“สุขุมพันธุ์” เล็งใช้พื้นที่อุทัยธานี-นครปฐม สร้างบ้านพักคนชรา-โรงเรียนประจำสำหรับเด็กเร่ร่อน คาด สร้างได้ในปีหน้า พร้อมสั่งฝึกอาชีพให้หญิงหม้ายลูกติดเป็นพิเศษ
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมสำนักพัฒนาชุมชน และสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว ที่ศาลาว่าการ กทม.2 ว่า ตนได้มอบหมายให้สำนักพัฒนาสังคม ไปศึกษาความเป็นไปได้ที่จะสร้างบ้านพักสำหรับผู้สูงวัยในพื้นที่นอกกรุงเทพฯ เนื่องจาก กทม.มีที่ดินที่อยู่นอกเขตกรุงเทพฯอยู่หลายแห่ง เช่น ที่ อ.นครชัยศรี จังหวัดนครปฐม และจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งพื้นที่นอกกรุงเทพฯนั้น สภาพแวดล้อมและอากาศดีกว่าในกรุงเทพฯ เหมาะแก่การสร้างบ้านเพื่อให้คนชราพักเป็นอย่างยิ่ง รวมถึงการแก้ปัญหาเด็กเร่ร่อนซึ่งตนมีความเป็นห่วง โดยเฉพาะเด็กเร่ร่อนที่ไม่มีครอบครัว ญาติพี่น้องตนมีนโยบายที่จะสร้างโรงเรียนประจำรับเด็กเร่ร่อนอายุไม่เกิน 18 ปี เข้าเรียนตั้งแต่ระดับประถมศึกษา-มัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งจะสร้างในพื้นที่ กทม.ที่อยู่ต่างจังหวัดเช่นเดียวกับการสร้างบ้านพักสำหรับผู้สูงวัย ซึ่งตนได้สั่งการให้ปลัด กทม.และสำนักฯทำการศึกษารูปแบบและความเป็นไปได้ หากไม่มีปัญหาอะไรก็สามารถใช้งบประมาณของปี 2553 มาใช้ดำเนินการได้ทั้ง 2 โครงการ ซึ่งตนมั่นใจว่าโครงการดังกล่าวน่าจะเห็นเป็นรูปธรรมได้ในสมัยของตน
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตนยังมอบนโยบายให้สำนักพัฒนาสังคมจะต้องหาวิธีที่จะดึงเยาวชนออกจากวิถีชีวิตที่ไม่มีประโยชน์ต่อตนเองและครอบครัว เช่น การติดเกม การเล่นพนัน เป็นต้น โดยให้จัดเป็นกิจระดับครอบครัว ชุมชนมากขึ้น รวมถึงการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ตนสั่งการให้เร่งแก้ไขโดยด่วน นอกจากนี้ ตนได้มอบหมายให้ทางสำนักฯได้เพิ่มและพัฒนาหลักสูตรเพื่อให้บริการกับประชาชนให้มากที่สุด เช่น การฝึกอาชีพออนไลน์ การลงไปเสนอแนะอาชีพในชุมชน รวมถึงหญิงที่ถูกสามีทอดทิ้งต้องเลี้ยงลูกเพียงลำพังก็จะจัดฝึกอาชีพให้กับคนกลุ่มนี้เป็นพิเศษอีกด้วย
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของสำนักวัฒนธรรมฯ นั้น ตนมอบนโยบายให้ขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ให้เป็นไปตามเป้าหมาย ส่งเสริมการทำโฮมสเตย์ในพื้นที่รอบนอก กทม.โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีโบราณสถานเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ในชุมชน รวมทั้งให้มีสถานที่ที่ส่งเสริมวัฒนธรรมเพิ่มขึ้น เช่น พิพิธภัณฑ์เมือง ห้องสมุดเมือง หรือโรงละครโอเปร่า เหมือนที่มหานครอื่นๆ มี ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวในทุกภาคส่วน นอกจานี้โดยเร่งหาแนวทางผลักดันเพื่อให้ กทม.เป็นเจ้าภาพโอลิมปิกให้ได้สักครั้งหนึ่งเช่นเดียวกับมหานครใหญ่ทั่วโลก ซึ่งอาจจะเป็นในปี ค.ศ.2020 หรือปี ค.ศ.2024
**ประสานประเทศเจ้าของภาษาอื่นส่งครูสอนร.ร.กทม.
นายธราดล เปี่ยมพงศ์สานต์ โฆษกกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมพร้อมมอบนโยบายให้กับสำนักการศึกษาของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. ณ เขตคลองสาน ว่า ใน 4 ปีที่ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.ของม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะเน้นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนในสังกัดกทม.ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียนเพื่อให้เด็ก กทม.ทุกคนมีคุณภาพโดยจะเริ่มตั้งแต่การพัฒนาศูนย์เด็กเล็กกทม.ที่จะให้มีการเปิดเพลงคลาสสิค หรือดนตรีไทย เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองกับเด็กๆ รวมถึงจะส่งเสริมให้เด็กๆออกไปทัศนศึกษาภายนอกเพื่อเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับตัวเด็กเอง
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ กทม.จะประสานไปยังประเทศเจ้าของภาษาทั้งภาษาจีน อังกฤษ อารบิก ส่งผู้เชี่ยวชาญในภาษานั้นๆมาสอนให้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม การสอนภาษาต่างประเทศจะเน้นที่โรงเรียนฝึกอาชีพกทม.ให้มากขึ้นเพื่อผลิตบุคลากรให้เพียงพอกับความต้องการ เนื่องจากประเทศไทยยังขาดมัคคุเทศก์ที่มีความรู้ในภาษาเกาหลี และภาษารัสเซีย เป็นจำนวนมาก ส่วนการดูแลสวัสดิการให้กับครูนั้นก็พร้อมที่จะให้การดูแลช่วยเหลืออย่างเต็มที่
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังการตรวจเยี่ยมสำนักพัฒนาชุมชน และสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว ที่ศาลาว่าการ กทม.2 ว่า ตนได้มอบหมายให้สำนักพัฒนาสังคม ไปศึกษาความเป็นไปได้ที่จะสร้างบ้านพักสำหรับผู้สูงวัยในพื้นที่นอกกรุงเทพฯ เนื่องจาก กทม.มีที่ดินที่อยู่นอกเขตกรุงเทพฯอยู่หลายแห่ง เช่น ที่ อ.นครชัยศรี จังหวัดนครปฐม และจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งพื้นที่นอกกรุงเทพฯนั้น สภาพแวดล้อมและอากาศดีกว่าในกรุงเทพฯ เหมาะแก่การสร้างบ้านเพื่อให้คนชราพักเป็นอย่างยิ่ง รวมถึงการแก้ปัญหาเด็กเร่ร่อนซึ่งตนมีความเป็นห่วง โดยเฉพาะเด็กเร่ร่อนที่ไม่มีครอบครัว ญาติพี่น้องตนมีนโยบายที่จะสร้างโรงเรียนประจำรับเด็กเร่ร่อนอายุไม่เกิน 18 ปี เข้าเรียนตั้งแต่ระดับประถมศึกษา-มัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งจะสร้างในพื้นที่ กทม.ที่อยู่ต่างจังหวัดเช่นเดียวกับการสร้างบ้านพักสำหรับผู้สูงวัย ซึ่งตนได้สั่งการให้ปลัด กทม.และสำนักฯทำการศึกษารูปแบบและความเป็นไปได้ หากไม่มีปัญหาอะไรก็สามารถใช้งบประมาณของปี 2553 มาใช้ดำเนินการได้ทั้ง 2 โครงการ ซึ่งตนมั่นใจว่าโครงการดังกล่าวน่าจะเห็นเป็นรูปธรรมได้ในสมัยของตน
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ตนยังมอบนโยบายให้สำนักพัฒนาสังคมจะต้องหาวิธีที่จะดึงเยาวชนออกจากวิถีชีวิตที่ไม่มีประโยชน์ต่อตนเองและครอบครัว เช่น การติดเกม การเล่นพนัน เป็นต้น โดยให้จัดเป็นกิจระดับครอบครัว ชุมชนมากขึ้น รวมถึงการแก้ไขปัญหายาเสพติดที่ตนสั่งการให้เร่งแก้ไขโดยด่วน นอกจากนี้ ตนได้มอบหมายให้ทางสำนักฯได้เพิ่มและพัฒนาหลักสูตรเพื่อให้บริการกับประชาชนให้มากที่สุด เช่น การฝึกอาชีพออนไลน์ การลงไปเสนอแนะอาชีพในชุมชน รวมถึงหญิงที่ถูกสามีทอดทิ้งต้องเลี้ยงลูกเพียงลำพังก็จะจัดฝึกอาชีพให้กับคนกลุ่มนี้เป็นพิเศษอีกด้วย
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนของสำนักวัฒนธรรมฯ นั้น ตนมอบนโยบายให้ขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ให้เป็นไปตามเป้าหมาย ส่งเสริมการทำโฮมสเตย์ในพื้นที่รอบนอก กทม.โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีโบราณสถานเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ในชุมชน รวมทั้งให้มีสถานที่ที่ส่งเสริมวัฒนธรรมเพิ่มขึ้น เช่น พิพิธภัณฑ์เมือง ห้องสมุดเมือง หรือโรงละครโอเปร่า เหมือนที่มหานครอื่นๆ มี ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวในทุกภาคส่วน นอกจานี้โดยเร่งหาแนวทางผลักดันเพื่อให้ กทม.เป็นเจ้าภาพโอลิมปิกให้ได้สักครั้งหนึ่งเช่นเดียวกับมหานครใหญ่ทั่วโลก ซึ่งอาจจะเป็นในปี ค.ศ.2020 หรือปี ค.ศ.2024
**ประสานประเทศเจ้าของภาษาอื่นส่งครูสอนร.ร.กทม.
นายธราดล เปี่ยมพงศ์สานต์ โฆษกกรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมพร้อมมอบนโยบายให้กับสำนักการศึกษาของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. ณ เขตคลองสาน ว่า ใน 4 ปีที่ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.ของม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะเน้นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนในสังกัดกทม.ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียนเพื่อให้เด็ก กทม.ทุกคนมีคุณภาพโดยจะเริ่มตั้งแต่การพัฒนาศูนย์เด็กเล็กกทม.ที่จะให้มีการเปิดเพลงคลาสสิค หรือดนตรีไทย เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการทางสมองกับเด็กๆ รวมถึงจะส่งเสริมให้เด็กๆออกไปทัศนศึกษาภายนอกเพื่อเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กับตัวเด็กเอง
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ กทม.จะประสานไปยังประเทศเจ้าของภาษาทั้งภาษาจีน อังกฤษ อารบิก ส่งผู้เชี่ยวชาญในภาษานั้นๆมาสอนให้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม การสอนภาษาต่างประเทศจะเน้นที่โรงเรียนฝึกอาชีพกทม.ให้มากขึ้นเพื่อผลิตบุคลากรให้เพียงพอกับความต้องการ เนื่องจากประเทศไทยยังขาดมัคคุเทศก์ที่มีความรู้ในภาษาเกาหลี และภาษารัสเซีย เป็นจำนวนมาก ส่วนการดูแลสวัสดิการให้กับครูนั้นก็พร้อมที่จะให้การดูแลช่วยเหลืออย่างเต็มที่