โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เหน็บฝ่ายค้านญัตติซักฟอกแค่กระทู้ถามธรรมดา ไม่มีความผิดร้ายแรง จวกลุกลี้ลุกลนเพราะหลักฐานไม่พร้อมแต่ดันทุรังยื่นแค่หวังแก้บน ชี้ข้อกล่าวเก่าเก็บพูดแล้วพูดอีก ด้าน หน.วอร์รูมพรรคชี้กลุ่มเสื้อแดงประกาศต้านคณะรัฐมนตรีทุกพื้นที่ แค่เปลี่ยนกลยุทธ์หลังแผนเรียกร้องไม่สำเร็จ ระบุฝ่ายค้านไม่มีข้อมูลซักฟอกเพราะเร่งรัดเกินไป
วันนี้ (13 มี.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี 5 คนของฝ่ายค้าน ว่า พรรคได้นำญัตติของฝ่ายค้านมาดูแล้ว ประเด็นที่ฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ข้อมูลไม่ถึงขั้นที่จะเป็นญัตติได้ เพราะหากรัฐมนตรีคนใดที่ถูกยื่นอภิปราย โทษถึงขั้นประหารชีวิต แต่ญัตติที่ฝ่ายค้านครั้งนี้เปรียบได้แค่กระทู้ถามธรรมดาเป็นเรื่องเก่าแก่ เก่าเก็บไม่ถึงขั้นกระทู้ถามสด และการกระทู้ถามธรรมดาก็ไม่จำเป็นต้องตอบในสภา แต่ต้องตอบในราชกิจจานุเบกษาเท่านั้น
นายเทพไทกล่าวว่า ฝ่ายค้านมีพฤติกรรมลุกลี้ลุกลน ชักเข้าออก แสดงให้เห็นว่าฝ่ายค้านไม่มีความพร้อม ยื่นเพื่อขอไปทีหรือแก้บน เห็นได้จากการพิมพ์ญัตติที่นามสกุลและตำแหน่งก็พิมพ์ผิด แสดงให้เห็นว่าฝ่ายค้านไม่มีความพร้อมในการอภิปราย ส่วนที่ฝ่ายค้านยื่นอภิปรายรัฐมนตรี 5 คน ใน 3 กระทรวง ซึ่งกรณีนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เป็นข้อหาเป็นเก่าที่นายกฯได้ตอบกระทู้ในสภาไปแล้ว ส่วนกรณีนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย และนายบุญจง วงศ์ไตรัตน์ รมช.มหาดไทย หากไม่มีมติเรื่องการโยกย้ายนายสุกิจ เจริญรัตนกุล อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ฝ่ายค้านคงไม่มีประเด็นมาให้อภิปราย
นายเทพไทกล่าวว่า ส่วนกรณีนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง ก็เป็นข้อหาสมัยที่นายประดิษฐ์ เป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เป็นเรื่องผ่านมาหลายปี ซึ่งขณะนั้นนายบัญญัติ บรรทัดฐาน เป็นหัวหน้าพรรค ไฮไลต์คงอยู่ที่เรื่องเงินบริจาค 258 ล้านบาท พรรคได้ชี้แจงเรื่องนี้หลายคนจึงไม่แน่ใจว่าเป็นการอภิปรายนายกฯ หรือนายบัญญัติกันแน่ แต่ที่น่าเสียดายคือ ฝ่ายค้านได้โหมโรงว่าจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ แต่สุดท้ายไม่มีชื่อ เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย หรือเป็นเพราะฝ่ายค้านเกรงกลัวอิทธิฤทธิ์ของนายสุเทพกันแน่ เพราะนายสุเทพเคยตอบกระทู้ถามสดเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ อยากเป็นประธานาธิบดีมาแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคเตรียมรับมือในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้อย่างไร นายเทพไทกล่าวว่า ในส่วนของนายกรัฐมนตรียังไม่ได้เรียก ส.ส.มาหารือเนื่องจากเดินทางไปต่างประเทศ แต่ในภาพรวมเท่าที่มีการพูดคุยกันก็ไม่น่าจะหนักใจเพราะประเด็นทั้งหมดก็เป็นเรื่องเดิมๆ และข้อมูลของพรรคเองก็มีอยู่แล้ว ส่วนตัวดูข้อมูลทั้งหมดและได้สอบถามรัฐมนตรีบางคนที่มีชื่อในคิวจะถูกอภิปราย ท่านยังบอกว่ายังไม่พอมือด้วยซ้ำไป
เมื่อถามต่อถึงกรณีการบริจาคเงินให้พรรคประชาธิปัตย์จำนวน 258 ล้านบาท ซึ่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีระบุว่า หากมีการพูดพาดพิงไปถึงบุคคลใดก็ขอให้บุคคลคนนั้นต้องลุกขึ้นชี้แจงด้วย นายเทพไทกล่าวว่า ข้อมูลเรื่องนี้เป็นข้อมูลธรรมดาที่พรรคได้ยืนยันไปกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไปแล้ว แต่ข้อมูลที่พาดพิงไปยังตัวบุคคลก็ถือเป็นเรื่องของตัวบุคคลก็เป็นความสามารถแต่ละคนที่จำเป็นต้องชี้แจง เพราะพรรคไม่มีข้อมูลในเรื่องของตัวบุคคลและฐานข้อมูลของพรรคก็เป็นข้อเท็จจริงที่เราๆได้ยื่นแจ้งไปให้ กกต.รับทราบแล้วจึงไม่มีปัญหา
เมื่อถามต่อว่า ไม่เป็นการประมาทมากไปหรือไม่ที่รีบออกมาระบุว่าไม่หนักใจในการอภิปรายครั้งนี้ นายเทพไทกล่าวว่า เท่าที่ดูข้อมูลและญัตติทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องเก่าๆ ที่มาจากหน้าหนังสือพิมพ์ที่พรรคเคยได้ชี้แจงไปแล้ว เช่นเรื่องของนายกษิต ภิรมย์ รมว.การต่างประเทศ นายกรัฐมนตรีเองก็ได้ตอบกระทู้ไปหมดแล้ว ส่วนเงินบริจาค 258 ล้านบาทนั้น ทุกคนที่เกี่ยวข้องก็ได้ชี้แจงไปแล้ว มีเพียงนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์เพียงคนเดียวที่ยังไม่ได้ชี้แจงอย่างเต็มที่ เพราะเป็นหัวหน้าพรรคในสมัยนั้น และจะไม่ตั้งองค์รักษ์พิทักษ์นายกฯหรือรัฐมนตรีเด็ดขาด หากรัฐมนตรีคนใดไม่มีความสามารถที่จะปกป้องตนเองและชี้แจงทำความเข้าใจด้วยตนเองได้ ก็ไม่ควรที่จะมาเป็นรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคฝ่ายค้านยื่นญัตติก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปเยือนประเทศอังกฤษคิดว่าจะมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลและตัวนายกรัฐมนตรีในเวทีระดับนานาชาติหรือไม่ นายเทพไทตอบว่า ไม่กระทบเพราะอังกฤษเป็นประเทศประชาธิปไตยคงเข้าใจว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นกระบวนการตรวจสอบ ซึ่งหวังว่าต่างประเทศคงจะเข้าใจและนายกฯ เองก็ไม่คิดอะไรมาก เพราะรู้ว่าเป็นเรื่องของกระบวนการประชาธิปไตยและรัฐบาลเองก็พร้อมที่จะให้มีการตรวจสอบ ส่วนจะเหมาะสมหรือไม่ฝ่ายค้านก็ต้องมาพิจารณาเอง
ด้าน นายชำนิ ศักดิเศรษฐ์ รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ หัวหน้าคณะทำงานวอร์รูมพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ประกาศจะติดตามต่อต้านการลงพื้นที่ของคณะรัฐมนตรีชุดนี้ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศว่า เป็นรูปแบบการเคลื่อนไหวของมวลชนเพื่อต่อต้านรัฐบาล เช่นเดียวกับการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯในต่างประเทศและสอดคล้องกับพรรคเพื่อไทยในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งต้องยอมรับว่าการเคลื่อนไหวของแต่ละส่วนที่กล่าวมา มีข้อจำกัดมากขึ้นทุกวัน ทั้งนี้ ข้อเรียกร้องหลายข้อของคนเสื้อแดงที่ต้องการให้รัฐบาลปฏิบัติตามหลายไม่ได้ตอบสนองผลประโยชน์ให้กับประชาชนหรือประเทศชาติแต่เป็นการตอบสนองให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าเมื่อมีการเคลื่อนไหว 2 ครั้งใหญ่ที่ผ่านมาจึงไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จึงได้เปลี่ยนยุทธวิธีจากการตั้งข้อเรียกร้อง มาเป็นการคัดค้านการลงพื้นที่ของรัฐบาลโดยหวังจะใช้การชุมนุมของมวลชนให้แสดงออกในลักษณะต่างๆ
นายชำนิกล่าวต่อว่า การลงพื้นที่ของรัฐมนตรีในช่วงนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมเพราะทำงานมา 2 เดือนแล้ว โดยรอบแรกรัฐบาลได้ดำเนินการในเรื่องของงบประมาณที่กระจายลงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นและขอความร่วมมือจากประชาขนในเรื่องต่างๆ โดยให้รัฐมนตรีคุมพื้นที่คนละ 2 จังหวัดส่วนตัวคิดว่าจะช่วยทำความเข้าใจและแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านได้มาก ซึ่งรูปแบบดังกล่าวทำให้ฝ่ายค้านหวั่นไหวจึงใช้ประชาชนมาชุมนุม แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือมากนัก ดังนั้น เป้าหมายจึงกลับมาสู่การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตีมากกว่า จึงเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองทางเดียวในสภาฯที่สามารถทำได้ และการเคลื่อนไหวในสภาฯ ของฝ่ายค้านจะเห็นว่ามีการเสนอนับองค์ประชุมบ่อยครั้งเพื่อไม่ให้การประชุมสภาฯได้ราบรื่น ทั้งที่การอภิปรายฯครั้งนี้เร็วเกินไป เพราะไม่มีทั้งข้อมูลหลักฐานหรือเงื่อนไขอื่นๆ เพียงพอในการที่จะอภิปรายฯ เมื่อดูประเด็นที่จะนำมาอภิปรายฯ ก็เห็นว่าไม่มีอะไรใหม่เลย เป็นเพียงต้องการทำเพื่อลดความน่าเชื่อถือของนายกรัฐมนตรีและต้องการที่จะล้มรัฐบาล