ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (31 มี.ค.) พรรคเพื่อไทย มีการประชุม ส.ส.โดยมี นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นประธานการรประชุม นายประเกียรติ นาสิมมา ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เรียกร้องให้รัฐบาลและทหารดำเนินการกับกลุ่มคนเสื้อแดง ที่จาบจ้วงสถาบัน และให้หยุดการปราศรัยที่หมิ่นสถาบันว่า เท่าที่ดูส่วนใหญ่ ในการแถลงนั้นเป็นเพียงการใช้คารมมาโต้ ไม่มีการชี้แจงอะไรให้เกิดความชัดเจน ไร้น้ำหนัก ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เคยปราศรัยโจมตีคนอื่น บางเรื่องก็ไม่เป็นความจริง ทำให้เสียหาย ส่วนกรณีที่กลุ่มคนรักป๋าเปรมจาก16 อำเภอใน จ.สงขลา ออกมา เคลื่อนไหวเพื่อให้กำลังใจพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ นั้น คงไม่มีน้ำหนักอะไรมาก เป็นเพียงการรวมตัวเพื่อให้กำลังใจเท่านั้น
ส่วนที่ พล.อ.เปรม ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติ และการเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก่อน คมช.เข้าเฝ้าฯ 20 นาทีนั้น นายประเกียรติ กล่าวว่า เป็นประเด็นที่ยังแคลงใจ ยังไม่ชัดเจนว่ามีเหตุผลอะไรที่ต้องเข้าเฝ้าฯก่อน 20 นาที ถึงวันนี้ประชาชนกลุ่มคนเสื้อแดงมีความเชื่อในข้อมูลหลักฐานจึงออกมาเคลื่อนไหว ต้องยอมรับในแนวทางว่าคล้ายๆ กับพรรคเพื่อไทยที่ได้ทำงานในสภาฯ โดยเฉพาะการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมตรี และ 5 รัฐมนตรี ซึ่งเรื่องนี้สอดคล้องกับกลุ่มเสื้อแดงจึงออกมาขับไล่รัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีโอกาสที่จะเกิดการเผชิญหน้าของประชาชนทั้งสองกลุ่มหรือไม่ นายประเกียรติ กล่าวว่า ขณะนี้ต้องยอมรับว่าความเชื่อของประชาชนถูกฝังไปแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดงที่ได้รับทราบข้อมูลหลายๆ ด้าน ซึ่งผู้ที่ถูกกล่าวหา ก็ไม่สามารถชี้แจงหรือหักล้างได้ เกิดความรู้สึกไม่พอใจสะสมไปเรื่อยๆ หากรัฐบาล ไม่สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ทันท่วงที โอกาสที่จะเกิดการเผชิญหน้าจะหนักและรุนแรงขึ้น
สำหรับทางออกนั้นมีอยู่ 3 แนวทางใหญ่ๆ คือ 1.แนวทางประนีประนอม โดยการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะต้องลาออกก่อนเพื่อเปิดทาง ในการตั้งนายกรัฐมนตรีคนกลาง กับการเสนอร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการ ปรองดองแห่งชาติ เพื่อให้ทุกฝ่ายสมานฉันท์กัน 2.นายกรัฐมนตรีต้องลาออกหลังจำนนต่อหลักฐานคงไม่พอ ในส่วนขององคมนตรีนั้นควรพิจารณาตนเองด้วย และ3.นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาให้เลือกตั้งใหม่ แต่ส่วนตัวคิดว่าข้อ 2และข้อ3 คงไม่สามารถลบล้างความขัดแย้งและความคลางแคลงในสังคมได้
นายประเกียรติ กล่าวด้วยว่า วันนี้ทางออกจะต้องทำควบคู่กับการออกกฎหมาย ปรองดองฯเพื่อปลดล็อคนักการเมืองทั้ง 111 และ 109 ให้มีอิสระ เหมือนคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 66/2523 ในเรื่องนโยบายการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ ซึ่งจะทำให้ทุกอย่างผ่อนคลาย จะต้องตั้งรัฐบาลแห่งชาติขึ้นโดยเลือกนายกรัฐมนตรีจากพรรคเล็ก เช่น นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมตั้งคณะรัฐมนตรีมาจากทุกพรรค มีกรอบเวลาในการเข้ามาบริหารที่ชัดเจนทั้งในการแก้ไขรัฐธรรมนูญและยกร่างกฎหมายลูก ทั้งกฎหมายเลือกตั้งส.ส.และ ส.ว. กฎหมายพรรคการเมือง และกฎหมายคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) โดยใช้เวลาอย่างช้าประมาณ 90 วัน ซึ่งเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วก็ให้ยุบสภา เพื่อเลือกตั้งใหม่ภายใน 45 วัน ไม่เร็วหรือช้าเกินไป
นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในการประชุมพรรค มีการประเมินสถานการณ์ทางการเมือง โดยวิเคราะห์ว่า ไม่นานจะได้รับข่าวดีทางการเมือง เพราะรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ใกล้จะถึงทางตัน จึงต้องตัดสินใจทางการเมือง เพราะถูกกดดันทั้งจากคนเสื้อแดง และสังคม ที่ได้ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรัฐบาลชุดนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมส.ส.พรรคเพื่อไทย มีการแจกสมุดปกขาว เล่มใหญ่ชื่อว่า พรรคประชาธิปัตย์ ทำอะไรใครๆก็รู้ ซึ่งมีความหนา 96 หน้า จำนวน 3 เล่ม ให้กับส.ส.ของพรรคด้วย ซึ่งเป็นการรวบรวมเนื้อหาคำอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรี ที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรค นำมาเปิดเผยและอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยเฉพาะรายละเอียด ข้อมูล และหลักฐานต่างๆ ในส่วนของผู้บริหารระดับสูงของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ปกปิดการรับเงินสนับสนุน ทางการเมืองจากบริษัท ทีพีไอฯ จำนวน 27 ครั้ง เป็นเงิน 263 ล้านบาท และเงินที่พรรคประชาธิปัตย์ได้รับการสนับสนุนจาก กกต. 29 ล้านบาท และมีการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เพื่อให้ส.ส.นำไปเผยแพร่ให้กับประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบและเห็นข้อเท็จจริง
แหล่งข่าวจากที่ประชุมพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่าในในการประชุมพรรค ได้หารือ์ถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงโดยเปิดโอกาสให้ ส.ส.เข้าร่วมชุมนุมและขึ้นเวทีปราศรัยได้ นอกจากนี้ยังวิเคราะห์ว่า การชุมนุมครั้งนี้จะทำให้รัฐบาลตัดสินใจยุบสภาแน่นอน เพราะถ้าไม่ยุบจะทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย ยกเว้นว่าพรรคประชาธิปัตย์จะยังตะแบงอยู่ในอำนาจต่อไปโดยไม่ได้คำนึงถึงความเสียหาย นอกจากนี้ ที่ประชุมยังแจ้งต่อ ส.ส.ว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีการขึ้นป้ายคัตเอ้าท์พร้อมกันทุกจังหวัด เพื่อโปรโมทผลงานของพรรคในอดีต เป็นการโหมโรงเพื่อเข้าสู่โหมด การเลือกตั้ง
แหลงข่าวกล่าวด้วยว่า หลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรประกาศ เชิญชวน 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย หรือสมาชิกบ้านเลขที่ 111 และ 37 อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือ ขึ้นเวทีรวมกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่ทำเนียบรัฐบาล วานนี้ (31 มี.ค.) นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เรียกสมาชิกบ้านเลขที่ 111 และอดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ร่วมประชุมกว่า 40 คน อาทิ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล นายอดิศร เพียงเกษ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ นายจำลอง ครุฑขุนทด น.ต.ศิธา ทิวารี นายสิทธิชัย กิตติธเนศวร นายสุพร อัตถาวงศ์ นายพันธ์เลิศ ใบหยก นายสงคราม กิจเลศไพโรจน์ นายนพดล ปัทมะ เข้าหารือโดยใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมง
แหล่งข่าวกล่าวว่า นายสมชาย ได้ขอให้สมาชิกบ้านเลขที่ 111 และอดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ออกมาช่วยกลุ่มคนเสื้อแดงในการชุมนุม เพื่อเป็นกำลังเสริม โดยอ้างว่าประชาชนได้ออกมาสู้แล้ว จะมานั่งนอนอยู่ไม่ได้ โดยถ้ามีข้อมูลก็ให้ส่งกับแกนนำนปช.หรือถ้าจะขอขึ้นเวทีปราศรัยเองก็ได้ ทั้งนี้ก็จะมีการผลัดเปลี่ยนขึ้นเวที
แหล่งข่าวกล่าวว่า การเรียกร้องครั้งนี้ต้องการห้เอารัฐธรรมนูญปี 2540 กลับคืนมา ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ระบอบอำมาตยาธิปไตยหายไปด้วย หลังจากนั้นก็ให้ยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน แม้การทำให้รัฐบาลยุบสภาไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าประชาชนเรียกร้องให้มากๆ ก็จะชนะ
เราควรออกมาร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดง พร้อมจัดกิจกรรมในการชุมนุมช่วงวันหยุดจักรี และวันหยุดสงกรานต์ ต้องทำให้เวทีนี้เป็นของเรา แหล่งข่าวกล่าวถึงแนวคิดในการประชุม
แหล่งข่าวกล่าวว่า ในวันศุกร์ที่ 3 เม.ย.นี้ อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน 37 คน จะขึ้นเวทีกลุ่มคนเสื้อแดงตั้งแต่เวลา 19.00 น. โดยจะมีบางคนเปิดประเด็นใหม่ออกมา
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการยุบสภาเพื่อยุติความขัดแย้งตามแนวคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่ยอมยุติการเคลื่อนไหว ตนพูดไปแล้วว่า คนสูญเสียอำนาจจะไม่ยอมสูญเสียอำนาจและจะเอาอำนาจคืนมาให้ได้ ซึ่งทางออกของปัญหามีอยู่แต่คนไม่เดิน
ส่วนที่ พล.อ.เปรม ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติ และการเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก่อน คมช.เข้าเฝ้าฯ 20 นาทีนั้น นายประเกียรติ กล่าวว่า เป็นประเด็นที่ยังแคลงใจ ยังไม่ชัดเจนว่ามีเหตุผลอะไรที่ต้องเข้าเฝ้าฯก่อน 20 นาที ถึงวันนี้ประชาชนกลุ่มคนเสื้อแดงมีความเชื่อในข้อมูลหลักฐานจึงออกมาเคลื่อนไหว ต้องยอมรับในแนวทางว่าคล้ายๆ กับพรรคเพื่อไทยที่ได้ทำงานในสภาฯ โดยเฉพาะการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมตรี และ 5 รัฐมนตรี ซึ่งเรื่องนี้สอดคล้องกับกลุ่มเสื้อแดงจึงออกมาขับไล่รัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีโอกาสที่จะเกิดการเผชิญหน้าของประชาชนทั้งสองกลุ่มหรือไม่ นายประเกียรติ กล่าวว่า ขณะนี้ต้องยอมรับว่าความเชื่อของประชาชนถูกฝังไปแล้ว โดยเฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดงที่ได้รับทราบข้อมูลหลายๆ ด้าน ซึ่งผู้ที่ถูกกล่าวหา ก็ไม่สามารถชี้แจงหรือหักล้างได้ เกิดความรู้สึกไม่พอใจสะสมไปเรื่อยๆ หากรัฐบาล ไม่สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ทันท่วงที โอกาสที่จะเกิดการเผชิญหน้าจะหนักและรุนแรงขึ้น
สำหรับทางออกนั้นมีอยู่ 3 แนวทางใหญ่ๆ คือ 1.แนวทางประนีประนอม โดยการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะต้องลาออกก่อนเพื่อเปิดทาง ในการตั้งนายกรัฐมนตรีคนกลาง กับการเสนอร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการ ปรองดองแห่งชาติ เพื่อให้ทุกฝ่ายสมานฉันท์กัน 2.นายกรัฐมนตรีต้องลาออกหลังจำนนต่อหลักฐานคงไม่พอ ในส่วนขององคมนตรีนั้นควรพิจารณาตนเองด้วย และ3.นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภาให้เลือกตั้งใหม่ แต่ส่วนตัวคิดว่าข้อ 2และข้อ3 คงไม่สามารถลบล้างความขัดแย้งและความคลางแคลงในสังคมได้
นายประเกียรติ กล่าวด้วยว่า วันนี้ทางออกจะต้องทำควบคู่กับการออกกฎหมาย ปรองดองฯเพื่อปลดล็อคนักการเมืองทั้ง 111 และ 109 ให้มีอิสระ เหมือนคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 66/2523 ในเรื่องนโยบายการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ ซึ่งจะทำให้ทุกอย่างผ่อนคลาย จะต้องตั้งรัฐบาลแห่งชาติขึ้นโดยเลือกนายกรัฐมนตรีจากพรรคเล็ก เช่น นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมตั้งคณะรัฐมนตรีมาจากทุกพรรค มีกรอบเวลาในการเข้ามาบริหารที่ชัดเจนทั้งในการแก้ไขรัฐธรรมนูญและยกร่างกฎหมายลูก ทั้งกฎหมายเลือกตั้งส.ส.และ ส.ว. กฎหมายพรรคการเมือง และกฎหมายคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) โดยใช้เวลาอย่างช้าประมาณ 90 วัน ซึ่งเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้วก็ให้ยุบสภา เพื่อเลือกตั้งใหม่ภายใน 45 วัน ไม่เร็วหรือช้าเกินไป
นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในการประชุมพรรค มีการประเมินสถานการณ์ทางการเมือง โดยวิเคราะห์ว่า ไม่นานจะได้รับข่าวดีทางการเมือง เพราะรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ใกล้จะถึงทางตัน จึงต้องตัดสินใจทางการเมือง เพราะถูกกดดันทั้งจากคนเสื้อแดง และสังคม ที่ได้ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรัฐบาลชุดนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมส.ส.พรรคเพื่อไทย มีการแจกสมุดปกขาว เล่มใหญ่ชื่อว่า พรรคประชาธิปัตย์ ทำอะไรใครๆก็รู้ ซึ่งมีความหนา 96 หน้า จำนวน 3 เล่ม ให้กับส.ส.ของพรรคด้วย ซึ่งเป็นการรวบรวมเนื้อหาคำอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรี ที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรค นำมาเปิดเผยและอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยเฉพาะรายละเอียด ข้อมูล และหลักฐานต่างๆ ในส่วนของผู้บริหารระดับสูงของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ปกปิดการรับเงินสนับสนุน ทางการเมืองจากบริษัท ทีพีไอฯ จำนวน 27 ครั้ง เป็นเงิน 263 ล้านบาท และเงินที่พรรคประชาธิปัตย์ได้รับการสนับสนุนจาก กกต. 29 ล้านบาท และมีการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เพื่อให้ส.ส.นำไปเผยแพร่ให้กับประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบและเห็นข้อเท็จจริง
แหล่งข่าวจากที่ประชุมพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่าในในการประชุมพรรค ได้หารือ์ถึงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงโดยเปิดโอกาสให้ ส.ส.เข้าร่วมชุมนุมและขึ้นเวทีปราศรัยได้ นอกจากนี้ยังวิเคราะห์ว่า การชุมนุมครั้งนี้จะทำให้รัฐบาลตัดสินใจยุบสภาแน่นอน เพราะถ้าไม่ยุบจะทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย ยกเว้นว่าพรรคประชาธิปัตย์จะยังตะแบงอยู่ในอำนาจต่อไปโดยไม่ได้คำนึงถึงความเสียหาย นอกจากนี้ ที่ประชุมยังแจ้งต่อ ส.ส.ว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีการขึ้นป้ายคัตเอ้าท์พร้อมกันทุกจังหวัด เพื่อโปรโมทผลงานของพรรคในอดีต เป็นการโหมโรงเพื่อเข้าสู่โหมด การเลือกตั้ง
แหลงข่าวกล่าวด้วยว่า หลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรประกาศ เชิญชวน 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย หรือสมาชิกบ้านเลขที่ 111 และ 37 อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือ ขึ้นเวทีรวมกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่ทำเนียบรัฐบาล วานนี้ (31 มี.ค.) นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เรียกสมาชิกบ้านเลขที่ 111 และอดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ร่วมประชุมกว่า 40 คน อาทิ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล นายอดิศร เพียงเกษ นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ นายจำลอง ครุฑขุนทด น.ต.ศิธา ทิวารี นายสิทธิชัย กิตติธเนศวร นายสุพร อัตถาวงศ์ นายพันธ์เลิศ ใบหยก นายสงคราม กิจเลศไพโรจน์ นายนพดล ปัทมะ เข้าหารือโดยใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมง
แหล่งข่าวกล่าวว่า นายสมชาย ได้ขอให้สมาชิกบ้านเลขที่ 111 และอดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ออกมาช่วยกลุ่มคนเสื้อแดงในการชุมนุม เพื่อเป็นกำลังเสริม โดยอ้างว่าประชาชนได้ออกมาสู้แล้ว จะมานั่งนอนอยู่ไม่ได้ โดยถ้ามีข้อมูลก็ให้ส่งกับแกนนำนปช.หรือถ้าจะขอขึ้นเวทีปราศรัยเองก็ได้ ทั้งนี้ก็จะมีการผลัดเปลี่ยนขึ้นเวที
แหล่งข่าวกล่าวว่า การเรียกร้องครั้งนี้ต้องการห้เอารัฐธรรมนูญปี 2540 กลับคืนมา ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ระบอบอำมาตยาธิปไตยหายไปด้วย หลังจากนั้นก็ให้ยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน แม้การทำให้รัฐบาลยุบสภาไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าประชาชนเรียกร้องให้มากๆ ก็จะชนะ
เราควรออกมาร่วมกับกลุ่มคนเสื้อแดง พร้อมจัดกิจกรรมในการชุมนุมช่วงวันหยุดจักรี และวันหยุดสงกรานต์ ต้องทำให้เวทีนี้เป็นของเรา แหล่งข่าวกล่าวถึงแนวคิดในการประชุม
แหล่งข่าวกล่าวว่า ในวันศุกร์ที่ 3 เม.ย.นี้ อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน 37 คน จะขึ้นเวทีกลุ่มคนเสื้อแดงตั้งแต่เวลา 19.00 น. โดยจะมีบางคนเปิดประเด็นใหม่ออกมา
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการยุบสภาเพื่อยุติความขัดแย้งตามแนวคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่ยอมยุติการเคลื่อนไหว ตนพูดไปแล้วว่า คนสูญเสียอำนาจจะไม่ยอมสูญเสียอำนาจและจะเอาอำนาจคืนมาให้ได้ ซึ่งทางออกของปัญหามีอยู่แต่คนไม่เดิน