พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ให้สัมภาษณ์เปิดใจ กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โฟนอินพาดพิง พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรี ว่าอยู่เบื้องหลังร่วมวางแผนปกิวัติ เมื่อวันที่ 19 ก.ย.49
ข้อเท็จจริงของเรื่องที่พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวพาดพิงว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อยู่เบื้องหลังการวางแผนปฏิวัติ เป็นอย่างไร
เป็นเรื่องจริง แต่เขาไม่เคยเชิญผมเข้าร่วมประชุม แต่เจ้าของบ้านที่สุขุมวิท เชิญผม และมีการประชุมกัน 3-4 ครั้ง ซึ่งจะมีการพูดถึงแนวทางเรื่องการล้มรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ตลอด โดยมี 2 แนวทาง คือ ทางด้านรัฐธรรมนูญ หรือทางด้านกฎหมาย ถ้าแนวทางแรกไม่สำเร็จ ก็จะทำรัฐประหาร ซึ่งในที่ประชุม พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นคนเสนอเองว่า การทำงานครั้งนี้ เราทำเพื่อประเทศชาติ ทุกคนต้องไม่หวังตำแหน่งลาภยศใดๆ ผมจึงอยากฝากไปถึงพล.อ.สุรยุทธ์ว่า เพื่อรักษาสถาบันอันมีเกียรติแห่งนี้ ท่านควรจะลาออกจากตำแหน่งองคมนตรี เพราะองคมนตรี ต้องไม่ยุ่งกับการเมือง แต่ท่านเป็นคนที่เข้ามายุ่งกับการเมือง ดังนั้น เพื่อรักษาสถาบันอันสำคัญยิ่งไว้ ผมคิดว่าท่านควรจะต้องลาออก
การทำรัฐประหาร มีการพูดหรือไม่ว่า ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี
ไม่ได้มีการพูดถึง เพียงแต่ พล.อ.สุรยุทธ์ เสนอขึ้นมาว่า การทำครั้งนี้ทำเพื่อประเทศชาติ ทุกคนจะต้องไม่หวังตำแหน่งใดๆ ซึ่งทุกคนศรัทธาในตัวท่าน การหารือเป็นลักษณะโต๊ะกลม ซึ่งไม่มี พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน นั่งอยู่ด้วย
พล.อ.สุรยุทธ์ ระบุว่า ท่านไม่อยากเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ คมช.เชิญให้ไปเป็นนายกฯ
คงต้องไปถามท่าน ผมเดาใจไม่ถูก เพราะทุกคนงงหมด ผมก็งง
แสดงว่าพล.อ.สุรยุทธ์ เป็นตัวตั้งตัวตีในการวางแผนล้มรัฐบาล
จะพูดว่าตัวตั้งตัวตีคงไม่ได้ แต่ว่าการประชุม พล.อ.สุรยุทธ์ จะมาทุกครั้ง
พอจะบอกได้หรือไม่ว่า คนที่เป็นแกนนำในการล้มรัฐบาลเป็นใคร
บอกไม่ได้ เพราะไม่อยากพาดพิงถึงคนอื่น แต่เมื่อพล.อ.สุรยุทธ์ พาดพิงถึงผม ผมก็จะพูดถึงพล.อ. สุรยุทธ์ เท่านั้น หลังจากที่ปฏิวัติรัฐประหาร พล.อ.สุรยุทธ์ ก็ไปเป็นนายกรัฐมนตรี พูดง่ายๆ พวกเราผิดหวังมาก ตอนแรกก็ชื่นชมมากเกี่ยวกับแนวความคิดดังกล่าว พูดง่าย ๆ พล.อ.สุรยุทธ์ เสียสัจจะ กลายเป็นคนไม่มีสัจจะ และผิดมติในที่ประชุม ซึ่งในการพูดคุยในวันนั้น มีประมาณ 7 คน ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองทั้งนั้น ซึ่งหลังจากนั้นผมไม่ได้พูดจากับพล.อ.สุรยุทธ์ อีกเลย เ จอหน้ากันก็ทำเหมือนคนไม่รู้จัก ทั้งๆ ที่เคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของผม
ในการพูดคุยมีการวางแผนอย่างไร
อย่างแรกคือ การวางแผนทางด้านกฎหมาย และการทำรัฐประหาร ว่าจะทำอย่างไร ซึ่งการที่ผมไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ท่านทราบหมดแล้ว แต่ท่านถามผมในลักษณะ ใช่หรือไม่ใช่ ยกตัวอย่างเรื่องที่ พ.ต.ท. ทักษิณ เล่าให้ฟังคือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กับพล.อ.สุรยุทธ์ มีครั้งหนึ่งที่เชิญพล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ อดีต กกต.ไปพบที่บ้านพล.ต.จำลอง แถวราชวัตร และล็อบบี้ให้พล.อ.จารุภัทร ถอนตัวออกจากกกต. เพื่อล้มการเลือกตั้งเมื่อ วันที่ 2 เม.ย. 49 ซึ่งพล.อจารุภัทร รายงานให้พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับทราบ จากนั้นพ.ต.ท.ทักษิณไปหา พล.อ.สุรยุทธ์ ที่ทำเนียบองคมนตรี เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง แต่ พล.อ.สุรยุทธ์ปฏิเสธ เรื่องแบบนี้ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธาน กกต. เคยได้รับเชิญไปที่บ้านสุขุมวิท เพื่อไปพบ พล.อ.สุรยุทธ์ และล็อบบี้ให้ลาออกออกจากตำแหน่ง และล้มการเลือกตั้ง ดังนั้นเรื่องนี้ไม่เป็นความลับ พ.ต.ท.ทักษิณ รู้ดีตั้งแต่ต้นว่าจะมีการล้มรัฐบาล เพราะมีแหล่งข่าวที่ติดตามพวกที่เคลื่อนไหวทั้งหมด เพียงแต่มาสอบถามผมว่า เรื่องที่รู้มา จริงหรือไม่ เมื่อตอนที่ผมเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จีน ท่านรู้มาตลอดทุกเรื่อง แม้แต่แผนการปฏิวัติ ซึ่งไม่รู้ว่าปฏิวัติเมื่อไร แต่ท่านประมาท เพราะไว้ใจคนใกล้ตัว และเพื่อน ตท.10 ที่คุมกำลังอยู่ในกองทัพ ท่านรู้มาตลอด แต่คงหาคนอ้างอิงไม่ได้ เผอิญผมเดินทางไปหาท่านพอดี จึงหาพยานเสียเลย
กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินว่า พล.อ.สุรยุทธ์ ล้มรัฐบาล เพื่อทำ
งานสนอง 901
ผมไม่รู้ เพราะพล.อ.สุรยุทธ์ไม่เคยเล่าให้ฟัง เพราะในที่ประชุมพูดเพียงว่า จะล้มรัฐบาล ส่วนการลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มี ซึ่งการรัฐประหารโดยปกติจะต้องล็อกตัวนายกฯ ยืนยันว่าไม่มีการลอบสังหาร แต่อาจเป็นการเข้าชาร์จ หรือ ล็อกตัวนายกฯ
คิดว่าขณะนี้ประเทศชาติจะมีทางออกอย่างไร
สาเหตุที่ตัดสินใจไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ คือเรื่องความวุ่นวายในบ้านเมือง เพราะผมไม่อยากเห็นคนไทยฆ่ากัน ซึ่งมีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองให้สัมภาษณ์ว่า คนที่จะแก้ไขปัญหาได้คือ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงทำให้ผมอยากพบพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งวันนี้เงื่อนไขทางการเมืองเปลี่ยนไป คือรัฐบาลตั้งขึ้นมาโดยไม่มีความชอบธรรม เป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตย เพราะต้องให้เสียงข้างมากเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล แต่นี่เป็นการล็อบบี้กันแบบงูเห่า ซึ่งมองว่าไม่ถูกต้อง เพราะควรให้เสียงข้างมากตั้งก่อน หากเขาตั้งไม่ได้ ตัวเองจึงจะค่อยตั้ง แต่เป็นการชิงตั้งก่อน
เหตุการณ์จะยุติอย่างไร
มองไม่ออกว่า เหตุการณ์จะยุติอย่างไร
ประเมินสถานการณ์จะมีความรุนแรงหรือไม่
อยู่ที่จุดมุ่งหมายว่าเขาต้องการทำอะไร พูดง่าย ๆ แบบพฤษภาทมิฬ เมื่อพล.ต. จำลอง โดนจับ และผมเป็นคนนำ และเกิดเหตุการณ์นักศึกษาตีตำรวจบาดเจ็บ เราจึงเข้าไปช่วยนักศึกษา ตีตำรวจ จึงเกิดเหตุการณ์ขึ้น ต้องดูว่าวันนี้ จะเกิดแบบนี้หรือไม่ ถ้ารัฐบาลใช้ความรุนแรง ก็จะต้องเกิดขึ้นแน่
จะมีการเผาสถานที่ราชการ หรือมีการยั่วยุให้เกิดการปะทะกันหรือไม่
ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ผมไม่รู้ เพราะไม่เคยยุ่งกับเขา
ขณะนี้มีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองติดต่อให้ท่านหยุดพูดเรื่องนี้หรือไม่
ไม่มี อย่างวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมมูลนิธิไทยอาสาป้องกันชาติ (ทสปช.) เขาแจ้งมาว่าคณะกรรมการไม่ครบ ขอเลื่อนไปก่อน จึงไม่ได้ไปประชุม
มีข่าวว่า พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. จะทำเชิญท่านไปหารือ เพื่อขอให้หยุดพูดเรื่องนี้
ไม่มีจริง ๆ ไม่รู้เรื่อง มีแต่ข่าวเท่านั้น จุดยืนผมคือ รับใช้ประเทศชาติ และมีความจงรักภักดีต่อสถาบันฯ มาโดยตลอด ยืนยันว่า การไปประเทศจีน เมื่อหลายคนบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คนเดียวที่จะแก้ไขปัญหาของประเทศชาติได้ ทำให้ผมผุดไอเดียวขึ้นมา พอดีนาย พิเชษฐ์ สถิรชวาล อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย และเป็นก๊วนกอล์ฟกับผม ชวนไปหา พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เมืองจีน จึงให้ นายพิเชษฐ์ โทรศัพท์ไปหาพ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อให้ผมเข้าพบ ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่ายินดีให้พบ จึงได้เดินทางไปหา บางคนกล่าวหาว่า ผมไปรับเงินจาก พ.ต.ท.ทักษิณ 3,000 – 4,000 ล้านบาท ผมยืนยันได้ว่า ที่ผมไปครั้งนี้ได้รองเท้ากอล์ฟมาเพียงคู่เดียว และพ.ต.ท.ทักษิณ ได้จ่ายเงินค่าแคตดี้ และค่าที่พักให้เท่านั้น ตกเป็นเงินไทยไม่ถึง 5,000 บาท
ในฐานะประชาชนจะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างไร
ทุกคนอยากให้ประเทศชาติมีความมั่นคง ประชาชนอยู่อย่างสันติสุข มีความปรองดองในชาติ ทั้งนี้ ถ้านิรโทษกรรมพ.ต.ท.ทักษิณ เพียงแต่ไปเซ็นต์ให้ภรรยาซื้อที่ดิน และจำคุก 2 ปี จะทำให้ประเทศชาติสู่ความมั่นคงประชาชนอยู่สันติสุขได้ ผมคิดว่าควรจะเลือกทางนั้น สมัยปี 2524 สมัยที่ผมเป็นผู้การฯ และนำกำลังทหารเข้ามาปฏิวัติโทษ ของผมสูงสุดขั้นถึงประหารชีวิต ถูกข้อหากบฏ และขัดพระบรมราชโองการ ยังสามารถนิรโทษกรรมได้ ซึ่งแรงกว่ากันเยอะมาก
แสดงว่าควรจะนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ คนเดียว เพื่อให้ประเทศชาติกลับมาเกิดความมั่นคงอีกครั้ง
กี่คนก็แล้วแต่ ถ้าทำแล้วทำให้ประเทศชาติกลับมาสมานฉันท์มีความมั่นคงประชาชนอยู่อย่างสันติสุขผมคิดว่าควรทำ และต้องรีบทำด้วย
ได้มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กับ พ.ต.ท. ทักษิณ หรือไม่
โทรคุย เมื่อสองวันที่ผ่านมาพ.ต.ท.ทักษิณ ถามว่าผมสบายดีหรือไม่ ผมก็บอกว่า สบายดีตอนนี้กำลังเล่นกอล์ฟอยู่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าวขอโทษที่อ้างชื่อผม
เป็นไปได้หรือไม่ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ยืมมือ พล.อ.พัลลภ ฆ่าศัตรูอีกฝั่งหนึ่ง
ไม่ใช่หรอก ผมบอกว่าไปขอพบท่าน แต่หากท่านขอพบผม อาจจะใช้ผมเป็นเครื่องมือ เงื่อนไขที่เกิดขึ้นคือ รัฐบาลไม่ได้ขึ้นมาตามระบอบประชาธิปไตย รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นมาแบบฉวยโอกาส วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นพรรคเก่าแก่ 63 ปี เป็นนายกฯ 4 สมัย ไม่ถึง 7 ปี เป็นฝ่ายค้าน 57 ปี ซึ่งแต่ละครั้งที่ขึ้นมาเป็นรัฐบาล ก็เป็นแบบนี้
ข้อเท็จจริงของเรื่องที่พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวพาดพิงว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อยู่เบื้องหลังการวางแผนปฏิวัติ เป็นอย่างไร
เป็นเรื่องจริง แต่เขาไม่เคยเชิญผมเข้าร่วมประชุม แต่เจ้าของบ้านที่สุขุมวิท เชิญผม และมีการประชุมกัน 3-4 ครั้ง ซึ่งจะมีการพูดถึงแนวทางเรื่องการล้มรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ตลอด โดยมี 2 แนวทาง คือ ทางด้านรัฐธรรมนูญ หรือทางด้านกฎหมาย ถ้าแนวทางแรกไม่สำเร็จ ก็จะทำรัฐประหาร ซึ่งในที่ประชุม พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นคนเสนอเองว่า การทำงานครั้งนี้ เราทำเพื่อประเทศชาติ ทุกคนต้องไม่หวังตำแหน่งลาภยศใดๆ ผมจึงอยากฝากไปถึงพล.อ.สุรยุทธ์ว่า เพื่อรักษาสถาบันอันมีเกียรติแห่งนี้ ท่านควรจะลาออกจากตำแหน่งองคมนตรี เพราะองคมนตรี ต้องไม่ยุ่งกับการเมือง แต่ท่านเป็นคนที่เข้ามายุ่งกับการเมือง ดังนั้น เพื่อรักษาสถาบันอันสำคัญยิ่งไว้ ผมคิดว่าท่านควรจะต้องลาออก
การทำรัฐประหาร มีการพูดหรือไม่ว่า ใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี
ไม่ได้มีการพูดถึง เพียงแต่ พล.อ.สุรยุทธ์ เสนอขึ้นมาว่า การทำครั้งนี้ทำเพื่อประเทศชาติ ทุกคนจะต้องไม่หวังตำแหน่งใดๆ ซึ่งทุกคนศรัทธาในตัวท่าน การหารือเป็นลักษณะโต๊ะกลม ซึ่งไม่มี พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน นั่งอยู่ด้วย
พล.อ.สุรยุทธ์ ระบุว่า ท่านไม่อยากเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ คมช.เชิญให้ไปเป็นนายกฯ
คงต้องไปถามท่าน ผมเดาใจไม่ถูก เพราะทุกคนงงหมด ผมก็งง
แสดงว่าพล.อ.สุรยุทธ์ เป็นตัวตั้งตัวตีในการวางแผนล้มรัฐบาล
จะพูดว่าตัวตั้งตัวตีคงไม่ได้ แต่ว่าการประชุม พล.อ.สุรยุทธ์ จะมาทุกครั้ง
พอจะบอกได้หรือไม่ว่า คนที่เป็นแกนนำในการล้มรัฐบาลเป็นใคร
บอกไม่ได้ เพราะไม่อยากพาดพิงถึงคนอื่น แต่เมื่อพล.อ.สุรยุทธ์ พาดพิงถึงผม ผมก็จะพูดถึงพล.อ. สุรยุทธ์ เท่านั้น หลังจากที่ปฏิวัติรัฐประหาร พล.อ.สุรยุทธ์ ก็ไปเป็นนายกรัฐมนตรี พูดง่ายๆ พวกเราผิดหวังมาก ตอนแรกก็ชื่นชมมากเกี่ยวกับแนวความคิดดังกล่าว พูดง่าย ๆ พล.อ.สุรยุทธ์ เสียสัจจะ กลายเป็นคนไม่มีสัจจะ และผิดมติในที่ประชุม ซึ่งในการพูดคุยในวันนั้น มีประมาณ 7 คน ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองทั้งนั้น ซึ่งหลังจากนั้นผมไม่ได้พูดจากับพล.อ.สุรยุทธ์ อีกเลย เ จอหน้ากันก็ทำเหมือนคนไม่รู้จัก ทั้งๆ ที่เคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของผม
ในการพูดคุยมีการวางแผนอย่างไร
อย่างแรกคือ การวางแผนทางด้านกฎหมาย และการทำรัฐประหาร ว่าจะทำอย่างไร ซึ่งการที่ผมไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ท่านทราบหมดแล้ว แต่ท่านถามผมในลักษณะ ใช่หรือไม่ใช่ ยกตัวอย่างเรื่องที่ พ.ต.ท. ทักษิณ เล่าให้ฟังคือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กับพล.อ.สุรยุทธ์ มีครั้งหนึ่งที่เชิญพล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ อดีต กกต.ไปพบที่บ้านพล.ต.จำลอง แถวราชวัตร และล็อบบี้ให้พล.อ.จารุภัทร ถอนตัวออกจากกกต. เพื่อล้มการเลือกตั้งเมื่อ วันที่ 2 เม.ย. 49 ซึ่งพล.อจารุภัทร รายงานให้พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับทราบ จากนั้นพ.ต.ท.ทักษิณไปหา พล.อ.สุรยุทธ์ ที่ทำเนียบองคมนตรี เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง แต่ พล.อ.สุรยุทธ์ปฏิเสธ เรื่องแบบนี้ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธาน กกต. เคยได้รับเชิญไปที่บ้านสุขุมวิท เพื่อไปพบ พล.อ.สุรยุทธ์ และล็อบบี้ให้ลาออกออกจากตำแหน่ง และล้มการเลือกตั้ง ดังนั้นเรื่องนี้ไม่เป็นความลับ พ.ต.ท.ทักษิณ รู้ดีตั้งแต่ต้นว่าจะมีการล้มรัฐบาล เพราะมีแหล่งข่าวที่ติดตามพวกที่เคลื่อนไหวทั้งหมด เพียงแต่มาสอบถามผมว่า เรื่องที่รู้มา จริงหรือไม่ เมื่อตอนที่ผมเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่จีน ท่านรู้มาตลอดทุกเรื่อง แม้แต่แผนการปฏิวัติ ซึ่งไม่รู้ว่าปฏิวัติเมื่อไร แต่ท่านประมาท เพราะไว้ใจคนใกล้ตัว และเพื่อน ตท.10 ที่คุมกำลังอยู่ในกองทัพ ท่านรู้มาตลอด แต่คงหาคนอ้างอิงไม่ได้ เผอิญผมเดินทางไปหาท่านพอดี จึงหาพยานเสียเลย
กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินว่า พล.อ.สุรยุทธ์ ล้มรัฐบาล เพื่อทำ
งานสนอง 901
ผมไม่รู้ เพราะพล.อ.สุรยุทธ์ไม่เคยเล่าให้ฟัง เพราะในที่ประชุมพูดเพียงว่า จะล้มรัฐบาล ส่วนการลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มี ซึ่งการรัฐประหารโดยปกติจะต้องล็อกตัวนายกฯ ยืนยันว่าไม่มีการลอบสังหาร แต่อาจเป็นการเข้าชาร์จ หรือ ล็อกตัวนายกฯ
คิดว่าขณะนี้ประเทศชาติจะมีทางออกอย่างไร
สาเหตุที่ตัดสินใจไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ คือเรื่องความวุ่นวายในบ้านเมือง เพราะผมไม่อยากเห็นคนไทยฆ่ากัน ซึ่งมีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองให้สัมภาษณ์ว่า คนที่จะแก้ไขปัญหาได้คือ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงทำให้ผมอยากพบพ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งวันนี้เงื่อนไขทางการเมืองเปลี่ยนไป คือรัฐบาลตั้งขึ้นมาโดยไม่มีความชอบธรรม เป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตย เพราะต้องให้เสียงข้างมากเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล แต่นี่เป็นการล็อบบี้กันแบบงูเห่า ซึ่งมองว่าไม่ถูกต้อง เพราะควรให้เสียงข้างมากตั้งก่อน หากเขาตั้งไม่ได้ ตัวเองจึงจะค่อยตั้ง แต่เป็นการชิงตั้งก่อน
เหตุการณ์จะยุติอย่างไร
มองไม่ออกว่า เหตุการณ์จะยุติอย่างไร
ประเมินสถานการณ์จะมีความรุนแรงหรือไม่
อยู่ที่จุดมุ่งหมายว่าเขาต้องการทำอะไร พูดง่าย ๆ แบบพฤษภาทมิฬ เมื่อพล.ต. จำลอง โดนจับ และผมเป็นคนนำ และเกิดเหตุการณ์นักศึกษาตีตำรวจบาดเจ็บ เราจึงเข้าไปช่วยนักศึกษา ตีตำรวจ จึงเกิดเหตุการณ์ขึ้น ต้องดูว่าวันนี้ จะเกิดแบบนี้หรือไม่ ถ้ารัฐบาลใช้ความรุนแรง ก็จะต้องเกิดขึ้นแน่
จะมีการเผาสถานที่ราชการ หรือมีการยั่วยุให้เกิดการปะทะกันหรือไม่
ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ผมไม่รู้ เพราะไม่เคยยุ่งกับเขา
ขณะนี้มีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองติดต่อให้ท่านหยุดพูดเรื่องนี้หรือไม่
ไม่มี อย่างวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมมูลนิธิไทยอาสาป้องกันชาติ (ทสปช.) เขาแจ้งมาว่าคณะกรรมการไม่ครบ ขอเลื่อนไปก่อน จึงไม่ได้ไปประชุม
มีข่าวว่า พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. จะทำเชิญท่านไปหารือ เพื่อขอให้หยุดพูดเรื่องนี้
ไม่มีจริง ๆ ไม่รู้เรื่อง มีแต่ข่าวเท่านั้น จุดยืนผมคือ รับใช้ประเทศชาติ และมีความจงรักภักดีต่อสถาบันฯ มาโดยตลอด ยืนยันว่า การไปประเทศจีน เมื่อหลายคนบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คนเดียวที่จะแก้ไขปัญหาของประเทศชาติได้ ทำให้ผมผุดไอเดียวขึ้นมา พอดีนาย พิเชษฐ์ สถิรชวาล อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย และเป็นก๊วนกอล์ฟกับผม ชวนไปหา พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เมืองจีน จึงให้ นายพิเชษฐ์ โทรศัพท์ไปหาพ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อให้ผมเข้าพบ ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่ายินดีให้พบ จึงได้เดินทางไปหา บางคนกล่าวหาว่า ผมไปรับเงินจาก พ.ต.ท.ทักษิณ 3,000 – 4,000 ล้านบาท ผมยืนยันได้ว่า ที่ผมไปครั้งนี้ได้รองเท้ากอล์ฟมาเพียงคู่เดียว และพ.ต.ท.ทักษิณ ได้จ่ายเงินค่าแคตดี้ และค่าที่พักให้เท่านั้น ตกเป็นเงินไทยไม่ถึง 5,000 บาท
ในฐานะประชาชนจะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างไร
ทุกคนอยากให้ประเทศชาติมีความมั่นคง ประชาชนอยู่อย่างสันติสุข มีความปรองดองในชาติ ทั้งนี้ ถ้านิรโทษกรรมพ.ต.ท.ทักษิณ เพียงแต่ไปเซ็นต์ให้ภรรยาซื้อที่ดิน และจำคุก 2 ปี จะทำให้ประเทศชาติสู่ความมั่นคงประชาชนอยู่สันติสุขได้ ผมคิดว่าควรจะเลือกทางนั้น สมัยปี 2524 สมัยที่ผมเป็นผู้การฯ และนำกำลังทหารเข้ามาปฏิวัติโทษ ของผมสูงสุดขั้นถึงประหารชีวิต ถูกข้อหากบฏ และขัดพระบรมราชโองการ ยังสามารถนิรโทษกรรมได้ ซึ่งแรงกว่ากันเยอะมาก
แสดงว่าควรจะนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ คนเดียว เพื่อให้ประเทศชาติกลับมาเกิดความมั่นคงอีกครั้ง
กี่คนก็แล้วแต่ ถ้าทำแล้วทำให้ประเทศชาติกลับมาสมานฉันท์มีความมั่นคงประชาชนอยู่อย่างสันติสุขผมคิดว่าควรทำ และต้องรีบทำด้วย
ได้มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กับ พ.ต.ท. ทักษิณ หรือไม่
โทรคุย เมื่อสองวันที่ผ่านมาพ.ต.ท.ทักษิณ ถามว่าผมสบายดีหรือไม่ ผมก็บอกว่า สบายดีตอนนี้กำลังเล่นกอล์ฟอยู่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าวขอโทษที่อ้างชื่อผม
เป็นไปได้หรือไม่ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ยืมมือ พล.อ.พัลลภ ฆ่าศัตรูอีกฝั่งหนึ่ง
ไม่ใช่หรอก ผมบอกว่าไปขอพบท่าน แต่หากท่านขอพบผม อาจจะใช้ผมเป็นเครื่องมือ เงื่อนไขที่เกิดขึ้นคือ รัฐบาลไม่ได้ขึ้นมาตามระบอบประชาธิปไตย รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นมาแบบฉวยโอกาส วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นพรรคเก่าแก่ 63 ปี เป็นนายกฯ 4 สมัย ไม่ถึง 7 ปี เป็นฝ่ายค้าน 57 ปี ซึ่งแต่ละครั้งที่ขึ้นมาเป็นรัฐบาล ก็เป็นแบบนี้
