ชี้"แม้ว"วางแผนสร้างภาพพบ "ป๋าเปรม" เพื่อทำลายความชอบธรรมการชุมนุมของพันธมิตรฯให้ประชาชนสับสน เข้าใจผิด ดังนั้นต้องไม่หลงกลตื้นๆนี้ "จำลอง" ชี้เป็นความสุภาพของป๋าเปรม ที่มีมาแต่ไหนแต่ไร ขนาด"ชมพู่" เพิ่งด่าในสภา ยังนั่งคุยด้วยอยู่นาน มั่นใจ"ป๋ายังเป็นคนเดิม" ด้าน"บัญญัติ" ไม่เชื่อแม้วเลิกเล่นการเมือง เนื่องจากยังห่วงทรัพย์สินที่ถูกอายัด
วานนี้ (30 พ.ค.) รายการสภาท่าพระอาทิตย์ ที่เวทีการชุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ได้มีการวิเคราะห์ถึงการพบกันครั้งแรก หลังมีการยึดอำนาจเมื่อเดือน ก.ย. 49 ระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้เข้าไปไหว้ และทักทาย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ในงานศพมารดา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ว่าเป็นการสร้างภาพ เพื่อหวังผลทำลายความชอบธรรมในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ
โดยนายพิเชฐ พัฒนโชติ อดีตรองประธานวุฒิสภา และ ส.ว.นครราชสีมา กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าเป็นการฉวยโอกาสของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่พยายามสะท้อนนัยทางการเมืองให้ประชาชนได้เห็น เพราะพอ พ.ต.ท.ทักษิณ รู้ว่า พล.อ.เปรม มาจึงปรากฏตัว ทำให้สังคมมองว่าตัวพ.ต.ท.ทักษิณ เองไม่มีปัญหาอะไร กับพล.อ.เปรม ซึ่งเรื่องนี้เป็นเกมที่วางแผนไว้แล้ว ซึ่งเรื่องนี้ไม่อาจสกัดกั้นแนวทางการต่อสู้ของภาคประชาชนได้เลย และตนเชื่อว่าพล.อ.เปรม รู้ดีว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนอย่างไร ทำอะไรไว้กับบ้านเมืองบ้าง
นายพิเชฐ ยังกล่าวด้วยว่าการลาออกของนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯและเกมการถอนชื่อจากญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นั้นเป็นเกมทางการเมืองที่พรรคพลังประชาชนวางไว้หมดแล้ว เพื่อให้มีคำถามตามมาว่า เขาหยุดแล้ว ถอยสุดซอยแล้ว พันธมิตรฯ จะเอาอะไรอีก ทำไมพันธมิตรฯ ยังเดินหน้าชุมนุมต่อ จึงขอให้พวกเราอย่าไปหลงประเด็นในเกมของเขา เพราะเขาจะทำลายความชอบธรรมของกลุ่มพันธมิตร และผู้มาร่วมชุมนุม
ด้าน นายไชวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีต รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเกมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่วางแผนไว้หมดแล้ว มีการปล่อยข่าวออกมาหลายเรื่อง ทั้งเรื่องนายจักรภพ เรื่องตัดท่อน้ำเลี้ยงของกลุ่ม นปก. และนปช. อีกทั้ง ส.ส.พรรคพลังประชาชน จะไปยื่นขอถอนรายชื่อในญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ สุดท้ายก็เป็นข่าวใหญ่ ผู้ใหญ่ในบ้างเมืองเจอกัน เคลียร์กัน จับมือกันเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างก็น่าจะจบ ประชาชนก็น่าจะจับมือกัน เรื่องนี้ตนถึงเชื่อว่าไม่ใช่เรื่องธรรมชาติ มีการขบวนการ เตรียมการเป็นระบบไว้แล้ว เป็นฉวยโอกาสให้เป็นประโยชน์ ของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ชอบสร้างภาพ เป็นความเป็นความถนัดที่แยบยล ของ พ.ต.ท.ทักษิณ
นางมาลีรัตน์ แก้วก่า อดีตส.ว.สกลนคร กล่าวว่า แค่กลยุทธ์ตื้นๆ เป็นการโยนหินถามทาง ถ้าเขาจะจริงใจ ต้องทำมาตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ใช่นายสมัคร มาคอยอุ้ม นายจักรภพ โดยไม่จัดการอะไร นี่คือธาตุแท้ของเผด็จการ แท้จริงไม่ใช่ใบสั่งของนายสมัคร หรือของนายจักภพ แต่เรื่องนี้มีพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่เบื้องหลัง เขาฉลาดที่จะใช้คนไม่ว่า จะเป็นพวก 111 อดีตกรรมการบริการไทยรักไทย ที่จ้องอยู่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และยังมีแถวที่ 2 คือคนเป็นรัฐมนตรี ใครจะออก จะเป็นจะตายไม่สนใจ ขอแค่ต้องรักษาเก้าอี้รักษาตำแหน่งให้แน่นที่สุด
นอกจากนี้ ยังมีแถวที่ 3 คือพวกที่จงรักภักดีกับรัฐมนนตรี เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง อย่างไรก็ตาม พวกนี้จะพยายามสร้างความชอบธรรมให้เห็นว่า เขาถอยจนสุดซอยแล้ว ทำประชามติแล้ว จะยังชุมนุนุมอยู่อีกทำไม ดังนั้นเราอย่าไปหลงประเด็น
"ขณะนี้รัฐบาลเริ่มใช้วิชามารแล้ว โดยการหว่านซื้อในการลงประชามติล่วงหน้า โดยพ.ต.ท.ทักษิณ เอาเงินกู้ไปลงตามจังหวัดต่างๆ ใครจะกู้ให้ไปเซ็นชื่อ ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย และให้ถ่ายสำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านไปด้วย บอกว่าเดือนหน้าจะได้เงิน นอกจากนี้ยังนำเครื่องถ่ายเอกสารไปไว้ตามวัดต่างๆ เพื่อถ่ายสำเนาบัตรประชาชน และทะเบียนบ้าน ในการเตรียมการที่จะลงประชามติ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เอาชื่อเตรียมไว้ยื่นเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญมาแล้ว ทุกอย่างเขาทำอย่างเป็นขบวนการ นายจตุพร(พรหมพันธุ์) ยังมีหน้ามาถามดิฉันว่า กลัวอะไรกับการลงประชามติ"นางมาลีรัตน์ กล่าว
"จำลอง" ยัน "ป๋า" ยังเป็นคนเดิม
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และอดีตเลขาธิการนายกฯ สมัยรัฐบาลพล.อ.เปรม ได้ขึ้นเวทีของกลุ่มพันธมิตรฯ ชี้แจงและยืนยันถึงท่าทีของ พล.อ.เปรม ต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ว่า "คำถามนี้เป็นคำถามที่คนสนใจกันมาก และโดยเฉพาะคนที่เดินทางมาจากจ.สงขลา บ้านเกิดของประธานองคมนตรี คงจะอยากทราบว่าป๋าเป็นอะไรไปหรือเปล่า" พล.ต.จำลอง กล่าวต่อหน้าผู้ชุมนุม และเริ่มต้นเล่าอุปนิสัยของป๋าเปรมให้ฟัง
"ผมทำงานให้ป๋า ก่อนที่ป๋าจะเป็นนายกฯ ก่อนที่จะมีการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งป๋าเป็นนายกฯ ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่ตอนนั้นต้องเลือกรัฐมนตรี ที่มาจากการเลือกตั้ง และตอนนั้นท่านให้ผมเป็นผู้ประสานพรรคการเมืองต่างๆในการจัดตั้งรัฐบาล"
"ผมก็กราบเรียนเสนอไปว่า สุดแล้วแต่ป๋าเห็นสมควร แต่เราน่าจะทำตามธรรมเนียมประเพณีแบบไทยๆ ถ้าหัวหน้าพรรคคนไหนมีอายุมากกว่าป๋า ก็ควรไปถึงบ้านท่าน และให้ท่านช่วยแนะนำการจัดตั้งรัฐบาล และให้แนะนำ ส.ส.ในพรรคนั้นมาเป็นรัฐมนตรี"
"ส่วนหัวหน้าพรรคไหนอายุน้อยกว่าป๋า ก็ควรจะนัดให้ไปพบป๋าที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ ตามธรรมเนียมที่ผู้น้อยควรเข้าพบผู้ใหญ่ ป๋าไปพบ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช, พลตรีประมาณ อดิเรกสาร ทั้ง 2 ท่านเป็นหัวหน้าพรรค"
"ผมประสานไปที่พรรคการเมืองหนึ่ง หัวหน้าพรรคขอเรียกว่า คุณชมพู่ ขอเรียนเชิญคุณชมพู่ไปบ้านสี่เสา แกก็พูดว่าถ้าผู้สื่อข่าวเห็นก็จะไปกันใหญ่ แกไม่ยอมท่าเดียว บอกว่าพรรคใหญ่เหมือนกัน เขายืนยันว่าป๋าต้องไปหาแกท่าเดียว"
"ระหว่างที่ผมกำลังคุยโทรศัพท์กับคุณชมพู่ ป๋าก็ผ่านมาได้ยิน แต่ป๋าบอกว่า จำลอง ผมจัดการเอง ระหว่างที่ป๋ากำลังโทรคุยกับนายชมพู่ ผมได้ยินป๋าพูดอยู่แค่ 2-3 คำว่า ครับ ครับ ครับ พอวางโทรศัพท์ ป๋าบอกว่า ป๋านึกว่า เขาจะสอนการเมืองป๋า 2 นาที แต่เขาสอนป๋าตั้ง 10 นาที" พล.ต.จำลอง เล่า
"อีกกรณีหนึ่ง ที่งานศพ ณ วัดเทพศิรินทร์ ป๋านั่งร่วมงานอยู่ ส่วนคุณชมพู่ ก็เข้ามาคุย ทั้งที่เพิ่งด่าป๋าในสภาอย่างสาดเสียเทเสีย แต่ป๋าก็นั่งคุยกับเขาอยู่นาน ถ้าเป็นผมคงแสดงท่าทีออกไป" พล.ต.จำลอง ย้อนอดีต พร้อมทั้งย้ำว่า เหล่านี้คือบุคลิกของพล.อ.เปรม ที่เป็นสุภาพบุรุษ ก่อนจะลงจากเวที พล.ต.จำลอง ย้ำว่า "ป๋ายังเป็นคนเดิม"
ยันไม่เกี่ยวข้องพันธมิตรฯ
นายสุริยะใส ตกะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า อย่านำพันธมิตรฯ ไปโยงกับ พล.อ.อนุพงษ์ หรือ พล.อ.เปรม ว่ามีการคุยอะไรกัน พันธมิตรฯ ไม่เกี่ยวข้อง ปัจจัยการเคลื่อนไหวอยู่ที่มติของประชาชนที่มาร่วมชุมนุม ว่าจะยืดเยื้อปักหลักต่อไปหรือไม่ แต่สังเกตุว่าวันที่เราประกาศให้เป็นวันดีเดย์ กลับมีความเคลื่อนไหวถอนชื่อสนับสนุนญัตติแก้รัฐธรรมนูญ และนายจักรภพ ก็ประกาศ ลาออก
เชื่อ "แม้ว" ไหว้ "ป๋าเปรม" แค่มารยาท
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนไม่รู้สึกว่าจะมีสัญญาณอะไร เพราะเป็นการพบกันในงานสวดพระอภิธรรมศพ และการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะยกมือไหว้ประธานองคมนตรี ในฐานะที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ก็ถือเป็นเรื่องปกติ และก็ไม่ได้พูดจาอะไรกันมากมาย นอกจากทักทายกันในสังคม แต่ถ้าสังคมจะพยายามมองว่าเป็นการสร้างภาพ ก็มีสิทธิที่จะมองได้ แต่ผลที่จะเกิดขึ้นต่อสถานการณ์การเมืองของประเทศ ตนคิดว่าคงไม่เกี่ยวข้องกัน เป็นเรื่องของมารยาททางสังคมเท่านั้น
ชี้ "แม้ว" ยังห่วงสมบัติ-ไม่ทิ้งการเมือง
อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณ ก็พยายามจะกลับเข้ามาการเมืองโดยตลอดและพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยืนยันมาตลอดและไม่เคยเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะเลิกเล่นการเมือง เพราะการเคลื่อนไหวตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นในสถานะไหนก็ตาม ถ้ามองกันอย่างลึกๆ ก็คือพยายามที่จะรักษาระดับความเชื่อมั่นความเชื่อถือในทางการเมืองไว้เรื่อยๆ ประคับประคองไม่ยอมให้กระแสตก หลายครั้งหลายหนเห็นชัดเจนว่าพยายามที่จะเพิ่มกระแสให้ตัวเอง
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีความห่วงใยในบรรดาทรัพย์สินของครอบครัว ซึ่งยังอยู่ระหว่างการดำเนินการของ คตส. ซึ่งตนคิดว่าตรงนั้นเป็นความมุ่งหมายหลักที่ละได้ยาก จึงมีพยายามของพรรคพลังประชาชน ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพยายามที่จะยกเลิก มาตรา 309 หรือการยกเลิกกระบวนการ คตส.โดยสิ้นเชิง ก็เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นความมุ่งหมายเดียวกัน
ปัญหาแคลงใจกันน่าจะยุติได้
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส. กล่าวถึงการพบกันของทั้งสองคนว่า จากที่เห็นบรรยากาศดูเรียบร้อยดี ซึ่งเห็นว่าก็ดี และคนไทยถึงยังไงก็ตัดไม่ขาดจากความเป็นคนไทยด้วยกัน วันเวลาคงทำให้ทุกอย่างเข้าใจกัน และเราเป็นชาวพุทธ ต้องให้อภัย ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าใครทำผิด ทำถูก แต่อะไรที่ไม่สบายใจ ก็จะค่อยหายไปเอง นี่คือคุณสมบัติที่ทำให้สังคมไทยอยู่ได้ และไม่เกิดความรุนแรง ส่วนการพูดคุยครั้งนี้จะทำให้ทุกฝ่ายกลับหันหน้าเข้าหากันหรือไม่ อยู่ที่คนหากมองโลกแง่ดี และสร้างสรรค์ก็มีแนวโน้มที่จะหันหน้าเข้าหากันช่วยเหลือกัน
วานนี้ (30 พ.ค.) รายการสภาท่าพระอาทิตย์ ที่เวทีการชุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ได้มีการวิเคราะห์ถึงการพบกันครั้งแรก หลังมีการยึดอำนาจเมื่อเดือน ก.ย. 49 ระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ได้เข้าไปไหว้ และทักทาย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ในงานศพมารดา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ว่าเป็นการสร้างภาพ เพื่อหวังผลทำลายความชอบธรรมในการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ
โดยนายพิเชฐ พัฒนโชติ อดีตรองประธานวุฒิสภา และ ส.ว.นครราชสีมา กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าเป็นการฉวยโอกาสของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่พยายามสะท้อนนัยทางการเมืองให้ประชาชนได้เห็น เพราะพอ พ.ต.ท.ทักษิณ รู้ว่า พล.อ.เปรม มาจึงปรากฏตัว ทำให้สังคมมองว่าตัวพ.ต.ท.ทักษิณ เองไม่มีปัญหาอะไร กับพล.อ.เปรม ซึ่งเรื่องนี้เป็นเกมที่วางแผนไว้แล้ว ซึ่งเรื่องนี้ไม่อาจสกัดกั้นแนวทางการต่อสู้ของภาคประชาชนได้เลย และตนเชื่อว่าพล.อ.เปรม รู้ดีว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนอย่างไร ทำอะไรไว้กับบ้านเมืองบ้าง
นายพิเชฐ ยังกล่าวด้วยว่าการลาออกของนายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯและเกมการถอนชื่อจากญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นั้นเป็นเกมทางการเมืองที่พรรคพลังประชาชนวางไว้หมดแล้ว เพื่อให้มีคำถามตามมาว่า เขาหยุดแล้ว ถอยสุดซอยแล้ว พันธมิตรฯ จะเอาอะไรอีก ทำไมพันธมิตรฯ ยังเดินหน้าชุมนุมต่อ จึงขอให้พวกเราอย่าไปหลงประเด็นในเกมของเขา เพราะเขาจะทำลายความชอบธรรมของกลุ่มพันธมิตร และผู้มาร่วมชุมนุม
ด้าน นายไชวัฒน์ สินสุวงศ์ อดีต รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเกมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่วางแผนไว้หมดแล้ว มีการปล่อยข่าวออกมาหลายเรื่อง ทั้งเรื่องนายจักรภพ เรื่องตัดท่อน้ำเลี้ยงของกลุ่ม นปก. และนปช. อีกทั้ง ส.ส.พรรคพลังประชาชน จะไปยื่นขอถอนรายชื่อในญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญ สุดท้ายก็เป็นข่าวใหญ่ ผู้ใหญ่ในบ้างเมืองเจอกัน เคลียร์กัน จับมือกันเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างก็น่าจะจบ ประชาชนก็น่าจะจับมือกัน เรื่องนี้ตนถึงเชื่อว่าไม่ใช่เรื่องธรรมชาติ มีการขบวนการ เตรียมการเป็นระบบไว้แล้ว เป็นฉวยโอกาสให้เป็นประโยชน์ ของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ชอบสร้างภาพ เป็นความเป็นความถนัดที่แยบยล ของ พ.ต.ท.ทักษิณ
นางมาลีรัตน์ แก้วก่า อดีตส.ว.สกลนคร กล่าวว่า แค่กลยุทธ์ตื้นๆ เป็นการโยนหินถามทาง ถ้าเขาจะจริงใจ ต้องทำมาตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ใช่นายสมัคร มาคอยอุ้ม นายจักรภพ โดยไม่จัดการอะไร นี่คือธาตุแท้ของเผด็จการ แท้จริงไม่ใช่ใบสั่งของนายสมัคร หรือของนายจักภพ แต่เรื่องนี้มีพ.ต.ท.ทักษิณ อยู่เบื้องหลัง เขาฉลาดที่จะใช้คนไม่ว่า จะเป็นพวก 111 อดีตกรรมการบริการไทยรักไทย ที่จ้องอยู่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และยังมีแถวที่ 2 คือคนเป็นรัฐมนตรี ใครจะออก จะเป็นจะตายไม่สนใจ ขอแค่ต้องรักษาเก้าอี้รักษาตำแหน่งให้แน่นที่สุด
นอกจากนี้ ยังมีแถวที่ 3 คือพวกที่จงรักภักดีกับรัฐมนนตรี เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง อย่างไรก็ตาม พวกนี้จะพยายามสร้างความชอบธรรมให้เห็นว่า เขาถอยจนสุดซอยแล้ว ทำประชามติแล้ว จะยังชุมนุนุมอยู่อีกทำไม ดังนั้นเราอย่าไปหลงประเด็น
"ขณะนี้รัฐบาลเริ่มใช้วิชามารแล้ว โดยการหว่านซื้อในการลงประชามติล่วงหน้า โดยพ.ต.ท.ทักษิณ เอาเงินกู้ไปลงตามจังหวัดต่างๆ ใครจะกู้ให้ไปเซ็นชื่อ ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย และให้ถ่ายสำเนาบัตรประชาชน และสำเนาทะเบียนบ้านไปด้วย บอกว่าเดือนหน้าจะได้เงิน นอกจากนี้ยังนำเครื่องถ่ายเอกสารไปไว้ตามวัดต่างๆ เพื่อถ่ายสำเนาบัตรประชาชน และทะเบียนบ้าน ในการเตรียมการที่จะลงประชามติ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เอาชื่อเตรียมไว้ยื่นเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญมาแล้ว ทุกอย่างเขาทำอย่างเป็นขบวนการ นายจตุพร(พรหมพันธุ์) ยังมีหน้ามาถามดิฉันว่า กลัวอะไรกับการลงประชามติ"นางมาลีรัตน์ กล่าว
"จำลอง" ยัน "ป๋า" ยังเป็นคนเดิม
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และอดีตเลขาธิการนายกฯ สมัยรัฐบาลพล.อ.เปรม ได้ขึ้นเวทีของกลุ่มพันธมิตรฯ ชี้แจงและยืนยันถึงท่าทีของ พล.อ.เปรม ต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ว่า "คำถามนี้เป็นคำถามที่คนสนใจกันมาก และโดยเฉพาะคนที่เดินทางมาจากจ.สงขลา บ้านเกิดของประธานองคมนตรี คงจะอยากทราบว่าป๋าเป็นอะไรไปหรือเปล่า" พล.ต.จำลอง กล่าวต่อหน้าผู้ชุมนุม และเริ่มต้นเล่าอุปนิสัยของป๋าเปรมให้ฟัง
"ผมทำงานให้ป๋า ก่อนที่ป๋าจะเป็นนายกฯ ก่อนที่จะมีการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งป๋าเป็นนายกฯ ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แต่ตอนนั้นต้องเลือกรัฐมนตรี ที่มาจากการเลือกตั้ง และตอนนั้นท่านให้ผมเป็นผู้ประสานพรรคการเมืองต่างๆในการจัดตั้งรัฐบาล"
"ผมก็กราบเรียนเสนอไปว่า สุดแล้วแต่ป๋าเห็นสมควร แต่เราน่าจะทำตามธรรมเนียมประเพณีแบบไทยๆ ถ้าหัวหน้าพรรคคนไหนมีอายุมากกว่าป๋า ก็ควรไปถึงบ้านท่าน และให้ท่านช่วยแนะนำการจัดตั้งรัฐบาล และให้แนะนำ ส.ส.ในพรรคนั้นมาเป็นรัฐมนตรี"
"ส่วนหัวหน้าพรรคไหนอายุน้อยกว่าป๋า ก็ควรจะนัดให้ไปพบป๋าที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ ตามธรรมเนียมที่ผู้น้อยควรเข้าพบผู้ใหญ่ ป๋าไปพบ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช, พลตรีประมาณ อดิเรกสาร ทั้ง 2 ท่านเป็นหัวหน้าพรรค"
"ผมประสานไปที่พรรคการเมืองหนึ่ง หัวหน้าพรรคขอเรียกว่า คุณชมพู่ ขอเรียนเชิญคุณชมพู่ไปบ้านสี่เสา แกก็พูดว่าถ้าผู้สื่อข่าวเห็นก็จะไปกันใหญ่ แกไม่ยอมท่าเดียว บอกว่าพรรคใหญ่เหมือนกัน เขายืนยันว่าป๋าต้องไปหาแกท่าเดียว"
"ระหว่างที่ผมกำลังคุยโทรศัพท์กับคุณชมพู่ ป๋าก็ผ่านมาได้ยิน แต่ป๋าบอกว่า จำลอง ผมจัดการเอง ระหว่างที่ป๋ากำลังโทรคุยกับนายชมพู่ ผมได้ยินป๋าพูดอยู่แค่ 2-3 คำว่า ครับ ครับ ครับ พอวางโทรศัพท์ ป๋าบอกว่า ป๋านึกว่า เขาจะสอนการเมืองป๋า 2 นาที แต่เขาสอนป๋าตั้ง 10 นาที" พล.ต.จำลอง เล่า
"อีกกรณีหนึ่ง ที่งานศพ ณ วัดเทพศิรินทร์ ป๋านั่งร่วมงานอยู่ ส่วนคุณชมพู่ ก็เข้ามาคุย ทั้งที่เพิ่งด่าป๋าในสภาอย่างสาดเสียเทเสีย แต่ป๋าก็นั่งคุยกับเขาอยู่นาน ถ้าเป็นผมคงแสดงท่าทีออกไป" พล.ต.จำลอง ย้อนอดีต พร้อมทั้งย้ำว่า เหล่านี้คือบุคลิกของพล.อ.เปรม ที่เป็นสุภาพบุรุษ ก่อนจะลงจากเวที พล.ต.จำลอง ย้ำว่า "ป๋ายังเป็นคนเดิม"
ยันไม่เกี่ยวข้องพันธมิตรฯ
นายสุริยะใส ตกะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า อย่านำพันธมิตรฯ ไปโยงกับ พล.อ.อนุพงษ์ หรือ พล.อ.เปรม ว่ามีการคุยอะไรกัน พันธมิตรฯ ไม่เกี่ยวข้อง ปัจจัยการเคลื่อนไหวอยู่ที่มติของประชาชนที่มาร่วมชุมนุม ว่าจะยืดเยื้อปักหลักต่อไปหรือไม่ แต่สังเกตุว่าวันที่เราประกาศให้เป็นวันดีเดย์ กลับมีความเคลื่อนไหวถอนชื่อสนับสนุนญัตติแก้รัฐธรรมนูญ และนายจักรภพ ก็ประกาศ ลาออก
เชื่อ "แม้ว" ไหว้ "ป๋าเปรม" แค่มารยาท
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนไม่รู้สึกว่าจะมีสัญญาณอะไร เพราะเป็นการพบกันในงานสวดพระอภิธรรมศพ และการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะยกมือไหว้ประธานองคมนตรี ในฐานะที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ก็ถือเป็นเรื่องปกติ และก็ไม่ได้พูดจาอะไรกันมากมาย นอกจากทักทายกันในสังคม แต่ถ้าสังคมจะพยายามมองว่าเป็นการสร้างภาพ ก็มีสิทธิที่จะมองได้ แต่ผลที่จะเกิดขึ้นต่อสถานการณ์การเมืองของประเทศ ตนคิดว่าคงไม่เกี่ยวข้องกัน เป็นเรื่องของมารยาททางสังคมเท่านั้น
ชี้ "แม้ว" ยังห่วงสมบัติ-ไม่ทิ้งการเมือง
อย่างไรก็ตาม พ.ต.ท.ทักษิณ ก็พยายามจะกลับเข้ามาการเมืองโดยตลอดและพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยืนยันมาตลอดและไม่เคยเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะเลิกเล่นการเมือง เพราะการเคลื่อนไหวตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นในสถานะไหนก็ตาม ถ้ามองกันอย่างลึกๆ ก็คือพยายามที่จะรักษาระดับความเชื่อมั่นความเชื่อถือในทางการเมืองไว้เรื่อยๆ ประคับประคองไม่ยอมให้กระแสตก หลายครั้งหลายหนเห็นชัดเจนว่าพยายามที่จะเพิ่มกระแสให้ตัวเอง
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีความห่วงใยในบรรดาทรัพย์สินของครอบครัว ซึ่งยังอยู่ระหว่างการดำเนินการของ คตส. ซึ่งตนคิดว่าตรงนั้นเป็นความมุ่งหมายหลักที่ละได้ยาก จึงมีพยายามของพรรคพลังประชาชน ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพยายามที่จะยกเลิก มาตรา 309 หรือการยกเลิกกระบวนการ คตส.โดยสิ้นเชิง ก็เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นความมุ่งหมายเดียวกัน
ปัญหาแคลงใจกันน่าจะยุติได้
พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส. กล่าวถึงการพบกันของทั้งสองคนว่า จากที่เห็นบรรยากาศดูเรียบร้อยดี ซึ่งเห็นว่าก็ดี และคนไทยถึงยังไงก็ตัดไม่ขาดจากความเป็นคนไทยด้วยกัน วันเวลาคงทำให้ทุกอย่างเข้าใจกัน และเราเป็นชาวพุทธ ต้องให้อภัย ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่าใครทำผิด ทำถูก แต่อะไรที่ไม่สบายใจ ก็จะค่อยหายไปเอง นี่คือคุณสมบัติที่ทำให้สังคมไทยอยู่ได้ และไม่เกิดความรุนแรง ส่วนการพูดคุยครั้งนี้จะทำให้ทุกฝ่ายกลับหันหน้าเข้าหากันหรือไม่ อยู่ที่คนหากมองโลกแง่ดี และสร้างสรรค์ก็มีแนวโน้มที่จะหันหน้าเข้าหากันช่วยเหลือกัน
