“บัญญัติ” ชี้บิดเบือนแก้รัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ส่วนตัวของนักการเมืองบางกลุ่ม อาจเป็นชนวนให้เกิดวิกฤตบ้านเมืองอีกรอบ ระบุที่ผ่านมาได้รับรู้กติกาล่วงหน้าก่อนการเลือกตั้งว่าถ้าทำผิดก็ต้องโดนอย่างนี้ จึงต้องระวังและไม่ทำผิด
วันนี้ (24 มี.ค.) นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ประธานคณะทำงานศึกษาการบังคับใช้ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 กล่าวถึงกรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และพรรคพลังประชาชน ผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2550 ว่า กระบวนการที่รัฐบาลจะทำวันนี้ จะทำให้เกิดวิกฤตในบ้านเมือง เพราะภาพชัดเจนว่ามุ่งจะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อหลีกหนีการถูกยุบพรรค ตนว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะเป็นภาพที่ชี้ให้เห็นว่า พรรคการเมือง และนักการเมืองสมคบกันแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อประโยชน์ของตนเองเท่านั้น วันนี้ไม่คิดว่ารัฐธรรมนูญจะเป็นปัญหาให้เกิดทางตันในบ้านเมือง เป็นการบิดเบือนกันทั้งนั้น
นายบัญญัติ กล่าวว่า การยุบพรรคเราจะรู้ได้ว่าจะถูกยุบหรือไม่ถูกยุบเป็นขั้นตอนของการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กระบวนการกว่าจะไปถึงขั้นนั้นยังมีเวลาอีกมาก และต้องยอมรับว่ารัฐธรรมนูญ กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญทั้งหลายเกิดมาก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกพรรคและผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกคนรู้กันดีอยู่แล้ว ทุกพรรคมีการซักซ้อมความเข้าใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ดังนั้น หลังการเลือกตั้งเมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาก็หมายความว่าไม่ได้ระวังกันเป็นพิเศษ
“การที่บอกว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มุ่งจะทำร้ายพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง คงไม่ใช่อย่างนั้น แต่ขึ้นอยู่กับว่า คนเหล่านั้นตั้งอยู่ในความประมาทหรือไม่ ดังนั้นเมื่ออยู่ในสภาพนี้จะบอกว่ารัฐธรรมนูญมันวิกฤตแล้ว เพราะมันมุ่งจะทำร้าย ทำลายล้างกัน มันไม่ใช่ แต่ผมคิดว่าเป็นเรื่องของกฎแห่งกรรมและวิบากกรรมมากกว่า และยืนยันว่า รัฐธรรมนูญไม่ได้ทำให้ถึงทางตัน เพราะพรรคเหล่านั้นจะถูกยุบหรือไม่ยังไม่รู้ หรือถ้าหากยุบจริง รัฐธรรมนูญ และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญก็มีทางออกอยู่แล้ว โดย ส.ส.ที่ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค ให้เวลา 60 วันในการย้ายไปอยู่พรรคอื่น ซึ่งขณะนี้ทุกพรรคที่กลัวว่าพรรคตัวเองจะถูกยุบก็เตรียมชื่อหัวพรรคใหม่ไว้หมดแล้ว มีข่าวถึงขนาดบอกว่าจะมีการรวมพรรคให้ใหญ่ขึ้นด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นจะตันได้อย่างไร” นายบัญญัติ ระบุ
นายบัญญัติ ยังกล่าวอีกว่า ตอนยุบพรรคไทยรักไทย ก็มีพลังประชาชนขึ้นมาได้ ดังนั้น เมื่อยุบพรรคพลังประชาชน ก็จะมีพรรคอื่นขึ้นมาใหม่เหมือนเดิม แต่จะมีปัญหาก็เฉพาะกรรมการบริหารพรรคที่จะถูกเพิกถอนสิทธิ์ทางการเมือง กรรมการบริหารพรรคคนใดที่เป็น ส.ส.ก็เลือกตั้งซ่อมไม่ใช่เรื่องแปลก ที่จะมีปัญหาอยู่ก็คือ ต้องปรับครม.ใหม่ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ เพราะ 3 พรรคเป็นพรรคร่วมรัฐบาลกัน ยังมีเสียงข้างมากในสภา มากกว่าฝ่ายค้าน 70-80 เสียง เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองก็ไม่มี ประเทศชาติก็ไม่ตาย พรรคการเมืองก็ไม่ตาย จะมีตายก็เฉพาะ ครม.บางคน คือ ตายทางการเมืองชั่วคราวก็เท่านั้นเอง ดังนั้นตรงนี้ไม่ใช่วิกฤต
นายบัญญัติ กล่าวด้วยว่า การจะเกิดวิกฤต ก็คือ ถ้าใช้ความพยายามในการแก้รัฐธรรมนูญแล้วเห็นไม่ชัดว่าแก้เพื่อพรรค เพื่อตัวเองหรือเพื่อใคร หรือเพื่อแก้การถูกยุบพรรคตรงนี้จะเป็นวิกฤต และจะทำให้เกิดทางตัน คนต่อต้านออกมาแน่ โดยเฉพาะผู้ที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปัญญาชน คนที่ติดตามการเมืองไม่ใช่เฉพาะในกรุงเทพฯเท่านั้น แต่เท่าที่ตนได้ไปสัมผัสชาวบ้านที่ภาคอีสานเองก็วิจารณ์เรื่องนี้ ดังนั้นอย่ามาอ้างว่าแก้เพราะรัฐธรรมนูญมาจากการทำรัฐประหาร เพราะคนร่างเป็นหน้าเดิมทุกยุคทุกสมัย คือ เป็นนักวิชาการที่รอบรู้ด้านกฎหมาย ที่สำคัญ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านการลงประชามติดังนั้นแม้จะไม่บางส่วนที่เป็นปัญหา แต่ก็ถือคนส่วนใหญ่ของประเทศยอมรับได้ ซึ่งหากจะแก้ไขก็ควรใช้ไปสักระยะหนึ่งก่อน แม้จะมีปัญหาที่ต้องแก้ไขบ้างก็ตาม แต่ไม่ควรแก้วันนี้
“ผมเป็นห่วงว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นชนวนที่ทำให้เกิดการแบ่งฝ่ายตามมา และการรวมตัวของกลุ่มพันธมิตรฯที่ ม.ธรรมศาสตร์ ก็อาจจะมีปัญหาได้ เพราะวันนี้พันธมิตรฯก็ประกาศแล้วว่าไม่ยอมให้มีการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อตัวเอง ดังนั้น ถ้ารัฐบาลปล่อยให้เกิดปัญหาขึ้นอีก ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะควรช่วยกันประคับประคองบ้านเมือง ไม่ใช่เอาประเด็นแก้รัฐธรรมนูญมาเป็นเชื้อเพลิง ทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลง ดังนั้น สิ่งที่ควรทำที่สุด คือ การยอมรับกติกาของรัฐธรรมนูญ และคนที่อาจจะต้องได้รับผลกระทบจากกติกาดังกล่าว จนต้องตายทางการเมืองชั่วคราว ก็ควรอดทน ไม่ควรนำประเทศไปผูกกับพรรคการเมือง ว่า ถ้ายุบพรรคแล้วจะเป็นการทำลายประเทศ เพราะเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นขณะนี้ไม่มีอะไรดีไปกว่ารัฐบาลจะต้องเคารพกฎหมายที่มีอยู่อย่างเคร่งครัด” นายบัญญัติ กล่าว
ด้าน นายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หากพิจารณาตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญชัดเจนว่า พรรคพลังประชาชนจะต้องถูกตัดสินยุบพรรค เพราะมาตรา 237 ถือเป็นกฎหมายปิดปากที่จะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ เนื่องจากกฎหมายมีเจตนาป้องกันนักการเมืองที่ทุจริต และกรรมการบริหารพรรคมีหน้าที่สอดส่องดูแลพฤติกรรมสมาชิกพรรคจึงต้องร่วมรับผิดชอบด้วย ดังนั้น ตนไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่ฟังเสียงทักท้วงจากฝ่ายต่างๆ เพราะจะทำให้ผู้ที่ทำกระผิดทุจริตพ้นผิดทันทีก่อนที่เรื่องจะถึงศาลรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามยอมรับว่าการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชาชนครั้งนี้พรรคคงขัดขวางได้ยาก เนื่องจากหากรัฐบาลสามารถรวบรวมเสียงทั้ง 2 สภาเกินกึ่งหนึ่ง คือ 315 เสียงได้ก็สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้แล้ว ทั้งนี้ รัฐบาลควรที่จะทำประชามติฟังเสียงประชาชนก่อน เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านการทำประชามติ และควรบอกเนื้อหารายละเอียดด้วยว่าจะแก้ไขมาตราใดบ้าง
นายถาวร กล่าวว่า ตนได้รับรายงานว่า ขณะนี้ที่เชียงราย เริ่มมีการเก็บบัตรประชาชนและล่ารายชื่อให้ได้ 5 หมื่นคนเพื่อเสนอแก้รัฐธรรมนูญกันแล้ว ตนอยากจะเตือนประชาชนว่าขอให้ศึกษาข้อดีข้อเสียให้ถี่ถ้วน เพราะการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้มีเจตนาแอบแฝง เป็นการทำเพื่อผลประโยชน์ของนักการเมือง โดยใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือ เชื่อว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ นอกจากรัฐบาลจะเสนอแก้ไขมาตรา 237 แล้วจะมีการพวงเรื่องอื่นเข้าไปด้วย เช่น การแก้ไขให้ส.ส.เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีได้ การแก้ไขให้การพิจารณาคดีที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส.เป็นโมฆะ โดยอ้างว่าหน่วยงานดังกล่าวถูกตั้งขึ้นมาไม่ชอบด้วยหลักนิติธรรมเป็นต้น
/0110