“อภิสิทธิ์” ยันดีเอสไอทำข้อมูลหลุดต้องสอบ ท้าฝ่ายค้านพบประชาธิปัตย์รับเงินทีพีไอผิดกฎหมายพรรคการเมือง พร้อมให้ส่ง กกต.ดำเนินการ ยอมรับเงินท้องถิ่นค้างท่อไม่ถึงมือ เตรียมถกเคลียร์ปัญหาด่วน
วันนี้ (23 มี.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการที่รัฐบาลสั่งให้มีการสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ที่คำให้การกรณีทีพีไอ หลุดรอดออกมาจนฝ่ายค้านนำไปกล่าวอ้างในที่ประชุมสภาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า ตนเห็นว่า มีข่าวถึงข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องสำนวนหลุดออกไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้ได้อย่างไรว่าฝ่ายค้านเอามาจากดีเอสไอ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ตั้งข้อสังเกต แต่ช่วงที่ ส.ส.อ่านในสภามีการใช้คำว่า “ข้า” ซึ่งถือว่า ไม่ปกติ ถ้าไม่ใช่สำนวนการสอบสวน อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นการกระทำผิดกฎหมายพรรคการเมืองและการเลือกตั้ง เป็นหน้าที่ของ กกต.ที่ต้องสอบสวน ตนเข้าใจว่า คดีที่ดีเอสไอ เป็นการสอบสวนเรื่องบริษัท ทีพีไอ ถ้าพบว่ามีการกระทำที่ผิดกฎหมายพรรคการเมืองหรือกฎหมายเลือกตั้งต้องส่งให้ กกต.ดำเนินการ และ กกต.ก็ต้องทำเหมือนคดีอื่นๆ ในอดีต คือต้องตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา และเสนอมาว่าจะส่งอัยการ หรือส่งศาลหรือไม่
เมื่อถามว่า เรื่องนี้อธิบดีดีเอสไอต้องรับผิดชอบหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้มี 2 เรื่อง ดีเอสไอ ส่งเรื่องให้กับ กกต.เป็นเรื่องปกติ เว้นแต่ทำผิดขั้นตอนซึ่งตนไม่ทราบรายละเอียด ส่วนข้อมูลที่รั่วออกมาต้องมีการสอบถามว่าปกติการทำงานของดีเอสไอ ไม่ควรจะมีเรื่องข้อมูลรั่ว เมื่อถามว่า จะเป็นเหตุให้ย้ายอธิบดีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่คิดว่า ถึงขนาดนั้น ขณะเดียวกัน รมต.ก็ยืนยันหลายครั้ง เมื่อถามว่า กรณีที่มอบให้ นายสุเทพ ดำเนินการเกี่ยวกับหลักฐานเท็จของฝ่ายค้านที่ดำเนินการเกี่ยวกับพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะรอดูการไปยื่นของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคฝ่ายค้าน ก่อนว่า ยื่นอย่างไร อ้างอิงอะไร
เมื่อถามว่า จะไม่มีการปรับปรุงกระทรวงการต่างประเทศ ใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องปรับปรุงส่วนงบประชาสัมพันธ์ ไม่ได้ใช้ในกระทรวงการต่างประเทศ แต่กลับเข้าไปศูนย์กลางในการบูรณาการ และที่ผ่านมาการใช้งบประมาณในลักษณะการประชาสัมพันธ์ร่วม ก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อยไม่มีปัญหาอะไร เมื่อถามว่า จากการอภิปรายจะนำประเด็นไหนมาแก้ไขข้อบกพร่องหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีประเด็นข้อสังเกตเรื่องการบริหารหลายโครงการ เช่น กระทรวงศึกษาธิการ ปัญหางบประมาณท้องถิ่น ส่วนกรณีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นการย้ำว่า เมื่อเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ ต้องเข้าใจถึงความรู้สึกที่หลายคนอาจจะค้างคาใจอยู่กับการเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ กับการปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลในเรื่องการสร้างความปรองดอง
เมื่อถามว่า เรื่องงบประมาณการปกครองท้องถิ่นที่ค้างท่อเป็นจริงหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จริง มีการรายงานมาที่ตนแล้ว เมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา และผ่าน นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ มาถึงตนวันที่ 17 มี.ค.หนึ่งวันก่อนไม่ไว้วาง ตนก็ตรวจสอบข้อมูลและรอฟังจากการอภิปรายด้วย โดยสัปดาห์นี้จะเชิญฝ่ายเลขาฯคณะกรรมการกระจายอำนาจ และกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นมาสะสางเรื่องนี้ให้เรียบร้อย ซึ่งต้องดูว่าติดขัดเรื่องอะไร ส่วนเงินอุดหนุนทั่วไปจัดการไปแล้ว แต่เงินอุดหนุนเฉพาะกิจ จากการได้ข้อมูลมาแต่ละฝ่ายไม่ตรงกันว่าติดขัดเพราะอะไร บางคนบอก ส่งกลับไปที่จังหวัด บางคนบอกติดอยู่ที่กรม บ้างก็บอกว่า ติดอยู่ที่คณะกรรมการกระจายอำนาจ เพราะมีหลักเกณฑ์ พอไม่เข้าหลักเกณฑ์ก็ต้องเจรจาว่าจะไปแก้โครงการหรือขอยกเว้น เมื่อถามว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะฝ่ายการเมืองเข้าแทรกแซงทำให้งบไม่กระจาย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สัปดาห์นี้จะเชิญมาทำความเข้าใจให้ตรงกัน สภาพที่รายงานมาเกิดขึ้นปี 2550-2551