xs
xsm
sm
md
lg

วิปฝ่ายค้าน ชี้ “สภาลูกกรอก” ผลงานห่วยแตก จี้ “ชัย” ฟัน ส.ส.ถ่อย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย
วิปฝ่ายค้านสรุปผลงานสภาผู้แทนในรอบสมัยประชุมสามัญ “ห่วยแตก” สร้างประวัติศาสตร์อัปยศ ชี้ รัฐบาลไม่เคยเสนอพระราชบัญญัติเข้าสภาแม้แต่ฉบับเดียว คณะกรรมาธิการก็ยังตั้งไม่ได้ เพราะความแตกแยกภายในของพรรค “พลังแม้ว” เตรียมพิสูจน์ ทั่นประธาน “ชัย” ฟัน ส.ส.ถ่อยพรุ่งนี้ ระบุต้องไม่เป็นสภา “ลูกกรอก”

วันนี้ (13 พ.ค.) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานพรรคฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) แถลงภายหลังการประชุม ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาสรุปผลงานของสภาสมัยสามัญนิติบัญญัติที่ผ่านมา ฝ่ายค้านมองว่ามีผลงานไม่เป็นที่น่าพอใจ ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาของประชาชนน้อยไป เนื่องจากเสียงข้างมากในสภาฯคือพรรคพลังประชาชน ยังมีปัญหาภายในของพรรคเองทำให้การทำหน้าที่ในสภามีการจัดลำดับความสำคัญของงานที่ไม่ได้เป็นการตอบสนองการแก้ไขปัญหาของประชาชนอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาในการประชุมทุกครั้ง กลายเป็นเรื่องของการมีอันธพาลบ้าง และไม่มีการแก้ไขอย่างเด็ดขาด ทำให้กระทบต่อชื่อเสียงของสภา ฝ่ายค้านมีเสียงแค่ 164 เสียงก็เป็นเรื่องยากที่จะขอให้มีการหยิบยกญัตติต่างๆ ที่เป็นวาระสำคัญให้นำเข้าสู่วาระในการประชุม ตลอดสมัยการประชุมที่ผ่านมา พบว่า ได้มีการประชุมทั้งสิ้น 26 ครั้ง ฝ่ายค้านได้มีการเสนอร่าง พ.ร.บ.ต่อสภาทั้งสิ้น 17 ฉบับ และบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุม 9 ฉบับ และอยู่ระหว่างการพิจารณาของฝ่ายรัฐบาล 8 ฉบับ แต่ไม่มีฉบับใดได้รับการหยิบยกขึ้นมาพิจารณาเลย

นายสาทิตย์ กล่าวว่า ฝ่ายรัฐบาลเองโดยคณะรัฐมนตรีเพิ่งจะมีการเสนอร่างกฎหมายเข้าสู่สภาฯอาทิตย์สุดท้ายของการประชุมเพียง 1 ฉบับเท่านั้น และเป็นกฎหมายเวนคืนด้วย แต่ไม่มีกฎหมายตามนโยบายใดที่เสนอเข้าสู่สภา และที่สำคัญยังไม่มีการพิจารณาเลยแม้แต่ฉบับเดียว

นายสาทิตย์ กล่าวต่อว่า ฝ่ายค้านได้เสนอญัตติเข้าสู่สภาทั้งสิ้น 62 ญัตติได้รับการพิจารณา 14 ญัตติและยังคงค้างในระเบียบวาระการประชุมอีก 48 ญัตติ นอกจากนี้ ฝ่ายค้านได้มีการตั้งกระทู้ถามสด 20 กระทู้ กระทู้ถามทั่วไป 125 กระทู้ แต่ได้ตอบเพียง 19 กระทู้ แต่เรื่องที่น่าผิดหวังมากคือกระทู้ถามตอบในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งตามข้อบังคับการประชุมเมื่อมีการถามกระทู้ในราชกิจจาฯ รัฐมนตรีต้องตอบ แต่ฝ่ายค้านได้ตั้งกระทู้ถามตอบทั้งสิ้น 210 กระทู้ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา แต่มีรัฐมนตรีตอบเพียง 2 กระทู้คิดเป็นร้อยละ 0.95 ถือเป็นความล้มเหลวและไม่เอาใจใส่ของฝ่ายรัฐมนตรีอย่างชัดเจน

ดังนั้น สภาที่ผ่านมา จึงถือว่าเป็นสภาที่ยังไม่สามารถตอบสนองการทำหน้าที่ให้ประชาชนได้อย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม เมื่อสภาได้มีการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรใหม่แล้ว เราคิดว่ามติของการเลือกประธานสภา เมื่อวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา ก็ต้องถือว่าเป็นความรับผิดชอบของผู้ที่ลงมติเลือกและเป็นความรับผิดชอบของผู้ที่ได้รับการเลือก

ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ผ่านมา การประชุมสภาสมัยสามัญนิติบัญญัติการทำงานไม่มีประสิทธิภาพเต็มที่เพื่อให้สภาฯตอบสนอง และสามารถแก้ไขปัญหาของประชาชนได้ ฝ่ายค้านจึงมีโจทย์ 2 ข้อที่จะฝากไปถึง นายชัย ชิดชอบ ว่าที่ประธานสภาคนใหม่ คือ 1.เรียกร้องให้มีการจัดลำดับความสำคัญของงานด้านนิติบัญญัติให้สอดคล้องกับปัญหาที่เกิดขึ้นและตอบสนองการแก้ไขปัญหาได้อย่างแท้จริง แต่ นายชัย เองกลับจัดลำดับสิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรก คือ การสร้างรัฐสภาใหม่ ซึ่งต้องใช้งบประมาณมากกว่าหนึ่งพันล้าน ซึ่งฝ่ายค้านเห็นว่าไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญที่ต้องหยิบยกมาเป็นเรื่องแรก แต่งานสำคัญคือ การเร่งตั้งกลไกของสภาให้มีประสิทธิภาพสูงสุดคือการตั้งคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภา ซึ่งขณะนี้ตั้งแต่เปิดสภามาเป็นเวลา 114 วันแล้ว แต่ไม่มีการตั้งคณะกรรมาธิการดังกล่าวอย่างนานที่สุดตั้งแต่มีรัฐสภาไทยเป็นต้นมา ในขณะเดียวกัน วุฒิสภาซึ่งเพิ่งมีการแต่งตั้งคัดเลือกเข้ามากลับมีคณะกรรมาธิการเสร็จสิ้นและเริ่มทำงานแล้ว ซึ่งเรื่องนี้มาจากความแตกแยกภายในพรรคพลังประชาชนเองเพราะจัดสรรตำแหน่งไม่ได้จนยืดเยื้อมาถึงทุกวันนี้

นายสาทิตย์ กล่าวต่อว่า 2.ประธานสภาต้องรักษาศักดิ์ศรีของฝ่ายนิติบัญญัติในการทำหน้าที่โดยไม่อยู่ภายใต้การชี้นำและครอบงำของฝ่ายบริหาร ที่ผ่านมา รัฐสภามีลักษณะการปกป้องฝ่ายบริหารมาตลอด โดยเสียงข้างมากไม่ว่าจะเป็นการทำหน้าที่ของรองประธานสภา โดยเฉพาะ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รองประธานสภาคนที่หนึ่ง ซึ่งมีท่าทีกีดกัน รวบรัดไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่ในสภาอย่างเต็มที่ โดยใช้คำว่าได้วินิจฉัยแล้วและได้ปิดไมค์ไม่ให้สมาชิกอภิปราย ซึ่งถือว่าไม่เป็นการเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่ กรณีเช่นนี้จะสัมพันธ์ไปถึงการโยกระเบียบวาระต่างๆ ขึ้นมาที่จะสอบถามไปยังรัฐบาลตลอดว่าพร้อมที่จะตอบหรือไม่ ฝ่ายค้านไม่อยากเห็นสภาผู้แทนราษฎรกลายเป็นสภาลูกกรอกที่ต้องทำหน้าที่ตามที่ฝ่ายบริหารชี้นำ เราไม่อยากเห็นฝ่ายรัฐบาลที่มีเสียงข้างมากมองสภาฯว่าเป็นเพียงพิธีกรรมบางอย่างแล้วไม่ให้ความสำคัญ

ดังนั้น ประธานสภาคนใหม่ ต้องเรียกร้องสำนึกของสมาชิกสภาฯทุกคนหันกลับมาทำหน้าที่ของสภาฯการเร่งแก้รัฐธรรมนูญนั้นเป็นความประสงค์ของพรรคพลังประชาชนและของฝ่ายบริหารโดยแท้ ไม่ได้เป็นปัญหาของประชาชน แต่สภานี้ซึ่งเป็นเสียงข้างมากพยายามที่จะหยิบจับขึ้นมา ซึ่งโจทย์ 2 ข้อนี้ต้องการเรียกร้องให้ประธานสภาคนใหม่ทำหน้าที่เพื่อให้สมศักดิ์ศรีของสภานิติบัญญัติและสภาผู้แทนราษฎร

นายสาทิตย์ กล่าวต่อว่า ในการประชุมสภาในวันที่ 14 พ.ค.นี้ ซึ่งถือว่าเป็นการประชุมอาทิตย์สุดท้ายก่อนจะมีการปิดสมัยการประชุมนั้น ฝ่ายค้านจะได้มีการทวงถามผลการสอบสวนกรณี นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคพลังประชาชน คุกคามการทำหน้าที่ของ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งคิดว่าถ้านโยบายของประธานสภาฯคนใหม่คือสร้างความสมานฉันท์นั้นต้องเป็นการสมานฉันท์ที่อยู่บนพื้นฐานของการเคารพกฎเกณฑ์กติกา ดังนั้นการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาถามจะต้องมีการเปิดเผยในสภาฯในวันที่ 14 พ.ค.และจะต้องมีการลงมติอย่างใดอย่างหนึ่งด้วย

เมื่อถามว่ารู้หรือไม่ว่า 2 เสียงที่สนับสนุน นายบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นประธานสภา เป็นใคร นายสาทิตย์ กล่าวว่า ยังเป็นปริศนาอยู่ แต่แสดงให้เห็นว่าพรรคพลังประชาชนไม่มีความเป็นเอกภาพเป็นปัญหาภายในพรรคเอง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกระทู้ถามตอบในราชกิจจารนุเบกษาที่ฝ่ายค้านได้ตั้งไปทั้งหมด 210 กระทู้ และมีรัฐมนตรีเพียง 2 คนที่เข้าไปตอบ คือ นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่ากระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬา และ พล.ท.หญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

นายสาทิตย์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการยื่นถอดถอนรัฐมนตรีที่ดำเนินการขัดต่อกฎหมายว่า ในการยื่นถอดถอน นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯนั้น ฝ่ายค้านจะยื่นถอดถอนในวันที่ 14 พ.ค.นี้ เพราะขณะนี้ร่างคำร้องถอดถอนอยู่ในขั้นตอนการขัดเกลาสำนวนเพื่อความเรียบร้อยก่อนยื่น ส่วนกรณี นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่ดำเนินการขัดกฎหมายในการเสนอชื่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) ล่าช้ากว่าที่กฎหมายกำหนดนั้น จึงถือว่าเข้าข่ายการถอดถอน แต่เนื่องจากมีข้อเท็จจริงที่เพิ่มขึ้น ฝ่ายค้านจึงต้องนำไปตรวจสอบไม่ว่าจะเป็นเอกสารที่รัฐมนตรีได้รับหนังสือจากปลัดยุติธรรมเมื่อวันที่ 19 มี.ค.ก็ต้องดูว่า 5 วันก่อนที่จะครบตามที่กฎหมายกำหนดนั้นมีเหตุสุดวิสัยหรือจงใจยื้อไว้ให้เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือไม่
/0110

กำลังโหลดความคิดเห็น