xs
xsm
sm
md
lg

“กษิต”ลุยล่า”แม้ว”เอง ซัดไม่เอาสถาบัน ปลุกคนไทยสู้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – “กษิต”ปลุกคนไทยสู้ “แม้ว`” ซัดไม่เอาสถาบัน ลั่นลุยล่าด้วยตัวเอง เตรียมบุกดูไบเพื่อแจ้งให้ทราบถึงความในใจที่ปล่อยนักโทษหนีคดีใช้เป็นฐานปฏิบัติการโจมตีรัฐบาล ด้าน “ปีย์” ปฏิเสธเปิดบ้านถก “ตุลาการ-สุรยุทธ์” เพื่อโค่น”ทักษิณ แค่หารือแก้วิกฤตชาติ ระบุเชิญคนสนิทมามาคุยประจำ แม้แต่ “แม้ว-หญิงอ้อ” ก็เคยมา “อภิสิทธิ์” ติงไม่เหมาะกล่าวหาประธานองคมนตรี วอนทุกฝ่ายร่วมกันตำหนิ ยัน “ป๋าเปรม” ไม่เกี่ยว ปชป. และการเมือง พร้อมตอกกลับอดีตนายกฯ บอกใครเรียนเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นย่อมรู้ถึงจังหวะต้องกู้เพื่อแก้วิกฤต เผยอังคารนี้งดประชุม ครม. “สาทิตย์”รับมี ขรก.ช่วยวิดีโอลิงก์ฉลุย สั่งต้นสังกัดจัดการแล้ว

นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวระหว่างการตอบคำถาม สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคประชาธิปัตย์ วานนี้ (29 มี.ค.) ที่ถามว่าเมื่อไหร่จะนำ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาดำเนินการตามกฎหมายเสียทีว่า ขณะนี้ได้แจ้งไปสถานทูตทั่วโลกแล้ว และได้พูดเป็นการภายในกับทูตต่างๆ ว่าเรามีความไม่สบายใจมากหากประเทศเหล่านั้นปล่อยให้พ.ต.ท.ทักษิณใช้ประเทศเขาเป็นเวทีโจมตีประเทศไทย

นอกจากนี้ยังได้ประสานกับอัยการสูงสุดเพื่อแจ้งกับรัฐบาลต่างประเทศว่าถ้ารู้ว่าพ.ต.ท.ทักษิณอยู่ที่ไหน ก็จะมีการดำเนินการขอให้ส่งกลับมาดำเนินคดี ซึ่งล่าสุดอัยการสูงสุดได้ส่งคณะไปฮ่องกงเพื่อเริ่มเจรจาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนที่ยังตกค้างกันอยู่ และในสัปดาห์หน้า เราจะมีคณะไปที่ดูไบเพื่อแจ้งความในใจให้เขาทราบ เพราะมีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณมักใช้ที่ดังกล่าวเป็นที่ปฏิบัติการ

นายกษิตกล่าวว่า สำหรับการยกเลิกหนังสือเดินทางของพ.ต.ท.ทักษิณนั้น เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ทางกฤษฎีกาได้มีหนังสือแจ้งมายังกระทรวงการต่างประเทศ จากที่ก่อนหน้านี้กระทรวงการต่างประเทศได้ถามไปยังกฤษฎีกาว่า ถ้ามีการยกเลิก พาสสปอตเล่มสีน้ำตาล จะเป็นการกระทบสิทธิของพ.ต.ท.ทักษิณในการเดินทางหรือไม่ แต่ทางกฤษฎีกาแจ้งมาว่าไม่รับตีความ เพราะเป็นเรืองการเมือง ซึ่งตนก็แจ้งให้นายกฯทราบแล้ว

“แต่ผมขอเปิดใจว่า วันนี้เป็นการต่อสู้ของ 2 อุดมการณ์คือ เราต้องการมีประชาธิปไตยมีสถาบันพระมหากษัตริย์ มีรัฐธรรมนูญ แต่อีกฟากไม่ต้องการมีสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นเราต้องถามตัวเองว่า เราต้องการให้มีสิ่งเหล่านี้หรือไม่ มันถึงเวลาที่เรา ต้องออกมาแล้ว เพราะวันนี้มันเป็นเรื่องความอยู่รอดของสิ่งที่เราอยู่กันมานานหลายร้อยปี เราต้องสู้แล้ว เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องการชิงอำนาจทางการเมือง วันนี้ต้องบอกว่า เป็นเรื่องที่อันตรายอย่างใหญ่หลวง ที่มีกลุ่มบุคคลที่พยายาม ดำเนินการบางอย่าง ก็ขอฝากประธานสาขาพรรคประชาธิปัตย์ในที่นี้ด้วยให้ช่วยกัน แต่วันนี้ผมพร้อมจะลุยเองในเรื่องนี้”นายกษิตกล่าว

รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ในด้านการต่างประเทศ เราได้ดำเนินการผ่านนักการทูตต่างๆ ในการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมถึงนโยบายรัฐบาล และตั้งแต่นายกรัฐมนตรีไปพูดที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ก็มีบทความ สื่อต่างประเทศนำเสนอในทิศทางที่มีความเข้าใจมากขึ้น ทำให้บัดนี้ความเชื่อถือของนายใจ อึ๊งภากรณ์ ไม่เหลือเลย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างช่วงรัฐมนตรีพบสมาชิกพรรคและภาคประชาสังคม ในงานประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคประชาธิปัตย์ ประชาชนได้สอบถาม ถึงการดำเนินการกับ พ.ต.ท.ทักษิณ นายกษิตกล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ไปหารือกับประเทศที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางเข้า-ออกเป็นประจำ เช่น เกาะฮ่องกง และเมืองดูไบ เพื่อพูดคุยในประเด็นดังกล่าว และในเร็วๆ นี้ จะเดินทางไปหารือกับเจ้าหน้าที่ของดูไบ เนื่องจากทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะใช้ประเทศดังกล่าวเป็นฐานในการเคลื่อนไหว

ทั้งนี้ นายกษิต ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ ที่กล่าวหาว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จงใจละเลยการปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญในการทวงคืนปราสาทพระวิหาร ว่า “ไม่อยากให้ราคา และผมไม่ใส่ใจ เพราะเรื่องนี้เขาคือต้นเหตุที่ทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียปราสาทพระวิหาร”

**”ปีย์”ปฏิเสธเชิญคนสนิทถกโค่น”แม้ว”
นายปีย์ มาลากุล ณ อยุธยา
ซึ่งเป็นผู้ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีต รอง ผอ.กอ.รมน.ระบุว่า เป็นเจ้าของบ้านที่ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และตุลาการระดับสูงนัดพบเพื่อวางแผนโค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ก่อนการรัฐประหาร วันที่ 19 ก.ย. 2549 กล่าวว่า การพูดคุยกันที่บ้านพักของตน ซึ่งมี พล.อ.สุรยุทธ์ พล.อ.พัลลภ นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ ประธานศาลฎีกาในขณะนั้น นายจรัญ ภักดีธนากุล เลขาธิการประธานศาลฎีกาในขณะนั้น และ นายปราโมทย์ นาครทรรพ นักวิชาการอิสระไม่มีการพูดเรื่องการวางแผนรัฐประหารหรือโค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เป็นการเชิญคนที่สนิทสนมและเป็นเพื่อนมารับประทานอาหารที่บ้านเพื่อพูดคุยถึงปัญหาบ้านเมืองซึ่งทำเป็นปกติอยู่แล้ว

“การเชิญเพื่อนและคนที่มีความสนิทสนมมารับประทานอาหารเย็นที่บ้านเป็นประจำอยู่ก็เพื่อให้เล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟังเพราะต้องการทันสถานการณ์เนื่องจากมีอาชีพเป็นนักข่าวซึ่ง ในช่วงเวลาดังกล่าวหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรง มีพระราชดำรัสกับตุลาการศาลปกครองสูงสุดและผู้พิพากษาศาลฎีกาเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2549 เกี่ยวกับปัญหาวิกฤตของบ้านเมือง จึงได้เชิญนายอักขราทร ซึ่งเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กๆ รวมทั้งนายชาญชัย มารับประทานอาหารที่บ้านในวันที่ 6 พ.ค. 2549 เพื่อคุยว่าจะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่างไร ตามที่ทรงมีพระราชดำรัส จากนั้นได้โทรศัพท์ชวน พล.อ.สุรยุทธ์ พล.อ.พัลลภ และนายปราโมทย์ ซึ่งมีความสนิทสนมกันอยู่แล้วว่า อยากจะมาฟังหรือไม่”

นายปีย์กล่าวว่า เมื่อทุกคนมาพร้อม จึงขึ้นนั่งโต๊ะอาหาร ตนได้ถาม ฝ่ายตุลาการว่า จะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร ซึ่งทั้งนายอักขราทรและนายชาญชัยก็อธิบายว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสอย่างไรบ้าง จนเข้าใจ และทางตุลาการมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาอย่างไรในทางกฎหมาย โดยไม่ได้ลงรายละเอียดถึงตัวบุคคล แต่พูดถึงขั้นตอนในทางกฎหมายโดยนายอักขราทรและนายชาญชัย เป็นคนอธิบายเป็นหลัก ส่วนนายจรัญพูดน้อยหน่อย ซึ่งจำไม่ได้ว่า พูดเรื่องอะไรบ้าง แต่หลังจากนั้นก็คุยกันเรื่องอดีตเก่าๆ เรื่องมโนสาเร่ จนกระทั่งเลิกประมาณ 4 ทุ่มกว่าและตนยังเดินไปส่ง พล.อ.สุรยุทธ์ และ พล.อ.พัลลภ ซึ่งคนทั้งสองไม่เคยอยู่กัน 2 ต่อ2 เพราะมีตนนั่งคั่นอยู่ตรงกลาง เวลามีอะไรต้องคุยผ่านตน

“เรื่องที่เกิดขึ้นมันนานหลายปีแล้ว คนที่มากินข้าวไม่มีใครจำวันที่ได้สักคน ผมอายุ 72 แล้วก็จำไม่ได้ แต่เมื่อมีคนมาให้สัมภาษณ์ก็ต้องเปิดดูบันทึกของเลขาฯ เพราะต้องสั่งอาหารญี่ปุ่นจากโรงแรมดุสิตธานีจึงรู้ว่า เป็นวันนี้ ซึ่งมีแผนผังด้วยว่า ใครนั่งตรงไหนอย่างไร ยืนยันว่า ไม่มีการพูดเรื่องปฏิวัติ หรือพูดเรื่องตำแหน่ง ไม่มีทหารอยู่สักคนจะพูดเรื่องปฏิวัติได้อย่างไร”

**สงสัย”พัลลภ”บิดเบือนเพราะวืดตำแหน่ง
นายปีย์ กล่าวว่าที่เชิญ พล.อ.พัลลภ และนายปราโมทย์มาเพราะสนิทสนมกันมาสานและตอนนั้น พล.อ.พัลลภกำลังดังเรื่องคาร์บอมบ์(คดีวางระเบิดพ.ต.ท.ทักษิณ) ส่วนนายปราโมทย์นั้น เขียนหนังสือเกี่ยวกับปฏิญญาฟินแลนด์และมีความรู้ทางด้านกฎหมายเลยเชิญมาร่วม
ส่วนที่ พล.อ.พัลลภ ระบุว่ามีการประชุมวางแผนที่บ้านนายปีย์ 3-4 ครั้งนั้น นายปีย์ยืนยันว่าพบเพียงครั้งเดียว ตนดูการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.สุรยุทธ์ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวานนี้ (28 มี.ค.) ก็ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่ที่พล.อ.พัลลภพูดไม่ตรง ก็แปลกใจว่า ทำไม
ส่วนที่ พล.อ.พัลลภ พลิกขั้วแบบ 180 องศานั้น นายปีย์ กล่าวว่า ก็รู้สึกแปลกใจเหมือนกัน แต่คิดว่า อาจไม่พอใจ พล.อ.สุรยุทธ์ ที่ไม่ได้ตำแหน่งอะไรในรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ หรือไม่ได้รับการตอบแทนอะไรบางอย่าง หรือหวังเอาใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ให้ข้อมูลที่ผิดพลาด ซึ่งก็ไม่เข้าใจความคิดของ พล.อ.พัลลภเช่นกัน อย่างไรก็ตามหลังมีการเปิดโปงก็ไม่ได้ติดต่อใครใดๆ ทั้งสิ้น

**เผย “ทักษิณ-หญิงอ้อ” ก็เคยมาที่บ้าน
นายปีย์กล่าวด้วยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เคยมารับประทานอาหารบ้านตน หลายครั้ง เพราะสนิทสนมกัน ช่วงก่อนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนช่วงเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ได้มา อาจจะเป็นเพราะไม่มีเวลา แต่หลังจากรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และกลับจากต่างประเทศมา 2 ครั้ง คุณพญิงพจมาน ชินวัตร มา มา 1 ครั้ง

**ติง “แม้ว”ไม่ควรพาดพิงปธ.องคมนตรี
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงยังคงเคลื่อนไหวกดดันให้นายกรัฐมนตรียุบสภา หรือลาออกว่า หากการชุมนุมไม่ผิดกฎหมายก็ชุมนุมไป ซึ่งในส่วนของรัฐบาล สามารถทำงานได้ตามปกติ ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่สิ่งที่ตนอยากจะเรียนคือ การชุมนุมเรียกร้องทางการเมืองควรเป็นเรื่องของฝ่ายการเมืองด้วยกัน ไม่ควรที่จะไปพาดพิงถึงประธานองคมนตรี หรือองคมนตรี เพราะความจริงแล้วไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษหรือองคมนตรี ท่านอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง โดยเฉพาะการกล่าวหาในเรื่องที่ ไม่เป็นความจริง เช่น กรณีที่ระบุว่าประธานองคมนตรีเกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย
 
นายอภิสิทธิ์ยืนยันว่าตั้งแต่ประธานองคมนตรีวางมือทางการเมืองไป ก็ไม่มีส่วนไหนที่จะมาเกี่ยวข้องทางการเมืองของพรรค ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใดทั้งสิ้น ทั้งนี้คิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะทราบอยู่แล้วว่าในตำแหน่งที่ท่านดำรงอยู่ ในขณะนี้เป็นเรื่องยากที่จะให้ท่านมาชี้แจงหรือตอบโต้อะไร ไม่ควรอาศัยโอกาสนี้ ที่ท่านไม่อยู่ในฐานะที่จะมาชี้แจงได้มากนักและฉวยโอกาสจากการที่ประชาชนส่วนหนึ่ง อาจจะไม่ทราบประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ซึ่งประธานองคมนตรีดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นช่วงเวลาที่นานมาแล้ว และเป็นบุคคลที่ได้ช่วยทำให้บ้านเมืองพ้นภาวะวิกฤติมาในตอนนั้น หลังจากนั้นเมื่อดำรงตำแหน่งมา 8-9 ปี ก็เห็นว่าพอ จึงเลิกไป จากนั้นได้รับโปรดเกล้าฯเป็นรัฐบุรุษ ฉะนั้นการที่ไปโจมตีท่าน หรือการกล่าวหาท่าน คิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม หากจะเรียกร้องอะไรทางการเมือง ควรจะเป็นเรื่องระหว่างนักการเมืองด้วยกัน

**เตรียมดำเนินการตามกฎหมาย
ส่วนจะดำเนินการอย่างไรกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ออกมากล่าวหาประธานองคมนตรีและองคมมนตรีนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้าอยู่ในกรอบของกฎหมายก็เป็นสิทธิที่ทำได้ แต่อยากจะให้ทุกคนได้ทราบข้อเท็จจริง และประชาชนคงมี วิจารณญาณเปรียบเทียบได้ ระหว่างการทำงาน คุณงามความดีของแต่ละบุคคลเป็นอย่างไร ฉะนั้นตรงนี้เป็นข้อคิดที่อยากจะให้ไว้ ส่วนการเรียกร้องเพียงเพื่อ ประโยชน์ของกลุ่มบุคคลหรืออะไร ก็ไม่ควรที่จะก้าวล่วงไปถึงสถาบันอื่นๆ ซึ่งรัฐบาลอยากจะยืนยันในจุดนี้ และจะดูแลหากมีการกระทำที่ผิดกฎหมาย ก็จะดำเนินการ

ผู้สื่อข่าวถามว่าการโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณที่พาดพิงสถาบันและโจมตีการทำงานของรัฐบาลจะทำอย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตนคิดว่าประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งมองเห็นสถานการณ์ในปัจจุบันคงคิดค่อนข้างตรงกันว่า บ้านเมืองต้องการความสงบ อย่างที่เรียนคือ ทุกฝ่ายต้องช่วยกันนำเสนอข้อมูลข่าวสารให้ครบถ้วนรอบด้าน ไม่ใช่ว่าให้มีการฟังความข้างเดียว เพราะอย่างที่ยกตัวอย่างให้เห็นในแง่ประวัติการทำงานของประธานองคมนตรีและองคมนตรี ย่อมยืนยันได้อยู่แล้ว เพียงแต่ไม่มีโอกาสออกมาพูดและชี้แจงได้ตลอด

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า การโฟนอินของพ.ต.ท.ทักษิณ ทุกครั้งจะกระทบสถาบันสำคัญๆ รัฐบาลจะปกป้องได้อย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ประการแรกได้มีการ ดำเนินการบางส่วน แต่อยู่ในขอบเขตของกฎหมาย ส่วนที่สองสังคมต้องช่วยกัน อย่าเพิกเฉยต่อสิ่งที่ไม่เหมาะสม จะต้องออกมาตำหนิติติงกันบ้าง จะช่วยให้เกิดความเข้าใจที่รอบด้านมากขึ้น

ส่วนความเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณเหมือนต้องการบีบให้รัฐบาลเจรจา ต่อรองในเรื่องต่างๆ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นความพยายามในส่วนผลประโยชน์ของพ.ต.ท.ทักษิณ แต่รัฐบาลต้องเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนมาก่อน และต้องรักษาความถูกต้องในบ้านเมือง ซึ่งตนเคยเรียนหลายครั้งแล้วว่า การกลับเข้ามายอมรับกระบวนการยุติธรรม ทุกอย่างจะแก้ปัญหาของมันได้เอง

**ชี้เศรษฐศาสตร์เบื้องต้นก็รู้ว่าต้องกู้
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินระบุว่า การกู้เงินของรัฐบาลเป็นการ ผลาญ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การกู้ยืมในช่วงที่ผ่านมาในเรื่องการขาดดุลงบประมาณเป็นเรื่องที่รัฐบาลที่แล้ว หรือรัฐบาลชุดก่อนโน้นก็ทำ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ แต่พยายามที่จะมาบิดเบือนว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ไม่พึงกระทำ จริงๆ แล้วจังหวะเวลานี้ใครที่เรียนเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นก็จะทราบว่าเป็นจังหวะเวลาที่เหมาะสมด้วยซ้ำในการที่จะทำ เพราะไม่เช่นนั้นเราไม่มีอะไรที่จะปกป้องคุ้มครองคนที่ตกงาน คนที่มีรายได้น้อย เกษตรกร ในยามที่เศรษฐกิจไม่ดี ซึ่งเป็นเรื่องที่มาจากภายนอกและรัฐบาลได้รับผลกระทบจากการเก็บรายได้ เพราะฉะนั้นการขาดดุลงบประมาณ ใครเรียนเศรษฐศาสตร์เบื้องต้นจะทราบว่าตอนนี้เป็นเรื่องจำเป็นต้องทำ

“การกู้ยืมเงินมาเพื่อการลงทุนเป็นการเตรียมการสำหรับอนาคต และยืนยันว่าเราทำไม่กระทบวินัยการเงินการคลัง ความจริงผมเห็นข้อเสนอที่เสนอมา ก็ไม่ได้พิเศษอะไรเลย โดยเฉพาะที่บอกว่า ไม่ให้กู้เงิน แต่ให้ไปแคะกระปุกคือเอาเงินสำรองออกมาใช้ ความจริงจะทำให้มีปัญหาอีกด้านหนึ่งด้วยซ้ำ”

ผู้สื่อข่าวถามว่า วันอังคารนี้มั่นใจหรือไม่ว่าจะประชุม ครม.ในทำเนียบรัฐบาลได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า วันอังคารนี้ ตอนเช้าตนจะเข้าถวายพระพรสมเด็จพระเทพรัตราชสุดาฯเนื่องจากในวันพระราชสมภพตนอยู่ปฏิบัติภารกิจที่ประเทศอังกฤษ จึงโปรดเกล้าฯให้เข้าเฝ้าในช่วงเช้าวันอังคาร หลังจากนั้นจะไปขึ้นเครื่องบินเดินทาง ไปร่วมประชุมจี 20 ทั้งนี้ระหว่างที่ตนไม่อยู่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะทำหน้าที่รักษาการณ์นายกรัฐมนตรีแทน อย่างไรก็ตามตนจะติดตามสถานการณ์ อย่างใกล้ชิด โดยแนวทางก็เข้าใจกันดีอยู่แล้วว่า รัฐบาลจะเดินอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามว่าคิดว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงจะบานปลายหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราพยายามดูแลไม่ให้กระทบต่อความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยและขอย้ำอีกครั้งว่า สังคมส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้บ้านเมืองเกิดปัญหาอีก และรัฐบาลจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนม็อบเสื้อแดงจะเพิ่มจำนวนขึ้นหรือไม่ตนไม่สามารถบอกได้ เพราะเห็นมีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในเรื่องตัวเลขของผู้ชุมนุม บางช่วงก็มีมาก มากช่วงก็มีน้อยเป็นธรรมชาติของมัน

** ระบุ “แม้ว”สับสนในข้อเรียกร้อง
ต่อข้อถามว่าข้อเรียกร้องของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะประสบผลสำเร็จหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่รู้เลยว่าเรียกร้องอะไรแน่ ผู้สื่อข่าวจึงบอกพ.ต.ท.ทักษิณ เรียกร้องให้ยุบสาภา นายอภิสิทธิ กล่าวว่า เรียกร้องให้ยุบสภาแล้วจะแก้รัฐธรรมนูญได้อย่างไร พ.ต.ท.ทักษิณ คงสับสนตัวเองอยู่

ส่วนขบวนการปรองดองตามข้อเรียกร้องของพรรคเพื่อไทยจะช่วยอะไรได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนกระบวนการตรงนี้ทั้งหมด ถ้าใช้วิธีพูดทีละครั้ง พูดทีละคนจะมีแต่ความสับสน เดี๋ยวจะยุบสภา เดี๋ยวจะออกกฎหมาย ถ้ายุบสภาก็ออกกฎหมายไม่ได้ ถ้าจะให้ออกกฎหมายก็ต้องไม่ยุบสภา ถึงได้บอกว่าทั่งหมดนี้เอาเข้ามาอยู่ในกรอบของการทำงานเรื่องการปฏิรูปการเมือง เข้ามาพูดคุยกันหากมีความบริสุทธิ์ใจที่จะให้ระบบเดินหน้าเป็นธรรมกับทุกฝ่ายก็มาคุยกัน เปิดเวทีให้กว้าง รัฐบาลพร้อมอยู่แล้ว เข้ามาก็จบเรื่อง แต่การเรียกร้องแบบนี้ เป็นความพยายามที่จะปลุกระดมกันมากกว่า

ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลจะมีสมาธิในการทำงานได้อย่างไร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “มีครับ มีสมาธิในการทำงาน เพราะผมสนใจงานของบ้านเมืองเป็นหลัก” เมื่อถามว่า มองปลายทางการปลุกระดมหรือไม่ว่า ถ้าข้อเรียกร้องไม่สำเร็จ พ.ต.ท.ทักษิณจะเคลื่อนไหวต่อไปอย่างไร นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรามีหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและแก้ปัญหาของประชาชนให้เดินหน้า เมื่อถามว่า มั่นใจรัฐบาลจะอยู่ต่อไปได้ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวทันทีว่า มั่นใจครับ

**”เทพเทือก”ยันประชุมครม.ที่ทำเนียบฯ
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการชุมนุมของ กลุ่มคนเสื้อแดงไม่เป็นปัญหากับการประชุมครม.ในวันอังคารนื้ ทั้งนี้รัฐบาลไม่ได้ประเมินการเคลื่อนไหวของกลุ่มเสื้อแดง เพราะเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ดูแลสถานการณ์ ไม่ให้มีการกระทำผิดกฎหมาย หากการชุมนุมยังปิดล้อมทำเนียบฯจนถึงวันอังคารก็จะประเมินกันอีกครั้ง ซึ่งรัฐบาลยังไม่มีการเตรียมสถานที่สำรองสำหรับการประชุมครม.

ส่วนรัฐบาลจะอธิบายกับประชาชนอย่างไร เพราะการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้เกิดความแตกแยก นายสุเทพกล่าวว่า ทำไมต้องอธิบายประชาชนก็เห็นอยู่ทุกวัน ส่วนที่มีการพาดพิงองคมนตรีนั้นเราไม่มีกฎหมายให้รัฐบาลดูแลเรื่องนี้ได้ และองคมนตรีที่เสียหายก็ออกมาชี้แจงแล้ว สำหรับประธานองคมนตรี ท่านเป็นผู้ใหญ่ก็ไม่ได้ออกมาตอบโต้อะไร ความชอบหรือไม่ชอบ ถูกต้องหรือไม่ เหมาะสมหรือไม่ ผู้พูดคือพ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง ประชาชนจะเห็นธาตุแท้ ของพ.ต.ท.ทักษิณ มากขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เรียกร้องให้กลับเริ่มต้นใหม่โดยการยุบสภา นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ได้ ทั้งหมดที่เขาเรียกร้องคือให้ตัวเองรอดจากคุก ให้ตัวเองได้ทรัพย์สินคืน ให้ตัวเองกับพวกกลับมามีอำนาจมี 3 เรื่องนี้เท่านั้น

**รัฐบาลสั่งงดประชุมครม.อังคารนี้
แหล่งข่าวระดับสูงในรัฐบาล เปิดเผยว่า ในวันอังคารที่ 31 มี.ค.นี้ จะไม่มีการประชุมคณะรัฐมนตรีแน่นอนแล้ว เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะนำคณะรัฐมนตรี เข้าเฝ้าถวายพระพรสมเด็จพระเทพรัตราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ หลังจากนั้นในช่วงเที่ยง นายอภิสิทธิ์จะขึ้นเครื่องไปกรุงลอนดอน เมื่อร่วมประชุม จี 20

*”สาทิตย์”รับมีขรก.ช่วย “แม้ว”ถ่ายสด
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้ปล่อยปละละเลยให้ พ.ต.ท.ทักษิณโฟนอินเข้ามาอย่างสะดวก รัฐบาลตามเรื่องนี้มาตั้งแต่ครั้งก่อน ๆ แล้ว และมีข้อมูลค่อนข้างใกล้ชิดมากในขณะนี้ กลุ่มคนที่ทำวิดีโอลิงค์ให้ ส่วนหนึ่งเป็นคนในข้าราชการ กำลังติดตามข้อมูลอยู่ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจง แต่ประเด็นที่ตามอยู่อยากทราบว่า ดำเนินการถูกกฎหมายหรือไม่ หรือเป็นวิธีการที่หลบเลี่ยงกฎหมาย

“ต้องยอมรับว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชำนาญในเรื่องเทคโนโลยี แต่ยืนยันว่า ที่ดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย ก็ไม่มีปัญหาในเรื่องวิธีการ แต่หากเป็นวิธีการ ที่หลบเลี่ยงข้อกฎหมายก็ต้องดำเนินการกัน ส่วนเรื่องเนื้อหา ผู้ที่เกี่ยวข้องดูอยู่อย่างใกล้ชิด”

ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ระบุว่า ข้าราชการเกี่ยวข้องกับวิดีโอลิงค์เกี่ยวข้องอย่างไร นายสาทิตย์กล่าวว่า มีข้อมูลก่อนหน้าว่า ไปช่วยดำเนินการ ขณะนี้กำลังติดตามดูอย่างใกล้ชิดว่า เป็นส่วนไหน และให้หัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีตามดูเรื่องนี้อยู่ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณใช้หลายวิธีมาก มีทั้งผ่านดาวเทียม เช่น ยูลิงค์ ซึ่งเป็นวิธีการที่หลบเลี่ยงข้อกฎหมาย ซึ่งถ้าผิดกฎหมายก็จะตัดสัญญาณวีดีโอลิงค์ โดยข้อกฎหมายที่จะดำเนินการกับ พ.ต.ท.ทักษิณ มี 2 ส่วนคือ 1. สิทธิส่วนบุคคล บุคคลนั้นก็ต้องใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย 2. หากคาบเกี่ยวความเสียหาย ของบ้านเมือง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

**เผยตร.เฉื่อยไม่สกัดวิทยุชุมชน
นายสาทิตย์ กล่าวว่า ในที่ประชุมหน่วยงานความมั่นคงที่ผ่านมา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ได้กำชับให้ตำรวจนครบาล (บช.น.) ตักเตือนและสอดส่อง ในเรื่องการถอดถ่อยทอดสัญญาณการโฟนอิน ผ่านระบบวีดีโอลิงค์ เพื่อออกอากาศ ทางสถานีวิทยุชุมชนไปแล้ว ซึ่งตำรวจรับปากไปแต่ไม่เข้าใจว่า เหตุใดจึงยังมีการ ถ่ายทอดสัญญาณมากยิ่งขึ้น ซึ่งกรณีนี้ไม่ได้อยู่ในอำนาจของตนเอง แต่ขึ้นอยู่กับอำนาจของ คณะกรรมการกิจการโทรคมมาคมแห่งชาติ (กทช.)และอนุ กทช. หากเขาเข้าไปดำเนินการใดๆ ก็ไม่ได้ เพราะไม่มีกำหมายรองรับ จึงทำได้เพียงข้อความร่วมมือ

ทั้งนี้ เท่าที่ทราบ อนุกรรมการของกทช. ได้ทำหนังสือตักเตือนไปที่วิทยุชุมชน เหล่านี้หลายครั้งแล้ว แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ ซึ่งในเดือนเมษายน กทช.จะประชุม เพื่อจัดระเบียบ และลงทะเบียนประวัติวิทยุชุมชนทั้งประเทศ และเชื่อว่า จะดีขึ้น เพราะเรื่องสื่อเป็นเรื่องอ่อนไหว หากเข้มงวดมากไป ก็จะถูกกล่าวหาว่า แทรกแซงสื่อ แต่ถ้าอ่อนไป ก็จะมีการฉวยโอกาสนำมาสร้างความวุ่นวายให้สังคมโดยร่วม จึงต้องจับตาเป็นพิเศษ

**เสื้อแดงยันปิดล้อมไม่ให้ประชุมครม.
สำหรับความเคลื่อนไหวการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง วานนี้ (29 มี.ค.) สำหรับบรรยากาศการชุมนุม ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้ร่วมบางตา จากสภาพอากาศที่ร้อน ทำให้ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่หลบไปอยู่ใต้ต้นไม้และในเต็นท์ แต่บนเวทียังคงมีการปราศรัยโจมตีรัฐบาลสลับกับการร้องเพลง ขณะที่กำลังตำรวจทหารยังคงรักษาความเรียบร้อยภายในทำเนียบรัฐบาลหลายกองร้อย แต่ไม่มีการตั้งแถวยืนบริเวณรั้วทำเนียบรัฐบาลเหมือนกับวันก่อนๆ โดยบรรยากาศทั่วไปเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ให้สัมภาษณ์ถึงการออกมาแถลงปฏิเสธ ไม่ได้อยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีว่า การที่ พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นประธานมูลนิธิรักษ์เขาใหญ่ แต่ยังมีบ้านบนเขายายเที่ยง รวมถึงสมัยเป็น ผบ.ทบ. ใช้กำลังทหารเข้าโจมตีทหารประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ตามแนวชายแดน โดยอ้างคำสั่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในขณะนั้น พฤติกรรมดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า พูดไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และมีการอ้างชื่อบุคคลอื่นอยู่ตลอด

ส่วนการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น ทางกลุ่มเสื้อแดงยืนยันจะชุมนุม ปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล เพื่อไม่ให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเข้ามาทำงานต่อไป ส่วนจะถึงเมื่อไรยังไม่ได้สรุปในตอนนี้ โดยยืนยันว่า การชุมนุมต่อเนื่องดังกล่าวจะพยายามไม่ให้กระทบต่อการจัดงานกาชาดที่สวนอัมพร โดยจะประสานกับตำรวจนครบาลเป็นระยะ โดยเฉพาะเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน หากตำรวจติดต่อ ประสานมาก็จะพิจารณาเปิดเส้นทาง

** “ทักษิณ”งดโฟนอินหนึ่งคืน
นายจตุพร พรหมพันธุ์
แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวว่า การที่นายสาทิตย์ ระบุว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ในการถ่ายทอดสดวีดีโอลิงค์นั้นยืนยันว่าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากข้าราชการคนใดตามที่อ้าง อย่างไรก็ตาม ในเวลา 20.30 น.ของคืนนี้ (29 มี.ค.) พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่โฟนอินเหมือนทุกคืนที่ผ่านมา เนื่องจากพ.ต.ท.ทักษิณ จะทำสมาธิให้กับนางเยาวลักษณ์ ชินวัตรพี่สายที่เสียชีวิตไป และมีงานพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันนี้ แต่ในวันถัดไปและทุกๆ คืน พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินเหมือนเดิม
กำลังโหลดความคิดเห็น