พรรคประชาธิปัตย์เตือน “พลังแม้ว” อย่าคิดแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างมีวาระซ่อนเร้นหรือเพื่อหนีคดียุบพรรค หรือแก้ไขเฉพาะส่วน แต่ต้องพิจารณาเป็นองค์รวมและประชาชนมีส่วนร่วม ขณะเดียวกัน ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาแล้ว จี้ “หมัก” อย่าพูดพล่อยเรื่องคนชักใยทำลาย แต่ต้องจัดการตามกฎหมาย
วันนี้ (23 มี.ค.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีการปลุกกระแสแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะมาตรา 237 ที่เกี่ยวข้องกับการยุบพรรคว่า พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่เคยหารือเรื่องการแก้ไขมาตราดังกล่าว แต่ยืนยันว่าในฐานะพรรคการเมืองหนึ่งในระบอบประชาธิปไตย ไม่ต้องการเห็นพรรคการเมืองใดถูกยุบโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร เพราะต้องการให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง เป็นสถาบันที่ทำให้กระบวนการประชาธิปไตยเดินหน้าไปได้ แต่ก็ยอมรับว่า เจตนารมณ์ในการร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อป้องกันการทุจริตเลือกตั้ง โดยเฉพาะการซื้อเสียง
“มาตรา 237 บัญญัติว่า หากกรรมการบริหารพรรคกระทำการใดๆ ทุจริต ผิดกฎหมายเลือกตั้ง ให้ถือเป็นการกระทำของพรรค ซึ่งถือว่าเป็นยาแรง ป้องกันไม่ให้พรรคการเมืองทุจริตเลือกตั้ง เพราะการทุจริตเลือกตั้งเป็นปัจจัยสำคัญก้าวไปสู่วิกฤติการเมือง ดังนั้น พรรคการเมืองและนักการเมืองต้องระวังและพึงสังวร อย่ากระทำผิดกฎหมาย” นายองอาจ กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคเห็นว่าไม่ควรแก้ไขเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของคนใดคนหนึ่ง หรือพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง การแก้รัฐธรรมนูญควรเป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนรวม และใช้กระบวนการการมีส่วนร่วมของประชาชนในการช่วยกำหนด เนื่องจากรัฐธรรมนูญมีหลายมาตราเกี่ยวเนื่องกัน จึงควรแก้โดยรวมให้สอดคล้องกัน ไม่ใช้มาตราใดมาตราหนึ่งแล้วจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ ดังนั้น การแก้โดยรวมจะเกิดประโยชน์มากกว่าการแก้บางส่วน ทั้งนี้ การทุจริตเลือกตั้งถือเป็นมะเร็งร้ายทางการเมือง ดังนั้น หากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญจริง ก็ควรมีข้อเสนอที่ดีกว่าว่าจะป้องกันไม่ให้มีการทุจริตเลือกตั้งด้วยการซื้อเสียงได้ด้วยวิธีใด และกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายเลือกตั้งให้ชัดเจน
ส่วนถึงเวลาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วหรือไม่นั้น นายองอาจ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ได้ตั้งคณะกรรมการติดตามการใช้รัฐธรรมนูญ โดยมีนายบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นประธานศึกษาเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว หากรวบรวมปัญหาได้พร้อมแล้วก็จะเสนอสังคมต่อไป อย่างไรก็ตาม การจะแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องศึกษาให้ถ่องแท้ก่อน ไม่ควรใช้อารมณ์เหนือเหตุผล
เมื่อถามถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีออกมาระบุว่าหากมียุบพรรคจริงจะถือเป็นการฆ่าประเทศนั้น นายองอาจ กล่าวว่า การยุบพรรคไม่ได้หมายความว่าประเทศจะสลายไปด้วย ประเทศยังเดินหน้าต่อไปได้ ไม่มีผลกระทบ เพราะยังมีองคาพยพอื่นที่สามารถนำประเทศต่อไปได้ หากพรรคการเมืองเชื่อว่าไม่ได้กระทำผิด ก็ควรเข้าสู่กระบวนการพิจารณาในชั้นศาล
ส่วนที่มีการออกมาระบุว่าการยุบพรรคมีใบสั่งนั้น นายองอาจ กล่าวว่า หากรัฐบาลมีข้อมูลก็ควรใช้อำนาจจัดการทันที ใครก็ตามที่เป็นมือที่มองไม่เห็น รัฐบาลมีอำนาจดำเนินการได้อยู่แล้ว อย่าพูดเฉยๆ
นายองอาจยังกล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะเคลื่อนไหวในวันที่ 28 มี.ค.นี้ว่า หากมีการดำเนินการภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญก็เชื่อว่าจะไม่มีเหตุรุนแรงหรือมีผลกระทบเกิดขึ้น พร้อมยืนยันพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของกลุ่มใดทั้งสิ้น
/0110
