xs
xsm
sm
md
lg

ตอบโจทย์!...“ทักษิณ” กับ “อัยการ”

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายชัยเกษม นิติสิริ อัยการสูงสุด
ปมประเด็นแห่งการขึ้นสู่ตำแหน่งอัยการสูงสุด (อสส.)ของ “นายชัยเกษม นิติสิริ” ในตอนแรกดูจะไม่ราบรื่นนัก แม้องค์กรทนายแผ่นดินอย่าง “สำนักงานอัยการสูงสุด” จะพยายามรักษาธรรมเนียมปฏิบัติเรื่องการเรียงลำดับอาวุโสในการขึ้นดำรงตำแหน่งไว้ก็ตามที แต่ในการเปลี่ยนถ่ายอำนาจครั้งนั้นอยู่ในช่วงปลาย “รัฐบาล คมช.” ซึ่งมาจากการปฏิวัติโค่นอำนาจ “ระบอบทักษิณ” ชัยเกษม ที่ติดบ่วงกรรมตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาในฐานะ บอร์ด บทม.ในคดีทุจริตจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด “ซีทีเอ็กซ์ 9000” จึงดูไม่เหมาะสมที่จะเข้ามาดูแลคดีที่เกี่ยวกับตัวเอง

อีกทั้ง “ชัยเกษม” ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์อีกว่า เขาคือ บุคคลที่ระบอบทักษิณ ต้องการตัวมากที่สุด ภายใต้เหตุผลภาพแห่งความสัมพันธ์ใกล้ชิด และเคยร่างสัญญาสัมปทานบริษัทเอกชนให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งนี้ เพื่อผลดีในการจัดวางกำลังพลไปประจำตำแหน่งที่สำคัญโดยเฉพาะในสำนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ที่รับผิดชอบคดีสำคัญ ที่ ทักษิณ และพวก ถูกดำเนินคดี

ในครั้งนั้นผู้สันทัดกรณีหลายคน มองว่า ตำแหน่ง อสส.คนใหม่ อาจพลิกโผ กลายเป็น “นายอรรถพล ใหญ่สว่าง” ผู้ตรวจราชการอัยการ คนสนิทของ “นายพชร ยุติธรรมดำรง” อดีต อสส.คนเก่า ที่พ้นจากตำแหน่งหลังต่ออายุราชการไม่สำเร็จ กว่าที่ “ชัยเกษม” จะพิสูจน์ตัวเองจนฝ่าฟันขึ้นสู่ตำแหน่ง อสส.ได้ ก็ต้องใช้ทั้งกำลังภายใน และพลังลมปราณ แบบสุดตัว

“ชัยเกษม นิติสิริ” ไม่มีใครปฏิเสธว่า เขาคือบุคลากรคุณภาพคนหนึ่ง ของสำนักงานอัยการสูงสุด โดยจบการศึกษาด้านกฎหมาย จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia University) สหรัฐอเมริกา เติบโตมาจากสายงานที่ปรึกษากฎหมาย และเชี่ยวชาญด้วยการตรวจร่างสัญญา จนเคยถูกครหาที่ว่า “เป็นคนในระบอบทักษิณ” แต่เจ้าตัวก็ออกมาปฏิเสธว่า “ไม่เคยรับงานใคร” พร้อมยืนยันถึงจุดยืนในความเป็นอัยการมืออาชีพ ที่รักษาระยะห่างกับฝ่ายทางการเมืองมาโดยตลอด แถมยังเป็นหนึ่งใน อนุญาโตตุลาการเสียงข้างน้อยที่ “คัดค้านการลดค่าสัมปทานไอทีวี” จนทักษิณ เคืองถึงขั้นไม่มองหน้ามาแล้ว

แต่สำหรับ “ชัยเกษม นิติสิริ” อสส.เขาได้ทำงานเพื่อรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน หรือ ทำเพื่อปกป้องระบอบทักษิณ บทพิสูจน์แห่งผลการกระทำ ขึ้นอยู่กับผลงาน ของสำนักงานอัยการสูงสุด โดยเฉพาะเมื่อ “ชัยเกษม” ต้องมาดำรงตำแหน่งประมุขขององค์กรอัยการที่มีหน้าที่โดยตรงในการสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องคดีที่เกี่ยวข้องกับ “รัฐบาลทักษิณ”

เมื่อมาสแกนดูผลงาน ตลอดเวลา 2 ปี ที่ผ่านมา ในตำแหน่ง อสส.ดูเหมือนว่า “ชัยเกษม” จะไม่ได้ขับเคลื่อนองค์กรอัยการ ให้ฟาดฟันกับระบอบทักษิณ อย่างเต็มสูบ เต็มความสามารถดังที่เคยพูดไว้ ดูได้จากหลายคดี ที่ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำความผิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส.สรุปสำนวนชี้มูลความผิด แต่สำนวนคดีเกือบทั้งหมด ต้องมาติดอยู่ที่ชั้นการสั่งคดีของอัยการ จนต้องมีการตั้งคณะทำงานร่วมกันวุ่นวาย กว่าอัยการจะยอมฟ้องศาลให้ ก็ต้องตั้งคณะทำงานร่วม ประชุมแล้วประชุมอีกกันหลายรอบ ไม่ว่าจะเป็นคดีแปลงสัมปทานเป็นภาษีสรรพสามิต หรือคดีที่ขอศาลยึดทรัพย์อันได้มาจากการร่ำรวยผิดปกติ 7.6 หมื่นล้าน ตกเป็นของแผ่นดิน ส่วนคดีสำคัญ อย่าง ทุจริตโครงการออกสลากพิเศษ 2 และ 3 ตัว (หวยบนดิน) คดีทุจริตจัดซื้อกล้ายาง 90 ล้านต้น คตส.ต้องแต่งทนายฟ้องศาลเองทั้งหมด

นอกจากนี้ ยังมีคดีแบงก์กรุงไทย อนุมัติเงินกู้ให้เครือกฤษดามหานคร ซึ่งเป็นการปล่อยสินเชื่อให้กับบริษัทที่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) โดยคดีนี้ คตส.ชี้มูลความผิด “ทักษิณ” กับพวก รวมทั้งชี้มูลความผิด “นายพานทองแท้ ชินวัตร” ในข้อหารับของโจร รวมทั้งคดีที่ คตส.ชี้มูลความผิด “นายวัฒนา เมืองสุข” อดีต รมว.พัฒนาสังคมฯ กับพวก ฐานทุจริตต่อหน้าที่ กรณีเรียกรับเงินจากเอกชนโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ (กคช.) ที่ยังติดอยู่ในชั้นการพิจารณาสั่งคดีของอัยการซึ่งขั้นตอนเนินนานจนแทบรอไม่ไหว

ส่วนคดีที่แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการณ์แห่งชาติ หรือ นปช.เสื้อแดง นำม็อบก่อการเถื่อนบุกสร้างความวุ่นวายหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี อัยการก็แอบๆ ซ่อนๆ สั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา เอาแบบดื้อๆ สร้างความงวยงงสงสัยว่า นี่หรือ ?!? คือ การทำงานแบบโปร่งใสของสำนักงานอัยการสูงสุด ที่บอกว่า ตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน ดังนั้น คงต้องวัดใจว่า อัยการสูงสุดที่ชื่อ ชัยเกษม กล้าพอหรือไม่ที่จะท้าทายกับระบอบทักษิณในการชี้ขาดความเห็นแย้งของ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ที่เห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด

อีกเรื่องสำคัญในภารกิจของสำนักงานอัยการสูงสุด คือ การติดตามตัว “ นช.ทักษิณ” กลับมารับโทษจำคุกตามอาญาแผ่นดินในคดีทุจริตซื้อที่ดินรัชดาฯ ซึ่งจนถึงวันนี้แทบไม่มีความคืบหน้า แม้ว่า อสส.จะตั้งคณะอัยการขึ้นมาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะก็ตามที แต่ผลแห่งการกระทำ กลับไม่ได้ดำเนินการในเชิงรุก มิหนำซ้ำยังปล่อยให้ “ทักษิณ” ทำตัวเป็นนกขมิ้นโบยบินไปมา แถมทั้ง โฟนอิน สลับวิดีโอลิงก์ ก่นด่า มุ่งหวัง ทำลาย “พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” ประธานองคมนตรี และบุคคลสำคัญในบ้านเมือง แบบรายวัน

ขณะที่ผู้ใต้บังคับบัญชา อย่าง “นายศิริศักดิ์ ติยะพรรณ” อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ ผู้รับผิดชอบในภารกิจ ล่าตัว “ทักษิณ” ครั้งนี้ ให้ความเห็นกับสื่อ ชนิดขอผ่านไปทีว่า “ปัญหาสำคัญในการติดตามตัวผู้ร้ายข้ามแดน คือ เราต้องสามารถยืนยันได้ว่ามีตัวผู้ต้องหา หลบหนีอยู่ในประเทศนั้นจริง หรือถูกจับตัวได้แล้วที่นั่น และยังต้องมีข้อมูลประกอบเพียงพอชัดเจน ดังนั้น การระบุที่อยู่ปัจจุบันเป็นเรื่องสำคัญที่สุด”

และเมื่อถูกว่า ที่ผ่านมาอัยการถูกมองว่าได้แค่เตรียมเอกสาร ทำงานล่าช้า พ.ต.ท.ทักษิณ ก็บินไปมา โฟนอิน หรือวิดีโอลิงก์ข้ามประเทศอยู่ตลอดเวลา นายศิริศักดิ์ ชี้แจงว่า “ความจริงคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ทำไว้เรียบร้อยแล้ว จะยื่นให้ประเทศไหนก็ได้ แต่ปัญหาคือไม่รู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ที่ไหนแน่ชัด หากจะทำคำร้องแล้วส่งล่วงหน้าให้ทุกประเทศที่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนแบบหว่านแหหรือขี่ช้างจับตั๊กแตนคงไม่ได้ เพราะไม่มีประเทศไหนเขาทำกัน ที่หนังสือพิมพ์ลงข่าวว่าอัยการเตรียมไล่ล่า อันนี้ก็เกินความจริงเพราะอัยการไทยไม่เหมือนอัยการสหรัฐอเมริกาเนื่องจากอัยการไทยถูกลิดรอนอำนาจ ไม่มีอำนาจไปจับกุมใคร ได้แค่ประสานงาน ไปตรวจดูเอกสาร และส่งคำร้องเท่านั้น

“ปัญหาสำคัญในการติดตามตัวผู้ร้ายข้ามแดน คือ เราต้องสามารถยืนยันได้ว่ามีตัวผู้ต้องหา หลบหนีอยู่ในประเทศนั้นจริง หรือถูกจับตัวได้แล้วที่นั่น และยังต้องมีข้อมูลประกอบเพียงพอชัดเจน ดังนั้น การระบุที่อยู่ปัจจุบันเป็นเรื่องสำคัญที่สุด”

ยังไม่เพียงแค่นั้น อัยการผู้รับผิดชอบติดตามตัว “นช.ทักษิณ” ยังพูดถึง “กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอิน หรือวิดีโอลิงก์ ข้ามประเทศไปมาแล้วย้ายถิ่นที่อยู่ไปเรื่อยๆ ก็เป็นตัวอย่างทำให้เกิดแนวคิดว่าสมควรจะแก้ไขกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน โดยให้ส่งคำร้องผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้ เช่น พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ฮ่องกง อีก 2 ชั่วโมง บินไปเมืองดูไบ เราก็ส่งอีเมลไปรอที่ดูไบได้เลย ขณะนี้กำลังร่างแก้ไขกฎหมายจุดนี้อยู่”

ท้ายสุด สำหรับองค์กรอัยการสูงสุด ที่ได้ชื่อว่า ทนายของแผ่นดิน “หากหัวไม่ส่ายหางก็ไม่กระดิก” จึงขอเพียง อสส.ส่งซิกว่าเอาจริง เชื่อว่าหน่วยงานในสังกัดคงไม่นั่งกันนิ่งเหมือนในตอนนี้ จึงอยากขอวิงวอนให้ “ชัยเกษม” รีบทำหน้าที่ “ทนายของแผ่นดิน” เพราะนี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้แสดงความกล้า ขับเคลื่อนองค์กรอัยการให้เดินหน้า เปิดเกมรุกไล่ล่าลากคอทักษิณกลับเข้าคุกเพื่อความสงบสุขและความมั่นคงของชาติ ลบคำสบประมาท และพิสูจน์ว่า “ชัยเกษม นิติสิริ” ไม่ใช่คนในระบอบทักษิณ

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก้มลงกราบแผ่นดินไทยเมื่อครั้งเดินทางกลับมาต่อสู้คดีหลังพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้ง ก่อนจะหลบหนีคดีออกนอกประเทศไปอีกครั้ง
พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงโจมตีบุคคลสำคัญ และปลุกเร้ากลุ่มเสื้อแดง ผ่านวีดีโอลิงก์อย่างต่อเนื่อง
กำลังโหลดความคิดเห็น