที่สนิทชิดเชื้อกันมั๊กมาก นั่นคือ “นายเถิกง่ามถ่อ” กับ “นายหล่อไร้เมีย” สองคู่หูในวงการสีเขียวนี้มิใช่นักการเมือง แต่ดันทะลึ่งเล่นการเมืองแบบหลายหน้ามาตลอด
เริ่มจาก “นายหล่อไร้เมีย” กันก่อน หมอนี่เคยใหญ่มั๊กมากในยุทธจักรสีเขียว “หล่อไร้เมีย” ได้เป็นใหญ่เพราะผู้ใหญ่ในบ้านเมือง หวังจะให้ทัพสีเขียวปลอดจากการเมือง “แม้ว” แต่กาลกลับหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เพราะ“นายหล่อไร้เมีย” กลับแอบไปรับใช้ “แม้ว” อย่างสุดจิตสุดใจ
ดังนั้น..ตลอดการเป็นใหญ่ในทัพสีเขียว “นายหล่อไร้เมีย” จึงไร้ผลงานอันโดดเด่น แต่เขาเป็นคนดัน “นายเถิกง่ามถ่อ” ขึ้นเป็นแม่ทัพภาค 1 แห่งอาณาจักรสีเขียวครับ
เมื่อ “บิ๊กบัง” ก้าวขึ้นกุมบังเหียนทัพสีเขียว “แม้ว” อยู่ในห้วงโดน “สนธิ-ลิ้ม” กับสี่พันธมิตรฯ และประชาชนอันไพศาล แฉโพยถึงสิ่งไม่ชอบมาพากลมากมาย จนรัฐบาล “แม้ว” อยู่ในอาการจะล้มมิล้มแหล่
“บิ๊กบัง” เลยลับ-ลวง-พราง “แม้ว” ก่อนจะยกพลสีเขียวบุกกระตุก “แม้ว” จนตกจากเก้าอี้ตึกไทยคู่ฟ้าอย่างกะทันหัน ในวันที่ 19 กันยายน 2549
เหตุการณ์ครานั้น... “นายเถิกง่ามถ่อ” มีบทบาทสำคัญไม่น้อย และ“นายหล่อไร้เมีย” ที่ออกจากราชการแล้ว..ได้แอบเข้าไปช่วยด้วย แต่ทั้งคู่ดูจะไม่ค่อยพอใจนัก เพราะ “บิ๊กบัง” ไม่ได้ให้บทบาทอันควรกับนาย-บ่าวคู่นี้เลย
อย่างไรก็ตาม..หลัง “บิ๊กบัง” หมดอายุในการครองทัพสีเขียว “นายเถิกง่ามถ่อ” ก็แซงโค้งชนะ “ดอกไม้สพรั่ง” อย่างหวุดหวิด
เมื่อ “เถิกง่ามถ่อ” ได้เป็นบุรุษหมายเลขหนึ่งของทัพสีเขียว การเมืองไทยก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ด้วย “นายแม้ว” ได้ใช้เงินซื้อเสียงและโกงสารพัดวิธี ทำให้ “แม้ว” กลับมาใหญ่ได้อีกคราครั้งหนึ่งไงล่ะ
แต่ “แม้ว” ก็พลาดที่ใช้หุ่นเชิด “จมูกชมพู่” เข้าคุมอำนาจรัฐ เพราะเจ้าหมอนี่เพียบพูนด้วยเล่ห์เพทุบาย และไม่ฟังใครนอกจากแมวตัวเมียที่บ้านตนเองเท่านั้น
ตอนนั้น “จมูกชมพู่” รู้ว่าตนไร้กำลังหนุนในสภาฯ เมื่อได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว “จมูกชมพู่” ก็เริ่มแข็งเมืองด้วยการไม่ยอมตั้ง “มิตเตอร์เรืองโรจน์” คนสนิทของ “แม้ว” อีกทั้งไม่ยอมตั้ง “นายหล่อไร้เมีย” ที่ “เถิกง่ามถ่อ” และ “แม้ว” เห็นพ้องต้องกัน ให้เป็นรมต.กลาโหมครับ
เพราะ “จมูกชมพู่” หน้ามืดจนไม่เห็นใครเหมาะ และสมควรกับตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมเท่ากับ “นายจมูกชมพู่” ดังนั้น “จมูกชมพู่” นายกรัฐมนตรี จึงได้แต่งตั้ง “นายจมูกชมพู่” ให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เฮ้อ..วนไปวนมาเวียนหัวจังเล้ย..
คำ “น้ำพึ่งเรือ-เสือพึ่งป่า” จึงเกิดขึ้น “จมูกชมพู่” กับ “เถิกง่ามถ่อ” เลยกลายเป็น “ผีกับโลง” ตราบจนทุกวันนี้
เมื่อเป็นเช่นนี้ รัฐบาลอันมีที่มาจากการโกงเลือกตั้งของ “จมูกชมพู่” จึงได้ทหารใหญ่ “นายเถิกง่ามถ่อ” เป็นเสาค้ำยันรัฐบาล ที่แม้นไม่มั่นคง..แต่ก็ไม่ล้มสักที แถมรังสีอำมหิตสีเขียวที่แผ่อยู่ด้านหลัง “จมูกชมพู่” ยังทำให้พวกนักการเมืองพลังประชาชนและ “แม้ว” ไม่กล้าหือ-ไม่กล้าซี้ซั้วกับ “จมูกชมพู่” อีกด้วย
ข้าง “นายเถิกง่ามถ่อ” นั้นก็มั่นคงในตำแหน่งหน้าที่ เพราะ“จมูกชมพู่” แทบไม่เข้ามาก้าวก่ายมากนัก แถมอยากได้อะไร “จมูกชมพู่” ก็จะประเคนให้บริโภคดังใจมิได้ขาด ทำให้วันๆ “เถิกง่ามถ่อ” มีความสุขฤดีแดแชเชือน เอาแต่นั่งๆ นอนๆ ร้องเพลงสุนทราภรณ์ “สุขกันเถอะเรา” สบายใจเฉิบไปวันๆ เท่านั้นเอง
วันนี้ “นายเถิกง่ามถ่อ” จึงอยู่ในสถานะ ไม่สนใจว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ จะตกอยู่ในห้วงอันตรายจากการทำร้ายทำลาย แถมไม่แยแสว่าประชาชนคนไทยต้องเดือดร้อนแสนสาหัสไปทุกหย่อมหญ้า จากฝีมือการบริหารประเทศชนิดห่วยแตกสุดๆ ของ “จมูกชมพู่” ดังในปัจจุบันนี้
นั่นยังไม่รวมการเสียอธิปไตย และดินแดนในกรณีเขาพระวิหาร อีกทั้งมีการคอร์รัปชันโครงการเมกะโปรเจกต์กันอย่างมโหฬาร เรียกว่ารัฐบาล “จมูกชมพู่” นั้นแสนสามานย์ยิ่ง แต่ “เถิกง่ามถ่อ” ก็ยังคงวางตัวเฉยชา ไร้ความรู้สึกรู้สาได้อย่างคงเส้นคงวาชนิดเหลือเชื่อจริงๆ
ครานี้มาถึง “นายหล่อไร้เมีย” ผู้เป็นอดีตนายของ “นายเถิกง่ามถ่อ” สองผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุทธจักรสีเขียวต่างวัยนี้ ต่างเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ตั้งแต่ครั้งเริ่มรับราชการในแวดวงสีเขียวเลยหละ
“หล่อไร้เมีย” กับ “เถิกง่ามถ่อ” สองคนนี้ ต้องบอกไว้ ณ ที่นี้เลยว่า..เขาทั้งสอง มิใช่นักการเมืองมืออาชีพ แต่กลเกมทางการเมืองที่เดินไปบนถนน คู่ไปกับบรรดานักการเมืองเขี้ยวลากดินนั้น ไม่ธรรมด้า..ไม่ธรรมดาจริงๆ
คอการเมืองมือฉกาจต่อการวิเคราะห์การเมือง ยังต้องยกนิ้วโป้งให้..ก่อนจะรำพึงรำพันว่า..
เฮ้อ..จอมยุทธ์สีเขียว “หล่อไร้เมีย”กับ “เถิกง่ามถ่อ”นายแน่มาก..หนอยเล่นการเมืองแบบมาเหนือเมฆเลยนะเฟ้ย!!!
(อ่านต่อตอนต่อไปครับ)
ภาพยนตร์เรื่อง “แก๊งออฟโฟร์” ตอนต้นนั้น เจ้าแก๊งนี้มีทีท่าเป็น“สุนัขผู้ซื่อสัตย์” กับ“แม้ว-อ้อ” เพราะผัว-เมียมหาเศรษฐีคู่นี้มีเงินมหาศาลให้ถลุง ใช้เป็นเส้นทางลัดเข้าสู่สภาฯ เพื่อเป็น ส.ส.-เสนาบดี-นายกรัฐมนตรีนั่นเอง
แต่พอ “แม้ว-อ้อ” โดนคดีความต้องหนีกะทันหันไปอยู่ ณ เมืองผู้ดีประเทศอังกฤษ จนถูกศาลฎีกาออกหมายจับฉาวไปทั้งโลก
บารมี “แม้ว-อ้อ” ก็หรี่แสงลง..จนเอาตัวรอดได้ยาก แก๊งออฟโฟร์เลยพลิกตัวหันมาจับมือกัน ถึงขนาดมีการประชุมทั้งลับและเปิดเผยหลายครา โดยมีตัวหลักในการประสานครั้งนี้ ชื่อย่อว่า“ธี” และ “เน” (แหม..ชื่อย่อนี้ช่างตีความง่ายจังเลยฟ่ะ) ครับ
การเอาชัยทางการเมืองหลังยุบสภาฯ นั้น แน่นอน..ต้องมีถุงเงินใหญ่หนุนหลังแก๊งออฟโฟร์ไม่หวัง (ถ้าได้ด้วยก็ดี) จะได้เงินจาก “แม้ว-อ้อ” อีกแล้ว เพราะวันนี้..พวกเขามี “เจ้าสัว” ผู้หากินกับโครงการใหญ่ๆ ในประเทศไทยและจีนหนุนหลังพร้อมสรรพ
ขอบอกว่า..เงินของเจ้าสัวคนนี้ เผลอๆ จะมีมากกว่า “แม้ว-อ้อ” ซะด้วยซ้ำไป
เบื้องหลังที่สำคัญคือ..“จมูกชมพู่” นั้น สนิทสุดลิ่มทิ่มประตูกับ “เจ้าสัว” ผู้นี้มั๊กมาก เพราะมาดามของ “จมูกชมพู่” เคยทำงานอยู่ในบริษัท “เจ้าสัว” แถมเพื่อนซี้ย่ำปึ๊ก “จืด-ข้าวบูด”ก็เป็นที่ปรึกษามายาวนานของ “เจ้าสัว” เช่นกัน
ความลับที่ไม่ลับและเชื่อถือได้ถูกเปิดออกมาอีกว่า ทุกครั้งยาม “จมูกชมพู่” ลงเล่นการเมือง ไม่ว่าจะระดับชาติหรือระดับเมืองหลวง “เจ้าสัว” คนนี้จะควักกระเป๋าส่ง “กระสุนดินดำ”ให้อย่างเต็มที่เสมอมา
แต่ “จมูกชมพู่” กับพวกในแก๊งออฟโฟร์ที่กำลังใหญ่คับฟ้าในวันนี้..จะได้ใหญ่คับฟ้าในวันหน้าอีกหรือไม่ จะตั้งพรรคการเมืองใหม่..แล้วจะมี ส.ส.มาสังกัดมากน้อยนั้น ชี้ขาดอยู่ที่ผลของคดีความหลายคดี ที่ในเร็ววันนี้แหละจะมีผลการตัดสินออกมาว่า..บวกหรือลบ!
แน่นอน..ผลจะออกมาดีหรือร้ายก็ตาม ตอนนี้พลพรรคของแก๊งออฟโฟร์กำลังคร่ำเคร่งกับการหาช่องทางช่วย “จมูกชมพู่” ทุกวิถีทางอยู่ครับ
ส่วนอีกแก๊งหนึ่งที่ประกอบด้วย น้องสาวและน้องเขย “แม้ว-อ้อ” มีนักการเมือง “เจ๊หน่อย” แห่งกทม.ประสานงา..เอ๊ย..งานอยู่ กลุ่มนี้เพิ่งได้ “ดร.เยสโนโอเค” มาเป็นสมาชิกใหม่ “จมูกชมพู่” ไม่ชอบขี้หน้าพวกนี้นัก เพราะคนในกลุ่มนี้ไปรับแผนใครบางคน มาไล่ “จมูกชมพู่”ให้ออกจากตำแหน่ง เพื่อจะได้ยกก้นน้องเขยขึ้นเป็นนายกฯ แทนไงล่ะ
อ้อ..งานนี้เผอิญ “แม้ว-อ้อ” ดันหลงไปเออออห่อหมกด้วย แถมไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่เรื่อง“ความลับ” ไม่มีในโลกนะ เพราะ “จมูกชมพู่” ดันแอบไปรู้เบื้องการถ่ายทำหนังเรื่อง “ฝ่าด่าน-ยึดทำเนียบฯ” เข้า คราวนี้เลยวงแตก..“จมูกชมพู่” โกรธและเริ่มแข็งเมือง มีอาการไม่ฟังคำสั่ง“แม้ว-อ้อ” แบบเต็มร้อยเสียแล้ว
หากสังเกตสังกาสักหน่อยจะเห็นว่า บทบาททางการเมืองกลุ่มญาติ “นายหญิง-นายใหญ่” และ “เจ๊หน่อย” ถูกลดลงในตอนนี้และเกิดการปีนเกลียว ถึงขนาดมีนักการเมืองอีสานบางคน ออกมายืนลากไส้แก๊งออฟโฟร์ให้กากินกลางแจ้งเลยทีเดียว
แม้น “แม้ว” จะส่งน้องเล็กคนสวย “ยิ่งเลิฟ” มาเชื่อมต่อ แต่อาการประกาศตนเป็นไทของแก๊งออฟโฟร์กับ “อ้อ-แม้ว” ก็ยังไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร
การเมืองแบบนี้ตาต้องไม่กะพริบ หรือถ้าจะกะพริบ..ก็ต้องกะพริบเร็วๆ ครับ
ครานี้ผมจะมาเฉลยบทบาทของอีแอบ “แก๊งออฟทู” สองคู่หูนาย-บ่าวที่สนิทชิดเชื้อกันมั๊กมาก นั่นคือ “นายเถิกง่ามถ่อ” กับ “นายหล่อไร้เมีย” สองคู่หูในวงการสีเขียวนี้มิใช่นักการเมือง แต่ดันทะลึ่งเล่นการเมืองแบบหลายหน้ามาตลอด
เริ่มจาก “นายหล่อไร้เมีย” กันก่อน หมอนี่เคยใหญ่มั๊กมากในยุทธจักรสีเขียว “หล่อไร้เมีย” ได้เป็นใหญ่เพราะผู้ใหญ่ในบ้านเมือง หวังจะให้ทัพสีเขียวปลอดจากการเมือง “แม้ว” แต่กาลกลับหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เพราะ“นายหล่อไร้เมีย” กลับแอบไปรับใช้ “แม้ว” อย่างสุดจิตสุดใจ
ดังนั้น..ตลอดการเป็นใหญ่ในทัพสีเขียว “นายหล่อไร้เมีย” จึงไร้ผลงานอันโดดเด่น แต่เขาเป็นคนดัน “นายเถิกง่ามถ่อ” ขึ้นเป็นแม่ทัพภาค 1 แห่งอาณาจักรสีเขียวครับ
เมื่อ “บิ๊กบัง” ก้าวขึ้นกุมบังเหียนทัพสีเขียว “แม้ว” อยู่ในห้วงโดน “สนธิ-ลิ้ม” กับสี่พันธมิตรฯ และประชาชนอันไพศาล แฉโพยถึงสิ่งไม่ชอบมาพากลมากมาย จนรัฐบาล “แม้ว” อยู่ในอาการจะล้มมิล้มแหล่
“บิ๊กบัง” เลยลับ-ลวง-พราง “แม้ว” ก่อนจะยกพลสีเขียวบุกกระตุก “แม้ว” จนตกจากเก้าอี้ตึกไทยคู่ฟ้าอย่างกะทันหัน ในวันที่ 19 กันยายน 2549
เหตุการณ์ครานั้น... “นายเถิกง่ามถ่อ” มีบทบาทสำคัญไม่น้อย และ“นายหล่อไร้เมีย” ที่ออกจากราชการแล้ว..ได้แอบเข้าไปช่วยด้วย แต่ทั้งคู่ดูจะไม่ค่อยพอใจนัก เพราะ “บิ๊กบัง” ไม่ได้ให้บทบาทอันควรกับนาย-บ่าวคู่นี้เลย
อย่างไรก็ตาม..หลัง “บิ๊กบัง” หมดอายุในการครองทัพสีเขียว “นายเถิกง่ามถ่อ” ก็แซงโค้งชนะ “ดอกไม้สพรั่ง” อย่างหวุดหวิด
เมื่อ “เถิกง่ามถ่อ” ได้เป็นบุรุษหมายเลขหนึ่งของทัพสีเขียว การเมืองไทยก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ด้วย “นายแม้ว” ได้ใช้เงินซื้อเสียงและโกงสารพัดวิธี ทำให้ “แม้ว” กลับมาใหญ่ได้อีกคราครั้งหนึ่งไงล่ะ
แต่ “แม้ว” ก็พลาดที่ใช้หุ่นเชิด “จมูกชมพู่” เข้าคุมอำนาจรัฐ เพราะเจ้าหมอนี่เพียบพูนด้วยเล่ห์เพทุบาย และไม่ฟังใครนอกจากแมวตัวเมียที่บ้านตนเองเท่านั้น
ตอนนั้น “จมูกชมพู่” รู้ว่าตนไร้กำลังหนุนในสภาฯ เมื่อได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว “จมูกชมพู่” ก็เริ่มแข็งเมืองด้วยการไม่ยอมตั้ง “มิตเตอร์เรืองโรจน์” คนสนิทของ “แม้ว” อีกทั้งไม่ยอมตั้ง “นายหล่อไร้เมีย” ที่ “เถิกง่ามถ่อ” และ “แม้ว” เห็นพ้องต้องกัน ให้เป็นรมต.กลาโหมครับ
เพราะ “จมูกชมพู่” หน้ามืดจนไม่เห็นใครเหมาะ และสมควรกับตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมเท่ากับ “นายจมูกชมพู่” ดังนั้น “จมูกชมพู่” นายกรัฐมนตรี จึงได้แต่งตั้ง “นายจมูกชมพู่” ให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เฮ้อ..วนไปวนมาเวียนหัวจังเล้ย..
คำ “น้ำพึ่งเรือ-เสือพึ่งป่า” จึงเกิดขึ้น “จมูกชมพู่” กับ “เถิกง่ามถ่อ” เลยกลายเป็น “ผีกับโลง” ตราบจนทุกวันนี้
เมื่อเป็นเช่นนี้ รัฐบาลอันมีที่มาจากการโกงเลือกตั้งของ “จมูกชมพู่” จึงได้ทหารใหญ่ “นายเถิกง่ามถ่อ” เป็นเสาค้ำยันรัฐบาล ที่แม้นไม่มั่นคง..แต่ก็ไม่ล้มสักที แถมรังสีอำมหิตสีเขียวที่แผ่อยู่ด้านหลัง “จมูกชมพู่” ยังทำให้พวกนักการเมืองพลังประชาชนและ “แม้ว” ไม่กล้าหือ-ไม่กล้าซี้ซั้วกับ “จมูกชมพู่” อีกด้วย
ข้าง “นายเถิกง่ามถ่อ” นั้นก็มั่นคงในตำแหน่งหน้าที่ เพราะ“จมูกชมพู่” แทบไม่เข้ามาก้าวก่ายมากนัก แถมอยากได้อะไร “จมูกชมพู่” ก็จะประเคนให้บริโภคดังใจมิได้ขาด ทำให้วันๆ “เถิกง่ามถ่อ” มีความสุขฤดีแดแชเชือน เอาแต่นั่งๆ นอนๆ ร้องเพลงสุนทราภรณ์ “สุขกันเถอะเรา” สบายใจเฉิบไปวันๆ เท่านั้นเอง
วันนี้ “นายเถิกง่ามถ่อ” จึงอยู่ในสถานะ ไม่สนใจว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ จะตกอยู่ในห้วงอันตรายจากการทำร้ายทำลาย แถมไม่แยแสว่าประชาชนคนไทยต้องเดือดร้อนแสนสาหัสไปทุกหย่อมหญ้า จากฝีมือการบริหารประเทศชนิดห่วยแตกสุดๆ ของ “จมูกชมพู่” ดังในปัจจุบันนี้
นั่นยังไม่รวมการเสียอธิปไตย และดินแดนในกรณีเขาพระวิหาร อีกทั้งมีการคอร์รัปชันโครงการเมกะโปรเจกต์กันอย่างมโหฬาร เรียกว่ารัฐบาล “จมูกชมพู่” นั้นแสนสามานย์ยิ่ง แต่ “เถิกง่ามถ่อ” ก็ยังคงวางตัวเฉยชา ไร้ความรู้สึกรู้สาได้อย่างคงเส้นคงวาชนิดเหลือเชื่อจริงๆ
ครานี้มาถึง “นายหล่อไร้เมีย” ผู้เป็นอดีตนายของ “นายเถิกง่ามถ่อ” สองผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุทธจักรสีเขียวต่างวัยนี้ ต่างเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา ตั้งแต่ครั้งเริ่มรับราชการในแวดวงสีเขียวเลยหละ
“หล่อไร้เมีย” กับ “เถิกง่ามถ่อ” สองคนนี้ ต้องบอกไว้ ณ ที่นี้เลยว่า..เขาทั้งสอง มิใช่นักการเมืองมืออาชีพ แต่กลเกมทางการเมืองที่เดินไปบนถนน คู่ไปกับบรรดานักการเมืองเขี้ยวลากดินนั้น ไม่ธรรมด้า..ไม่ธรรมดาจริงๆ
คอการเมืองมือฉกาจต่อการวิเคราะห์การเมือง ยังต้องยกนิ้วโป้งให้..ก่อนจะรำพึงรำพันว่า..
เฮ้อ..จอมยุทธ์สีเขียว “หล่อไร้เมีย”กับ “เถิกง่ามถ่อ”นายแน่มาก..หนอยเล่นการเมืองแบบมาเหนือเมฆเลยนะเฟ้ย!!!
(อ่านต่อตอนต่อไปครับ)