สองนักข่าวมือเก๋าวิเคราะห์ม็อบเสื้อแดงล้อมทำเนียบ “สุทิน” ไม่ให้ราคา คาดอยู่ไม่นาน เหตุม็อบไร้อุดมการณ์ ขณะคนที่ถูกไล่ไม่ได้ทำความเสียหายต่อชาติ เชื่อ “แม้ว” ถูก “แก๊งหัวขวด” หลอกรับประทาน แต่ก็ยอมเพื่อรักษาอาการป่วยทางจิต ด้าน “เสริมสุข” คาด “ทักษิณ” หมดมุกปลุกระดม เหตุตัวละครถูกเปิดออกจนหมดแล้ว แต่ต้องออกมาเล่นเอง เพราะสถานการณ์หลังพิงฝา
รายการ “คนในข่าว” ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน ช่วงเวลา 20.30-21.30 น. วันที่ 25 มีนาคม ดำเนินรายการโดย น.ส.รัตน์ติกรณ์ จารุเกษตรวิทย์ ตั้งประเด็นสนทนาในหัวข้อ “สื่อมืออาชีพ วิเคราะห์เกมแดงทั้งแผ่นดิน” โดยมีนายสุทิน วรรณบวร นักข่าวการเมืองอาวุโส อดีตผู้สื่อข่าวประจำสำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนัก และนายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ บรรณาธิการข่าวการเมืองและความมั่นคง สถานีโทรทัศน์ทีวีไทย ร่วมให้มุมมองต่อการประกาศชุมนุมใหญ่ของเครือข่ายระบอบทักษิณในนามกลุ่มคนเสื้อแดงเพื่อขับไล่รัฐบาภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.นี้
**ม็อบไร้ราคา
นายสุทินกล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง คงเป็นได้แค่ม็อบแดดเดียว ถ้าเป็นมวยก็มวยไม่มีราคา เป็นม้าก็ม้าไม่เบอร์ ตนไม่ให้ราคาคนกลุ่มนี้ และคนกลุ่มนี้ไม่ได้เล่นอยู่กับนักการเมืองธรรมดา แต่กำลังเล่นกับของสูง เล่นกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็กำลังเริ่มเล่นงานคนพวกนี้แล้ว โดยการโฟนอินที่พิษณุโลกของนักโทษหนีคุกเมื่อวันก่อนก็เกิดลมพายุพัดเข้ามาอย่างแรงจนต้องหยุด หลังจากโฟนอินแค่ 6 นาที และต้องเลิกก่อนเวลา เพราะคนเสื้อแดงทยอยกลับหมด
นายสุทินกล่าวว่า วันที่ 26 มี.ค.นี้ อาจมีคนเสื้อแดงมาชุมนุมกันเป็นจำนวนพันหรือจำนวนหมื่นในช่วงแรก แต่เชื่อว่าจะอยู่ได้ไม่นาน อย่างมากก็ 7 ชั่วโมง หลังจากนั้นจะเหลือหลักพัน พอผ่านไป 12 ชั่วโมงจะเหลือหลักร้อย พอถึง 24 ชั่วโมงอาจจะเหลือ 10 คนกับหมา 2 ตัว
ด้านนายเสริมสุขกล่าวว่า สถานการณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขณะนี้ถือว่าเป็นสถานการณ์หลังพิงฝา คือต้องออกมาเล่นเอง ตอนแรกจะไปปรากฏตัวที่ฮ่องกง แต่พอมีข่าวว่ารัฐบาลจะไปตามจับ ก็เลิก เปลี่ยนวิดีโอลิงค์ หลังจากนั้นก็มาโฟนอินตามเวทีคนเสื้อแดง แล้วมีวิดีโอลิงค์ที่เชียงใหม่ ชักชวนให้มาชุมนุมที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นวิธีการทางการเมือง
ดูจากข่าวที่ออกมาก็มีการเตรียมการที่ดีของคนเสื้อแดง แต่จะอยู่ได้นานหรือไม่นั้น จากที่คุยกับฝ่ายความมั่นคงคาดว่าจะอยู่ถึงวันอาทิตย์ (29 มี.ค.) หรือ 4 วัน ซึ่งช่วงนี้หน่วยข่าวกรองประเมินสถานการณ์ว่าน่าจะจบได้ แต่ทั้งนี้ขึ้นกับการจัดตั้งขององค์กร ซึ่งการจะเอาคนอยู่ในที่ชุมนุมมันมีปัจจัยหลายอย่าง เช่นเรื่องใหญ่คืออาหารการกิน แต่เขาบอกว่าจะยาวนานไม่ชนะไม่เลิก แต่ต้องดูว่าจะอยู่ได้แค่ไหน
ด้านนายสุทินกล่าวอีกว่า จะยืดเยื้อได้หรือไม่ อยู่ที่อุดมการณ์และคนที่ถูกประท้วงนั้นสร้างความเสียหายแค่ไหน การประท้วงของพันธมิตรฯ นั้น เพราะต้องการที่จะไล่รัฐบาลที่มาโดยไม่ชอบ มีการคอร์รัปชั่น โกงการเลือกตั้งมา คนที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลช่วงนั้นละเมิดจาบจ้วงเบื้องสูง คนที่ทนไม่ได้ ก็หลั่งไหลมาและอยู่กันนาน มีการหาอาหารมาให้ผู้ชุมนุมเพื่อร่วมกันปกป้องสถาบันเบื้องสูงขับไล่รัฐบาลไม่ชอบธรรมออกไป แต่ที่เสื้อแดงมาคราวนี้เพื่อปกป้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ช่วยให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศ ทั้งที่ไม่มีใครห้ามกลับ เพราะพวกเราก็อยากให้กลับเข้ามาติดคุก
**ชี้ “พัลลภ” ไร้ค่าทางการข่าว-แค่เครื่องมือ “ทักษิณ”
นายสุทินกล่าวต่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณพยายามยกประเด็นที่อ่อนไหว ฉวัดเฉวียน จาบจ้วงไม่ได้ตรงๆ ก็ไปตีเอาองคมนตรี เช่น ท่านชาญชัย ลิขิตจิตถะ พ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยโจมตี พอมาเป็นองคมนตรีก็โจมตี อาจารย์จรัญ ภักดีธนากุล พอมาเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็โดนโจมตี กล่าวหาว่าคนเหล่านี้เคยเตรียมการโค่นอำนาจเขา โดยอ้างข้อมูลจาก พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ทั้งที่ พล.อ.พัลลภเป็นแค่ทหารแก่ๆ ที่ไม่มีค่าด้านการข่าวเลย ตนเคยทำข่าวปฏิวัติมาหลายครั้ง รวมทั้ง 2 ครั้งล่าสุด ไม่เคยมีข่าวว่าคนๆ นี้มีส่วนไปรับรู้ข้อมูลที่คอขาดบาดตายขนาดนั้น ทหารแก่คนนี้พยายามสร้างภาพปั่นราคาตัวเองให้มีบทบาทบ้าๆ บอๆ ขึ้นมา เหมือนตำรวจแก่คนหนึ่งที่เคยบอกว่าจะเอากำลังไปไล่พันธมิตรฯ ออกจากทำเนียบ แล้วก็หายไป
นายสุทินระบุว่า ข้อมูลที่ พ.ต.ท.ทักษิณเอามาพูดนั้นไม่ได้มาจาก พล.อ.พัลลภ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณโยนใส่ พล.อ.พัลลภ เพราะ พล.อ.พัลลภวิ่งไปหา พ.ต.ท.ทักษิณเมื่อปลายปีที่แล้ว หลังจาก พล.อ.พัลลภไม่ได้เป็นแกนนำพันธมิตรฯ รุ่นที่เท่าไหร่ก็แล้วแต่ ก็วิ่งไปหา พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งจริงๆ แล้ว ไปคุยกันเรื่องอะไรก็ไม่รู้
นายสุทินกล่าวต่อว่า เรื่องคาร์บ๊องก็ดี เรื่องการลอบสังหารก็ดี พ.ต.ท.ทักษิณมักจะกล่าวอ้างเอาเอง อย่างตอนเข้ามารับตำแหน่งนายกฯ ใหม่ๆ เกิดระเบิดที่เครื่องการบินไทย ก็อ้างว่ามีผู้ค้ายาเสพติดจะฆ่าเขา กรณีคาร์บ๊องก็เหมือนกัน ไปพบรถ ตอนที่ พ.ต.ท.ทักษิณไปถึงทำเนียบแล้ว แล้วไปสมอ้างว่ารถคันนั้นขับออกมาจาก กอ.รมน.โดยทหารที่ใกล้ชิดกับ พล.อ.พัลลภ เหมือนกับว่ามีนายทหารจาก กอ.รมน.เตรียมการณ์ฆ่า พ.ต.ท.ทักษิณ
“แล้ว กอ.รมน.มีไว้ทำไม มีไว้เพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศ แล้วทำไมไม่รู้ว่าเขาจะฆ่านายกฯ แล้วทำให้ดูเหมือนว่าคุณทักษิณถูกปองร้าย ทั้งที่จริงแล้วมันเป็นเรื่องคาร์บ๊อง ครั้งนี้คุณทักษิณก็หยิบเอาทหารแก่ไปสมอ้าง ซึ่งทหารแก่คนนี้แกพยายามปั่นราคาตัวเองทั้งที่ไม่มีอะไร”
นายสุทินย้ำว่า ที่จริงแล้ว พล.อ.พัลลภเป็นเครื่องมือให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณมาตลอด ตั้งแต่กรณีสั่งฆ่าคนในมัสยิดกรือเซะ หลังจากนั้นก็ปลด พล.อ.พัลลภ เพื่อจะบอกว่าปลดคนที่ทำผิดแล้ว ความผิดจะได้ไม่มาถึงตัว
**แฉ “แม้ว” ย้าย “สุรยุทธ์” เพราะขัดใจพม่า
นายเสริมสุขกล่าวว่า ประเด็นที่อย่างจะพูดคือกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดผ่านวิดีโอลิงค์ว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และอดีตนายกฯ ร่วมวางแผนปฏิวัติ เพราะไม่พอใจ ที่ถูก พ.ต.ท.ทักษิณสั่งย้ายจากผู้บัญชาการทหารบกไปเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด เนื่องจากทำให้ทหารพม่าเสียชีวิตตามแนวชายแดนหลายร้อยคน ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้พูดรายละเอียด ทำให้คนฟังงงและไม่เข้าใจว่า ทำไม พล.อ.สุรยุทธ์ จึงไปทำให้เกิดความเสียหายขนาดนั้น และมองว่าเป็นเหตุผลที่ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณย้าย พล.อ.สุรยุทธ์ได้
นายเสริมสุขกล่าวว่า เหตุการณ์ช่วงนั้นเป็นปี 2544 ช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลจากชวน หลีกภัยมาเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยเหตุการณ์เกิดช่วงเดือนมกราคม ก่อนที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะเข้ารับตำแหน่ง ตอนนั้นทหารพม่าได้ไล่กวาดล้างไทยใหญ่แล้วเข้ามายึดฐานบ้านปางหมู อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เพื่อโอบเข้าไปตีไทยใหญ่ พล.อ.สุรยุทธ์ ถือว่ารุกล้ำอธิปไตยไทย จึงสั่งให้พม่าถอนทหารภายใน 48 ชั่วโมง แต่พม่าไม่ยอมถอน พล.อ.สุรยุทธ์ ผบ.ทบ.ขณะนั้น จึงสั่งให้ พล.อ.วัธนชัย ฉายเหมือนวงศ์ แม่ทัพภาคที่ 3 ขณะนั้น ยิงปืนใหญ่เข้าไปเพื่อขับไล่ ทำให้ทหารพม่าตายไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นการกระทำเพื่อปกป้องอธิปไตยของไทย ช่วงนั้นปัญหายาเสพติดรุนแรงมาก เพราะรัฐบาลพม่าสนับสนุนว้าแดงค้ายาบ้า กองทัพไทยโดย พล.อ.สุรยุทธ์ และ พล.อ.วัธนชัย ก็พยายามต่อต้านให้ถึงที่สุด ซึ่งทำให้รัฐบาลพม่าไม่พอใจ และทำให้ พล.อ.สุรยุทธ์ถูกย้ายในปลายปีนั้น
** “แม้ว” ลามปามจาบจ้วงองคมนตรีเพิ่ม
นายสุทินกล่าวเพิ่มเติมถึงการจาบจ้วงบุคคลที่เป็นองคมนตรีหรือคนใกล้ชิดกับสถานบันนั้นอยู่ใต้จิตสำนึกของ พ.ต.ท.ทักษิณมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการพูดเรื่องผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ การบอกว่าเจ้าของพันธมิตรฯ บอกนักข่าวญี่ปุ่นว่าเคยทำหนังสือขออภัยโทษ 3 ฉบับ พอมีคนทักท้วงก็อ้างว่าแค่ถวายรายงาน ซึ่งก็น่าสงสัยว่านักโทษหนีคุกมีสิทธิอะไรถวายรายงาน
กรณีนี้เขาจะโจมตีองคมนตรีและศาลรัฐธรรมนูญ ไม่รู้จะเอาข้ออ้างอะไรก็อ้างคำพูด พล.อ.พัลลภว่า 3 คนนี้ คิดจะปฏิวัติเขา ที่จริงเรื่องการละเมิดองคมนตรีนั้น เดิมจะมุ่งไปที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ โดย พ.ต.ท.ทักษิณไปพูดที่ออสเตรเลียว่า พล.อ.เปรมกลั่นแกล้งปฏิวัติเขา มาวันนี้ มีชื่อองคมนตรีเพิ่มอีก 2 คนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติเขา เพื่อที่จะดิสเครดิตสถาบันนี้ให้ได้ หรือทำให้เห็นเป็นปกติว่า ใครจะมาละเมิดก็ได้ ทั้งที่เป็นพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการตั้งองคมนตรี แล้วตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณก็แสดงเอง ไม่อยู่เบื้องหลังอีกต่อไป
“เป็นการแสดงออกของอาการป่วย ป่วยเป็นโรคริษยาคุณอภิสิทธิ์ ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ก็ไม่รู้จะเอาอะไรมาเล่นให้คนเสื้อแดดงลุกฮือขึ้นมา ก็เอาเรื่องนี้มาอ้างว่าเขาถูกกลั่นแกล้ง และเปิดประเด็นใหม่ออกมาเรื่อยๆ แต่ทุกครั้งที่เขาพูด จะยิ่งทำลายตัวเอง เขาคิดว่าพูดออกมาแล้วคนจะเห็นด้วย แต่ยิ่งพูดมากเท่าไหร่ คนยิ่งเกลียดคุณทักษิณมากขึ้นเท่านั้น” นายสุทินกล่าว
** เชื่อ “แม้ว” หมดมุก โฟนอินม็อบเสื้อแดงไร้ประเด็นใหม่
นายเสริมสุขกล่าวว่า ขณะนี้ พ.ต.ท.ทักษิณหลังพิงฝา แต่ถ้าดูเนื้อหาก็ยังเปิดช่องว่าถ้ามีการเจรจาพุดคุยก็จะนำไปสู่การคลี่คลาย ตามที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยพยายามเสนอทางออก เหมือนกับจะบอกว่าจะเลิกหรือไม่เลิก หลังจากที่มีการส่งข่าวเป็นสัญญาณครั้งสุดท้าย ก็ขึ้นวิดีโอลิงค์มาเลย และต้องดูว่าวันที่ 26 เขาจะมีประเด็นอะไรอีก เพราะที่พูดที่เชียงใหม่ก็ยังไม่ได้แตะมากนัก แต่พูดถึงชื่อตัวบุคคล และมีการพูดถึงเหตุการณ์ที่ไม่ควรหยิบมาพูด เพราะเป็นเรื่องเก่าตั้งแต่ปี 48-49 แต่เพราะมันเป็นจุดขายเดียวที่หยิบมาแล้วพอได้ใจคนเสื้อแดง แต่พวกเราก็รู้ว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่เก่าแล้ว
นายเสริมสุขกล่าวต่อว่า ยังมองไม่ออกว่าการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณมาในที่ชุมนุมคนเสื้อแดงวันที่ 26-27 นี้ จะมีเรื่องอะไร ถ้าพูดถึงเหตุการณ์ยึดอำนาจ มันก็ไม่น่าจะมีเหตุการณ์อะไรที่จะเอามาพูดอีก ถ้าพูดถึง พล.อ.เปรม ที่ผ่านมาก็พูดมาตลอด เพราะฉะนั้นถ้าดูเนื้อหาที่จะเอามาพูดก็ไม่น่ามีอะไร ตัวบุคคล ก็ไม่เห็นมีตัวละครใหม่อะไร หยิบมาพูดจนหมดแล้วโดยเฉพาะในส่วนของกองทัพ ที่พูดมาก่อนหน้านั้นว่าจะมีอะไรพูดอีก อาจเป็นแค่การเรียกแขกให้มาร่วมชุมนุมกัน
“ก่อนหน้านั้นมีการวิเคราะห์ว่าทักษิณออกมาเล่นเองเพราะแกนนำพรรคเพื่อไทยไม่สามารถชิงการนำได้ พอทักษิณออกมาก็แย่งพื้นที่สื่อได้ มีการทำข่าว เนื้อหาสาระก็มีการเอาไปตามข่าวชี้แจงตอบโต้กัน ซึ่งถ้าคนที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ก็ไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร อย่างกรณีคำพูดของ พล.อ.พัลลภ ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง แต่คุณทักษิณก็เอามาพูดเพื่อดึงคนฟังเอาไว้ แต่โดยส่วนตัวผมเห็นว่าไม่มีอะไร”
ด้านนายสุทินกล่าวเสริมว่า เหยื่อที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะจาบจ้วงอีก อาจเพิ่มมากกว่าองคมนตรี 2 ท่าน และตุลาการ 1 ท่าน แต่มันก็เป็นดาบสองคมที่จะหมุนมาฟันคอ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างเรื่องปลด พล.อ.สุรยุทธ์ เขาพูดไม่หมดว่าเขาปลดเพื่อให้ญาติของเขาคือ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.พอขึ้นมาภาคใต้ก็รุนแรงขึ้นมาทันที แล้วแก้ปัญหาด้วยการพับนกกระดาษ
“พี่กับเป๊ปซี่(นายเสริมสุข) เป็นคนทำข่าว เราติดตาม เราเห็นพฤติกรรมพวกนี้มาตลอด เราถึงมองเห็นว่า สิ่งที่คุณพูดนั้นคุณพนยายามบิดเบือน คุณพยายามหาประเด็นใหม่ขึ้นมา ประเด็นที่มันแหลมคม ประเด็นที่มันอ่อนไหว ประเด็นที่สถาบันที่ถูกกล่าวหา เขาไม่สามารถออกมาปกป้องตัวเองได้ เพราะฉะนั้น มันเป็นหน้าที่ของสื่ออย่างเราที่จะต้องออกมาปกป้องคนเหล่านั้น ว่าเขาไม่ได้ผิดอย่างที่ทักษิณกล่าวหา”
**เชื่อ “แก๊งหัวขวด” หลอกรับประทาน “แม้ว”
นายสุทินย้ำว่า การชุมนุมเสื้อแดงคราวนี้ตนไม่ให้ค่า เพราะคนที่คบกับ 3 เกลอหัวขวด เห็นมาแล้วตัวนำของ 3 เกลอหัวขวด ไม่มีใครเจริญสักคน ไปถามได้ คนที่ถูกหลอกให้มาตั้งพรรคการเมืองร่วมกี่คน คนที่ถูกหลอกให้มาปฏิวัติร่วมมีใครเจริญกี่คน ขณะนี้ที่เขาพยายามปั่นราคาเพื่อจะหลอกรับประทาน พ.ต.ท.ทักษิณมากกว่า ไม่มีใครมายอมตายเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณจริงๆ หรอก ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณเอวก็รู้ แต่เต็มใจให้หลอก เพราะต้องการจะหาอะไรมาปลอบใจตัวเอง เหมือนตอนที่เขาจะหมดอำนาจ ก็พยายามให้คนเอาดอกกุหลาบมาต้อนรับ ไปสุรินทร์ก็ให้ขี่ช้างเหมือนเป็นคนสำคัญ ที่พูดมาคือการเคลื่อนไหวทั้งหมดเป็นการรักษาอาการป่วยของตนเอง โดยให้คนพวกนี้รักษา
“การปลุกระดมคนนั้น มันต้องมีอุดมการณ์ มันต้องทำให้เห็นว่าคนที่อยู่นั้นสร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับประเทศชาติจริงๆ เขาจึงจะมาไล่ด้วยใจ แต่คุณกลับเอาเงินสกปรกของคุณปั้นขึ้นมา ซึ่งมันไม่ขึ้น อาจมีไม่กี่คนที่เขาฝังชิปไว้แล้วที่มาร่วม”
นายสุทินยังมองว่าส่วนหนึ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณยังเคลื่อนไหวได้ เพราะสื่อบางส่วนที่ได้ประโยชน์ยอมตกเป็นเครื่องมือ โดยได้ตั้งข้อสังเกตกรณีที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศในไทยได้เชื่อมสัญญาณการปาฐกถาของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ปาฐกถาผ่านวิดีโอลิงค์ไปที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศในฮ่องกง (เมื่อ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา) ซึ่งวิธีการเช่นนี้ไม่เคยมีประเพณีปฏิบัติมาก่อน และไม่ใช่หน้าที่ของผู้สื่อข่าวในไทยที่จะต้องไปเชื่อมสัญญาณมา เนื่องจากที่ฮ่องกงก็มีผู้สื่อข่าวของแต่ละสำนักข่าวทำหน้าที่รายงานข่าวอยู่แล้ว กรณีนี้จึงมองว่าสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศในไทยกำลังรับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่หรือไม่
อย่างไรก็ตาม นายสุทินมองว่าบทบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณต่อไปจากนี้ คงไม่มีอะไรมาก แต่ตนนึกถึงเพลง “ไอ้หน้าเหลี่ยม” เมื่อปี 2549 ตอนหนึ่งที่บอกว่า “อีกหน่อยมันคงเป็นโรคประสาท แก้ผ้าอาละวาดอยู่บนป้ายโฆษณา” คิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณทำได้แค่นั้นจริงๆ
**คาดเสื้อแดงไร้น้ำยา-จบดื้อๆ แบบเดิม
ด้านนายเสริมสุขกล่าวว่า ถ้าดูการเตรียมการณ์ของเจ้าหน้าที่ในทำเนียบรัฐบาลที่เข้มข้นกว่าคราวที่แล้ว มีการนำหน่วยกำลังหลักเข้าไปในทำเนียบ คงจะป้องกันไม่ให้บุกเข้าไปข้างใน ขณะที่ฝ่ายเสื้อแดงก็บอกว่าจะไม่เข้าไป ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้ก็ไม่น่าจะมีอะไร อาจจะพยายามยืดเยื้อเพื่อสร้างภาพให้เห็นว่ารัฐบาลบริหารประเทศไม่ได้ แต่เชื่อว่าไม่น่าจะนำไปสู่ความรุนแรง ซึ่งถ้าไม่เกิดอะไรขึ้นก็จะจบแบบครั้งแรก
นายสุทินกล่าวทิ้งท้ายว่า ความรุนแรงมันจะเกิดก็ต่อเมื่อมีการเตรียมการมานาน ไม่ใช่เกิดปุ๊บขั้นมาทันที ดังนั้นจึงเชื่อว่าจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรง และเชื่อว่าพลังของพวกนี้ไม่สามารถเข้มแข็งพอที่จะมาต่อต้านกับพลังของธรรมะได้ เพราะอธรรมไม่เคยชนะธรรมะ