xs
xsm
sm
md
lg

“พัลลภ”รับลูก“แม้ว”ยัน“สุรยุทธ์”ร่วมวางแผนโค่น-ลงท้ายขอให้นิรโทษ"เหลี่ยม"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี
“พัลลภ” แถลงรับลูก “นช.แม้ว” อ้าง “สุรยุทธ์” ร่วมวางแผนปฏิวัติจริง แถมเสียสัตย์ รับตำแหน่งนายกฯ เอง จนหลายคนงงไปตามๆ กัน อ้างไปพบ “ทักษิณ” ที่เมืองจีน เพราะเห็นว่าเป็นบุคคลเดียวที่จะแก้ปัญหาประเทศชาติได้ ยันไม่ได้รับเงิน ได้แค่รองเท้ากอล์ฟคู่เดียว กับจ่ายค่าแคดดี้ อ้างทางออกเดียวต้องยึดหลักปรองดอง นิรโทษให้ “นช.แม้ว”

วันที่ 27 มี.ค. พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ให้สัมภาษณ์ที่บ้านพัก โชคชัย 4 ซอยลาดพร้าว 51 เปิดใจถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ ได้กล่าวปราศรัยผ่านวิดีโอลิงก์กับคนเสื้อแดงที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 22 มี.ค. โดยอ้างคำพูดของ พล.อ.พัลลภ ที่ระบุว่า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และอดีตนายกรัฐมนตรีว่าอยู่เบื้องหลังการร่วมวางแผนปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2549 ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริง แต่เขาไม่เคยเชิญตนเข้าร่วมประชุม แต่เจ้าของบ้านที่สุขุมวิทเชิญตนและประชุมร่วมกัน ซึ่งไม่ได้ประชุมแค่ครั้งเดียว แต่มีการประชุมกัน 3-4 ครั้ง ซึ่งจะมีการพูดถึงแนวทางเรื่องการล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณตลอด โดยมี 2 แนวทาง คือ ทางด้านรัฐธรรมนูญ หรือทางด้านกฎหมาย ถ้าแนวทางแรกไม่สำเร็จก็จะทำรัฐประหาร อย่างไรก็ตาม พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นคนเสนอในที่ประชุมเองว่าการทำงานครั้งนี้ เราทำเพื่อประเทศชาติ ทุกคนต้องไม่หวังตำแหน่งลาภยศใด ๆ

“ผมอยากฝากไปถึง พล.อ.สุรยุทธ์ว่า เพื่อรักษาสถาบันอันมีเกียรติแห่งนี้ ท่านควรจะลาออกจากตำแหน่งองคมนตรี เพราะองคมนตรีต้องไม่ยุ่งกับการเมือง แต่ท่านเป็นคนที่เข้ามายุ่งกับการเมือง ดังนั้นเพื่อรักษาสถาบันอันสำคัญยิ่งไว้ ผมคิดว่าท่านควรจะต้องลาออกในฐานะที่ผมเป็นอดีตผู้บังคับบัญชา และรุ่นพี่ ผมไม่มีอะไรกับท่านเลย” พล.อ.พัลลภ กล่าว

เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่มีการพูดพาดพิงองคมนตรี เพราะจะทำให้ภาพลักษณ์ของสถาบันเสื่อมลง พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ตอนที่ พล.อ.สุรยุทธ์ เดินหน้าล้มการเลือกตั้ง ซึ่งท่านบอกว่า ไม่ได้ไปประชุมแต่ไปปรึกษาหารือ ซึ่งท่านเป็นองคมนตรีอยู่แล้ว ท่านเป็นคนดึงสถาบันนี้ลงมา ตนจึงขอฝากเรียนท่านวันนี้ว่า ให้ท่านลาออกเสียเถอะ เพื่อควบคุมสถาบันอันสำคัญยิ่งของประเทศไว้ด้วยความหวังดี ทั้งนี้ ตนไม่เคยมีเรื่องอะไรกับท่าน เพียงแต่ผิดหวังที่ท่านเสียสัจจะ

เมื่อถามว่า การทำรัฐประหารมีการพูดหรือไม่ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อจาก พ.ต.ท.ทักษิณ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ไม่ได้มีการพูดถึง เพียงแต่ พล.อ.สุรยุทธ์ เสนอขึ้นมาว่าการทำครั้งนี้ทำเพื่อประเทศชาติ ทุกคนจะต้องไม่หวังตำแหน่งใดๆ ซึ่งทุกคนศรัทธาในตัวท่าน ทั้งนี้การหารือเป็นลักษณะโต๊ะกลม ซึ่งไม่มี พล.อ. สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช.นั่งอยู่ด้วย

เมื่อถามว่า พล.อ.สุรยุทธ์ ระบุว่า ท่านไม่อยากเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ คมช.เชิญให้ไปเป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า คงต้องไปถามท่าน ตนเดาใจไม่ถูก เพราะทุกคนงงหมด ตนเองก็งง

เมื่อถามว่า แสดงว่า พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นตัวตั้งตัวตีในการวางแผนล้มรัฐบาล พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า จะพูดว่าตัวตั้งตัวตีคงไม่ได้หรอก แต่ว่าการประชุม พล.อ.สุรยุทธ์ จะมาทุกครั้ง

เมื่อถามว่า พอจะบอกได้หรือไม่ว่าคนที่เป็นแกนนำในการล้มรัฐบาลเป็นใคร พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า บอกไม่ได้ เพราะตนไม่อยากพาดพิงถึงคนอื่น แต่เมื่อ พล.อ.สุรยุทธ์พาดพิงตน ตนก็จะพูดถึง พล.อ.สุรยุทธ์ เท่านั้น

“หลังจากที่ปฏิวัติรัฐประหาร พล.อ.สุรยุทธ์ ก็ไปเป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้พูดง่าย ๆ พวกเราผิดหวังมาก และผมก็ผิดหวัง ตอนแรกก็ชื่นชม พล.อ.สุรยุทธ์มากเกี่ยวกับแนวความคิดดังกล่าว พูดง่ายๆ พล.อ.สุรยุทธ์ เสียสัจจะกลายเป็นคนไม่มีสัจจะ และผิดมติในที่ประชุม แต่ท่านอ้างว่าได้ประชุม ได้คุยกัน ซึ่งถือว่าเป็นการผิดมติในที่ประชุม ซึ่งในการพูดคุยในวันนั้นมีประมาณ 7 คน ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองทั้งนั้น ซึ่งหลังจากนั้น ผมไม่ได้พูดจากับ พล.อ.สุรยุทธ์อีกเลย เจอหน้ากันก็ทำเหมือนคนไม่รู้จักทั้งๆ ที่เคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของผม และเป็นนายทหารรุ่นน้อง”พล.อ.พัลลภ กล่าว

เมื่อถามว่า ในการพูดคุยมีการวางแผนอย่างไร พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า อย่างแรกคือการวางแผนทางด้านกฎหมาย และการทำรัฐประหารว่าจะทำอย่างไร ซึ่งการที่ตนไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ท่านทราบหมดแล้ว แต่ท่านถามตนในลักษณะใช่หรือไม่ใช่ ยกตัวอย่างเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เล่าให้ตนฟังคือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กับ พล.อ.สุรยุทธ์ มีครั้งหนึ่งที่เชิญ พล.อ.จารุภัทร เรืองสุวรรณ อดีต กกต.ไปพบที่บ้าน พล.ต.จำลอง แถวราชวัตร และล็อบบี้ให้ พล.อ.จารุภัทรถอนตัวออกจาก กกต. เพื่อล้มการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2549 ซึ่ง พล.อจารุภัทรรายงานให้พ.ต.ท.ทักษิณได้รับทราบ จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณไปหา พล.อ.สุรยุทธ์ที่ทำเนียบองคมนตรี เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงแต่ พล.อ.สุรยุทธ์ปฏิเสธ

“เรื่องแบบนี้ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธาน กกต.เคยได้รับเชิญไปที่บ้านสุขุมวิท เพื่อไปพบ พล.อ.สุรยุทธ์ และล็อบบี้ให้ลาออกออกจากตำแหน่งและล้มการเลือกตั้ง ดังนั้นเรื่องนี้ไม่เป็นความลับ พ.ต.ท.ทักษิณรู้ดีตั้งแต่ต้นว่าจะมีการล้มรัฐบาล เพราะมีแหล่งข่าวที่ติดตามพวกที่เคลื่อนไหวทั้งหมด เพียงแต่มาสอบถามผมว่า เรื่องที่รู้มาจริงหรือไม่ เมื่อตอนที่ผมเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณที่จีน ท่านรู้มาตลอดทุกเรื่อง แม้แต่แผนการปฏิวัติ ซึ่งไม่รู้ว่า ปฏิวัติเมื่อไร แต่ท่านประมาทเพราะไว้ใจคนใกล้ตัวและเพื่อน ตท.10 ที่คุมกำลังอยู่ในกองทัพ ท่านรู้มาตลอด แต่คงหาคนอ้างอิงไม่ได้ เผอิญตนเดินทางไปหาท่านพอดี จึงหาพยานเสียเลย ”พล.อ.พัลลภกล่าว

เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับ พล.อ.สุรยุทธ์ เป็นอย่างไร พล.อ.พัลลภ กล่าวว่าไม่เคยมีปัญหาอะไร ท่านเป็นลูกน้องตนถึง 6 รุ่น

เมื่อถามถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณโฟนอินว่า พล.อ.สุรยุทธ์ ล้มรัฐบาลเพื่อทำงานสนอง 901 พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ตนไม่รู้ เพราะ พล.อ.สุรยุทธ์ไม่เคยเล่าให้ตนฟัง เพราะในที่ประชุมพูดเพียงว่า จะล้มรัฐบาล ส่วนการลอบสังหารพ.ต.ท. ทักษิณ ไม่มี ซึ่งการรัฐประหารโดยปกติจะต้องล็อกตัวนายกฯ ยืนยันว่า ไม่มีการลอบสังหาร แต่อาจเป็นการเข้าชาร์จหรือ ล็อกตัวนายกฯ

เมื่อถามว่า จนถึงขณะนี้ประเทศชาติจะมีทางออกอย่างไร พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า สาเหตุที่ตัดสินใจไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ คือเรื่องความวุ่นวายในบ้านเมือง เพราะตนไม่อยากเห็นคนไทยฆ่ากัน เกิดสงครามกลางเมือง ซึ่งมีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองให้สัมภาษณ์ว่า คนที่จะแก้ไขปัญหาได้คือ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงทำให้ตนอยากพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งวันนี้เงื่อนไขทางการเมืองเปลี่ยนไป คือ รัฐบาลตั้งขึ้นมาโดยไม่มีความชอบธรรม เป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตย เพราะต้องให้เสียงข้างมากเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล แต่นี่เป็นการล็อบบี้กันแบบงูเห่า ซึ่งมองว่า ไม่ถูกต้อง เพราะควรให้เสียงข้างมากตั้งก่อน หากเขาตั้งไม่ได้ ตัวเองจึงจะค่อยตั้ง แต่เป็นการชิงตั้งก่อน

เมื่อถามว่า เหตุการณ์จะยุติอย่างไร พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ตนมองไม่ออกว่า เหตุการณ์จะยุติอย่างไร

เมื่อถามว่า ประเมินสถานการณ์จะมีความรุนแรงหรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า อยู่ที่จุดมุ่งหมายว่าเขาต้องการทำอะไร พูดง่ายๆ แบบพฤษภาทมิฬ เมื่อ พล.ต.จำลองโดนจับ และตนเป็นคนนำ และเกิดเหตุการณ์นักศึกษาตีตำรวจบาดเจ็บเราจึงเข้าไปช่วยนักศึกษาตีตำรวจ จึงเกิดเหตุการณ์ขึ้น ต้องดูว่าวันนี้จะเกิดแบบนี้หรือไม่ ถ้ารัฐบาลใช้ความรุนแรงก็จะต้องเกิดขึ้นแน่

เมื่อถามว่า จะมีการเผาสถานที่ราชการ หรือมีการยั่วยุให้เกิดการปะทะกันหรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ตนไม่รู้ เพราะตนไม่เคยยุ่งกับเขา

เมื่อถามว่า ในฐานะอดีตทหารเก่ามองภาพผู้นำกองทัพตอนนี้อย่างไร พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ตนเป็นทหารรุ่นพี่ของเขา ตนไม่อยากวิจารณ์ เพราะคนที่เป็นผู้นำเหล่าทัพส่วนใหญ่ก็เป็นลูกศิษย์ตนทั้งนั้น ทั้งนี้ตนคิดว่าทหารจะต้องยืนอยู่เคียงข้างประชาชน คือยึดถือความมั่นคงของประเทศชาติ และความสันติของประชาชนเป็นหลัก

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองติดต่อให้ท่านหยุดพูดเรื่องนี้หรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ไม่มี อย่างวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมมูลนิธิไทยอาสาป้องกันชาติ (ทสปช.) เขาแจ้งมาว่าคณะกรรมการไม่ครบขอเลื่อนไปก่อน จึงไม่ได้ไปประชุม

เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก จะทำเชิญไปหารือเพื่อขอให้หยุดพูดเรื่องนี้นั้น พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ไม่มีจริง ๆ ไม่รู้เรื่อง มีแต่ข่าวเท่านั้น

“จุดยืนผมคือ รับใช้ประเทศชาติ และมีความจงรักภักดีต่อสถาบันมาโดยตลอด ยืนยันว่า การไปประเทศจีน เมื่อหลายคนบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คนเดียวที่จะแก้ไขปัญหาของประเทศชาติได้ ทำให้ผมผุดไอเดียวขึ้นมา พอดี นาย พิเชษฐ สถิรชวาล อดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย และเป็นก๊วนกอล์ฟกับผม ให้ชวนไปหา พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เมืองจีน จึงให้ นายพิเชษฐ โทรศัพท์ไปหา พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อให้ผมเข้าพบ ท่านจึงโทรศัพท์ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่ายินดีให้ผมมาหารือ จึงได้เดินทางไปหา

“บางคนกล่าวหาว่า ผมไปรับเงินจาก พ.ต.ท.ทักษิณ 3,000 – 4,000 ล้านบาท ผมยืนยันได้ว่าที่ผมไปครั้งนี้ได้รองเท้ากอล์ฟมาเพียงคู่เดียว และ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้จ่ายเงินค่าแคดดี้ และค่าที่พักให้เท่านั้น ตกเป็นเงินไทยไม่ถึง 5,000 บาท ผมยืนยันว่าไม่ได้ไปรับเงิน เพราะผมไม่ได้ไปคนเดียว แต่ไปถึง 4 คน และเวลาคุยก็คุยด้วยกันทั้งหมด หากรับเงินจริงวันนี้ซื้อรถเบนซ์แล้ว”พล.อ.พัลลภกล่าว

เมื่อถามว่า ในฐานะประชาชนจะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างไร พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ทุกคนอยากให้ประเทศชาติมีความมั่นคง ประชาชนอยู่อย่างสันติสุข มีความปรองดองในชาติ ทั้งนี้ถ้านิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ เพียงแต่ไปเซ็นให้ภรรยาซื้อที่ดิน และจำคุก 2 ปี จะทำให้ประเทศชาติสู่ความมั่นคงประชาชนอยู่สันติสุขได้ ตนคิดว่าควรจะเลือกทางนั้น สมัยปี 2524 สมัยที่ตนเป็นผู้การฯ และนำกำลังทหารเข้ามาปฏิวัติ โทษของตนสูงสุดขั้นถึงประหารชีวิต ตนถูกข้อหากบฏ และขัดพระบรมราชโองการ ยังสามารถนิรโทษกรรมได้ ซึ่งแรงกว่ากันเยอะมาก

เมื่อถามว่า แสดงว่าควรจะนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณคนเดียวเพื่อให้ประเทศชาติกลับมาเกิดความมั่นคงอีกครั้ง พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า กี่คนก็แล้วแต่ ถ้าทำแล้วทำให้ประเทศชาติกลับมาสมานฉันท์มีความมั่นคงประชาชนอยู่อย่างสันติสุขตนคิดว่าควรทำ และต้องรีบทำด้วย เพราะวันนี้ไม่ใช่เฉพาะปัญหาความมั่นคง แต่มันเป็นปัญหาของเศรษฐกิจด้วย ส่วนการที่ จปร. 7 ออกมาเคลื่อนไหว ทั้งตัวท่าน พล.ต.จำลอง และ พล.ต.มนูญกฤต มีนัยอะไรหรือไม่นั้น คงเป็นฟ้าลิขิต แต่ยืนยันว่าเพื่อนก็คือเพื่อน แต่ประเทศชาติต้องมาก่อน ทั้งนี้ที่ผ่านมา จปร.7 แตกออกเป็น 2 พวก คือ กลุ่มยังเติร์ก กับทหารประชาธิปไตย แต่ส่วนใหญ่เลิกกันไปหมดแล้วเหลือเพียง 3 คนเท่านั้น

เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยทางโทรศัพท์กับ พ.ต.ท. ทักษิณ หรือไม่ พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า โทรคุยเมื่อสองวันที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ถามว่าตนสบายดีหรือไม่ ตนก็บอกว่าสบายดีตอนนี้กำลังเล่นกอล์ฟอยู่ ไม่ได้คุยอะไรกันมาก ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าวขอโทษที่อ้างชื่อตน

เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยืมมือ พล.อ.พัลลภ ฆ่าศัตรูอีกฝั่งหนึ่ง พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ไม่ใช่หรอก ตนบอกว่าไปขอพบท่าน แต่หากท่านขอพบตนอาจจะใช้ตนเป็นเครื่องมือ เงื่อนไขที่เกิดขึ้นคือรัฐบาลไม่ได้ขึ้นมาตามระบอบประชาธิปไตย รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นมาแบบฉวยโอกาส วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นพรรคเก่าแก่ 63 ปี เป็นนายกฯ 4 สมัย ไม่ถึง 7 ปี เป็นฝ่ายค้าน 57 ปี ซึ่งแต่ละครั้งที่ขึ้นมาเป็นรัฐบาลก็เป็นแบบนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น