xs
xsm
sm
md
lg

จี้สางคดี-ล่า นช.ทักษิณ บทพิสูจน์"อัยการสูงสุด"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ที่ผ่านมา คดีเกี่ยวกับการทุจริตของคนใน"ระบอบทักษิณ" ที่ถูกคตส.ชี้มูลความผิด แต่อัยการมักจะมีความเห็นต่าง ทำให้กระบวนการสั่งฟ้องต้องเสียเวลาไปกับการตั้งคณะกรรมการร่วม เช่นเดียวกับคดี"แดงถ่อย"บุกบ้าน "ป๋าเปรม" ก็สั่งไม่ฟ้อง และประเด็นร้อนในขณะนี้คือ การติดตามตัว"นช.ทักษิณ"กลับมาลงโทษในไทย คือความท้าทาย ว่า อัยการได้ทำหน้าที่ทนายของแผ่นดินได้อย่างสมบูรณ์หรือไม่ ขณะเดียวกันก็เป็นบทพิสูจน์ว่า "ชัยเกษม นิติสิริ" เป็นคนของ"ระบอบทักษิณ"หรือไม่

ตอบโจทย์..."นช.ทักษิณ"กับ"อัยการ"

"ชัยเกษม นิติสิริ" อัยการสูงสุด ทำงานเพื่อรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน หรือทำเพื่อปกป้องระบอบทักษิณ บทพิสูจน์แห่งผลการกระทำ ขึ้นอยู่กับผลงาน ของสำนักงานอัยการสูงสุด จึงอยากกระตุ้นเตือนให้ “ชัยเกษม” รีบทำหน้าที่ “ทนายของแผ่นดิน” เพราะนี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้แสดงความกล้าหาญ ขับเคลื่อนองค์กรอัยการให้เดินหน้า เปิดเกมรุก ไล่ล่าลากคอ นช.ทักษิณ กลับมาเข้าคุก เพื่อความสงบสุขและความมั่นคงของชาติ และพิสูจน์ว่า“ ชัยเกษม” ไม่ใช่คนในระบอบทักษิณ

ปมประเด็นแห่งการขึ้นสู่ตำแหน่งอัยการสูงสุด (อสส.) ของ “นายชัยเกษม นิติสิริ ” ในตอนแรกดูจะไม่ราบรื่นนัก แม้องค์กรทนายแผ่นดินอย่าง “สำนักงานอัยการสูงสุด” จะพยายามรักษาธรรมเนียมปฏิบัติเรื่องการเรียงลำดับอาวุโสในการขึ้นดำรงตำแหน่งไว้ก็ตามที
**แต่ในการเปลี่ยนถ่ายอำนาจครั้งนั้น อยู่ในช่วงปลาย“รัฐบาล คมช.” ซึ่งมาจากการปฏิวัติโค่นอำนาจ “ระบอบทักษิณ” ชัยเกษม ที่ติดบ่วงกรรม ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในฐานะบอร์ดบทม. ในคดีทุจริตจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด" ซีทีเอ็กซ์ 9000 " จึงดูไม่เหมาะสมที่จะเข้ามาดูแลคดีที่เกี่ยวกับตัวเอง
"ชัยเกษม" ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์อีกว่า เขาคือ บุคคลที่ระบอบทักษิณ ต้องการตัวมากที่สุด ภายใต้เหตุผล ภาพแห่งความสัมพันธ์ใกล้ชิด และเคยร่างสัญญาสัมปทานบริษัทเอกชนให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งนี้ เพื่อผลดีในการจัดวางกำลังพลไปประจำตำแหน่งที่สำคัญ โดยเฉพาะในสำนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ที่รับผิดชอบคดีสำคัญ ที่พ.ต.ท.ทักษิณ และพวก กำลังถูกดำเนินคดี
ในครั้งนั้น ผู้สันทัดกรณีหลายคนมองว่า ตำแหน่ง อสส. คนใหม่ อาจพลิกโผ กลายเป็น “อรรถพล ใหญ่สว่าง” ผู้ตรวจราชการอัยการ คนสนิทของ " พชร ยุติธรรมดำรง" อดีต อสส. คนเก่า ที่พ้นจากตำแหน่งหลังต่ออายุราชการไม่สำเร็จ กว่าที่ “ชัยเกษม ”จะพิสูจน์ตัวเองจนฝ่าฟันขึ้นสู่ตำแหน่ง อสส.ได้ ก็ต้องใช้ทั้งกำลังภายใน และพลังลมปราณ แบบสุดตัว
ไม่มีใครปฎิเสธว่า"ชัยเกษม" คือบุคลากรคุณภาพคนหนึ่ง ของสำนักงานอัยการสูงสุด โดยจบการศึกษาด้านกฎหมาย จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ( Columbia University ) สหรัฐอเมริกา เติบโตมาจากสายงานที่ปรึกษากฎหมาย และเชี่ยวชาญด้วยการตรวจร่างสัญญา จนเคยถูกครหาที่ว่า “เป็นคนในระบอบทักษิณ” แต่เจ้าตัวก็ออกมาปฏิเสธว่า “ไม่เคยรับงานใคร” พร้อมยืนยันถึงจุดยืนในความเป็นอัยการมืออาชีพ ที่รักษาระยะห่างกับฝ่ายทางการเมืองมาโดยตลอด แถมยังเป็นหนึ่งใน อนุญาโตตุลาการเสียงข้างน้อยที่ “คัดค้านการลดค่าสัมปทานไอทีวี ” จนทักษิณ เคืองถึงขั้นไม่มองหน้ามาแล้ว
**แต่สำหรับ"ชัยเกษม" เขาได้ทำงานเพื่อรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน หรือทำเพื่อปกป้องระบอบทักษิณ บทพิสูจน์แห่งผลการกระทำ ขึ้นอยู่กับผลงาน ของสำนักงานอัยการสูงสุด โดยเฉพาะเมื่อ“ชัยเกษม”ต้องมาดำรงตำแหน่งประมุขขององค์กรอัยการ ที่มีหน้าที่โดยตรงในการสั่งฟ้อง หรือไม่ฟ้องคดีที่เกี่ยวข้องกับ"รัฐบาลทักษิณ"
เมื่อย้อนดูผลงาน ตลอดเวลา 2 ปี ที่ผ่านมา ในตำแหน่งอสส. ดูเหมือนว่า “ชัยเกษม” จะไม่ได้ขับเคลื่อนองค์กรอัยการ ให้ฟาดฟันกับระบอบทักษิณ อย่างเต็มสูบ เต็มความสามารถ ดังที่เคยพูดไว้ ดูได้จากหลายคดีที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส. สรุปสำนวนชี้มูลความผิด แต่สำนวนคดีเกือบทั้งหมด ต้องมาติดอยู่ที่ชั้นการสั่งคดีของอัยการ จนต้องมีการตั้งคณะทำงานร่วมกันวุ่นวาย กว่าอัยการจะยอมฟ้องศาลให้ ก็ต้องตั้งคณะทำงานร่วม ประชุมแล้วประชุมอีกกันหลายรอบ
ไม่ว่าจะเป็นคดีแปลงสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต หรือ คดีที่ขอศาลยึดทรัพย์อันได้มาจากการร่ำรวยผิดปกติ 7.6 หมื่นล้าน ตกเป็นของแผ่นดิน ส่วนคดีสำคัญ อย่าง ทุจริตโครงการออกสลากพิเศษ 2 และ 3 ตัว ( หวยบนดิน) คดีทุจริตจัดซื้อกล้ายาง 90 ล้านต้น คตส. ต้องแต่งทนายฟ้องศาลเองทั้งหมด
นอกจากนี้ ยังมีคดีแบงก์กรุงไทย อนุมัติเงินกู้ให้ เครือกฤษดามหานคร ซึ่งเป็นการปล่อยสินเชื่อให้กับบริษัทที่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ( NPL) โดยคดีนี้ คตส. ชี้มูลความผิด"ทักษิณ" กับพวก รวมทั้งชี้มูลความผิด “พานทองแท้ ชินวัตร” บุตรชายของพ.ต.ท.ทักษิณ ในข้อหารับของโจร รวมทั้งคดีที่ คตส. ชี้มูลความผิด “นายวัฒนา เมืองสุข” อดีตรมว.พัฒนาสังคมฯ กับพวก ฐานทุจริตต่อหน้าที่ กรณีเรียกรับเงินจากเอกชนโครงการบ้านเอื้ออาทร ของการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ที่ยังติดอยู่ในชั้นการพิจารณาสั่งคดีของอัยการ ซึ่งขั้นตอนเนิ่นนาน จนแทบรอไม่ไหว
**ส่วนคดีที่ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. เสื้อแดง นำม็อบก่อพฤติกรรมเถื่อน บุกสร้างความวุ่นวายหน้าบ้านสี่เสาเทเวศน์ ของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี อัยการก็แอบๆซ่อนๆ สั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา เอาแบบดื้อๆ สร้างความงวยงงสงสัยว่า นี่หรือ ?!? คือการทำงานแบบโปร่งใส ของสำนักงานอัยการสูงสุด ที่บอกว่าตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน
ดังนั้น คงต้องวัดใจว่า อัยการสูงสุด ที่ชื่อ "ชัยเกษม" กล้าพอหรือไม่ ที่จะท้าทายกับระบอบทักษิณในการชี้ขาดความเห็นแย้งของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ที่เห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด
อีกเรื่องสำคัญในภารกิจของสำนักงานอัยการสูงสุด คือ การติดตามตัว “นช.ทักษิณ” กลับมารับโทษจำคุกตามอาญาแผ่นดินในคดีทุจริตซื้อที่ดินรัชดาฯ ซึ่งจนถึงวันนี้แทบไม่มีความคืบหน้า
**แม้ว่า อสส.จะตั้งคณะอัยการขึ้นมาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะก็ตามที แต่ผลแห่งการกระทำ กลับไม่ได้ดำเนินการในเชิงรุก มิหนำซ้ำยังปล่อยให้ "ทักษิณ" ทำตัวเป็นนกขมิ้น โบยบินไปมา แถมทั้งโฟนอิน สลับวีดีโอลิงก์ ก่นด่า มุ่งหวัง ทำลาย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และบุคคลสำคัญในบ้านเมือง แบบรายวัน
ขณะที่ผู้ใต้บังคับบัญชา อย่าง "นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ" อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ ผู้รับผิดชอบในภารกิจ ล่าตัว "ทักษิณ"ครั้งนี้ ให้ความเห็นกับสื่อ ชนิดขอผ่านไปทีว่า "ปัญหาสำคัญในการติดตามตัวผู้ร้ายข้ามแดน คือ เราต้องสามารถยืนยันได้ว่า มีตัวผู้ต้องหา หลบหนีอยู่ในประเทศนั้นจริง หรือถูกจับตัวได้แล้วที่นั่น และยังต้องมีข้อมูลประกอบเพียงพอชัดเจน ดังนั้น การระบุที่อยู่ปัจจุบันเป็นเรื่องสำคัญที่สุด"
และเมื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า ที่ผ่านมาอัยการถูกมองว่า ได้แค่เตรียมเอกสาร ทำงานล่าช้า พ.ต.ท.ทักษิณ ก็บินไปมา โฟนอิน หรือวิดีโอลิงก์ ข้ามประเทศอยู่ตลอดเวลา นายศิริศักดิ์ ชี้แจงว่า
"ความจริงคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ทำไว้เรียบร้อยแล้ว จะยื่นให้ประเทศไหนก็ได้ แต่ปัญหาคือไม่รู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ไหนแน่ชัด หากจะทำคำร้องแล้วส่งล่วงหน้าให้ทุกประเทศที่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน แบบเหวี่ยงแห หรือขี่ช้างจับตั๊กแตน คงไม่ได้ เพราะไม่มีประเทศไหนเขาทำกัน ที่หนังสือพิมพ์ลงข่าวว่า อัยการเตรียมไล่ล่า อันนี้ก็เกินความจริง เพราะอัยการไทยไม่เหมือนอัยการสหรัฐอเมริกา เนื่องจากอัยการไทยถูกลิดรอนอำนาจ ไม่มีอำนาจไปจับกุมใคร ได้แค่ประสานงาน ไปตรวจดูเอกสาร และส่งคำร้องเท่านั้น ปัญหาสำคัญในการติดตามตัวผู้ร้ายข้ามแดน คือ เราต้องสามารถยืนยันได้ว่ามีตัวผู้ต้องหา หลบหนีอยู่ในประเทศนั้นจริง หรือถูกจับตัวได้แล้วที่นั่น และยังต้องมีข้อมูลประกอบเพียงพอชัดเจน ดังนั้น การระบุที่อยู่ปัจจุบัน เป็นเรื่องสำคัญที่สุด"
ยังไม่เพียงแค่นั้น อัยการผู้รับผิดชอบติดตามตัว"นช.ทักษิณ" ยังพูดถึงกรณีที่ นช.ทักษิณ โฟนอินหรือวิดีโอลิงก์ข้ามประเทศไปมา แล้วย้ายถิ่นที่อยู่ไปเรื่อยๆ ก็เป็นตัวอย่างทำให้เกิดแนวคิดว่า สมควรจะแก้ไขกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน โดยให้ส่งคำร้องผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ เช่น นช.ทักษิณ อยู่ฮ่องกง อีก 2 ชั่วโมง บินไปเมืองดูไบ เราก็ส่งอีเมลไปรอที่ดูไบได้เลย ขณะนี้กำลังร่างแก้ไขกฎหมายจุดนี้อยู่
ท้ายสุด สำหรับองค์กรอัยการสูงสุด ที่ได้ชื่อว่า ทนายของแผ่นดิน "หากหัวไม่ส่าย หางก็ไม่กระดิก" จึงขอเพียง อสส. ส่งสัญญาณว่าเอาจริง เชื่อว่าหน่วยงานในสังกัดคงไม่นั่งกันนิ่งเหมือนในตอนนี้
**จึงอยากกระตุ้นเตือนให้ “ชัยเกษม” รีบทำหน้าที่ “ทนายของแผ่นดิน” เพราะนี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้แสดงความกล้า ขับเคลื่อนองค์กรอัยการ ให้เดินหน้า เปิดเกมรุกไล่ล่าลากคอ นช.ทักษิณ กลับมาเข้าคุก เพื่อความสงบสุขและความมั่นคงของชาติ ลบคำสบประมาท และพิสูจน์ว่า“ ชัยเกษม นิติสิริ” ไม่ใช่คนในระบอบทักษิณ
กำลังโหลดความคิดเห็น