ผลประกอบการงวด Q3/51 (สิ้นสุดเดือน ธ.ค. 2551) ของ PTL ดีดว่าที่ SCRI คาดไว้ค่อนข้างมาก เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบที่ยังปรับขึ้น 71% yoy และ 8% qoq ประกอบกับ ปริมาณขายเพิ่มขึ้น 21% yoy จากการผลิตสายที่ 2 ของโรงงานในตรุกี แม้ลดลง 9% qoq จากอุปสงค์ที่หยุดชะงักไป SCRI ประเมินกำไรสุทธิปี 2551 (มี.ค. 2551 – มี.ค. 2552) ของ PTL จะยังคงทำระดับสูงสุดใหม่ก่อนอ่อนตัวในปี 2552 จากแนวโน้มส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่อ่อนตัว แต่แนวโน้มดังกล่าวสะท้อนไปแล้วทำให้ราคาหุ้นซื้อขายที่ระดับ PER ปี 2552 ต่ำเพียง 3.3 เท่า ซึ่งต่ำเกินไปเมื่อเทียบกับในอดีตที่แม้ในช่วง Down Cycle ที่ 6.38 เท่า อีกทั้ง PTL ยังมี Dividend Yield ถึง 14% โดยคาดว่าจะจ่ายได้ในอัตรา 0.48 บาท/หุ้นสำหรับงวดปี 2551 ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยรองรับความเสี่ยงของหุ้นได้ในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ SCRI ปรับการประเมินมูลค่าเหมาะสมของ PTL ซึ่งประเมินตามวิธี Dividend Discounted Model เป็น 4.40 บาท มี upside 33% จากราคาหุ้นปัจจุบัน SCRI จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ"
* กำไรสุทธิ Q3/51 ดีกว่าคาด : PTL ประกาศกำไรสุทธิ Q3/51 (เดือน ก.ย. 2551 – ธ.ค. 2551) ที่ 269 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% yoy จากปริมาณขายและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบที่ดีขึ้น โดยปริมาณขายของ PTL อยู่ที่ 20,316 ตัน เพิ่มขึ้น 21% yoy ส่วนใหญ่มาจากปริมาณขายที่เพิ่มจากโรงงานในตุรกีที่เริ่มสายการผลิตแผ่นฟิล์มบางและแผ่นฟิล์มเคลือบโลหะสายที่ 2 ในเดือน พ.ค. 2551 ขณะที่ ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ PET และราคาวัตถุดิบ PTA และ MEG ยังคงสูงประมาณ 1.42 เหรียญ/กก.ใน Q3 51/52 เพิ่มขึ้นถึง 71% yoy สำหรับผลประกอบการที่ลดลง 22% qoq เกิดจากปริมาณขายที่หยุดชะงักไปในช่วงปลายปีผนวกกับราคาขายผลิตภัณฑ์ที่ปรับลดลง ส่งผลให้ยอดขายลดลง 26% qoq อย่างไรก็ตาม ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบยังปรับเพิ่มขึ้น 8% qoq จากการปรับตัวลงของราคาวัตถุดิบที่เร็วกว่าราคาขาย ส่งผลให้ Gross Margin อยู่ในระดับสูงที่ 32% ทั้งนี้ PTL ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากผลขาดทุนสต็อกจากการเก็บสต็อกที่ค่อนข้างต่ำ
* ปรับเพิ่มประมาณการกำไรงวดบัญชีปี 2551 ขึ้น 30% และปี 2552 ขึ้น 35 % : แม้แนวโน้มอุปสงค์ในผลิตภัณฑ์แผ่นฟิล์ม PET จะมีการชะลอตัวไปจากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจโลก แต่ผลกระทบรุนแรงที่สุดคาดอยู่ในช่วง Q3/51 ซึ่งอุปสงค์มีการชะลอตัวค่อนข้างรุนแรงจากการ De-stock สินค้าของลูกค้า ทั้งนี้ระดับกำไรอ่อนตัวลงใน Q3/51 แต่ถือว่าดีกว่าที่ประเมินก่อนหน้า โดยกำไรสุทธิที่ออกมาของ 9M/51 (มี.ค. 2551 – ธ.ค. 2551) อยู่ที่ 808 ล้านบาท ดีกว่าภาพรวมทั้งปี 2551 ที่ SCRI คาดไว้ที่ 771 ล้านบาท เมื่อรวมกับภาพในไตรมาสสุดท้ายที่อัตรากำลังการผลิตเริ่มฟื้นตัว คาดจะทำให้สายการผลิตฟิล์มบางยังคงมีอัตราการใช้กำลังผลิตเฉลี่ยทั้งปี 2551 ได้ที่ประมาณ 90% - 95% แต่ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบที่คาดจะอ่อนตัวลงใน Q4 2551/2552 คาดจะทำให้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบเฉลี่ยในปี 2551 ปรับมาอยู่ที่ประมาณ 1.1 เหรียญ/กก. เนื่องจากอัตราส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบใน Q3/51 ยังคงเป็นระดับค่อนข้างสูงผิดปกติ ทั้งนี้ SCRI คงภาพกำไรที่อ่อนตัวลงใน Q4/51 แต่โดยรวมทั้งปีแล้วปรับประมาณการกำไรปี 2551 ขึ้น 30% เป็น 1,004 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% yoy สำหรับปี 2552 (สิ้นสุดเดือน มี.ค. 2553) ปรับประมาณการกำไรเป็น 821 ล้านบาท ดีกว่าประมาณการเดิม 35% แต่คาดยังคงอ่อนตัวลง 18% yoy จากแนวโน้มส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบคาดเริ่มกลับสู่ระดับปกติที่ 0.7-0.8 เหรียญ/กก.
* โครงสร้างทางการเงินยังแข็งแกร่ง : พิจารณาโครงสร้างทางการเงิน ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 2551 PTL มี Interest Bearing Debt/Equity ที่ระดับ 0.73 เท่า ลดลงเล็กน้อยจาก ณ. สิ้นเดือน ก.ย. 2551 ที่ระดับ 0.78 เท่า โดยส่วนใหญ่จากส่วนผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้น ฐานะการถือเงินสดยังคงค่อนข้างดีโดยมีเงินสดและสินทรัพย์ที่เทียบเท่าเงินสดประมาณ 0.18 บาท/หุ้น แต่หากรวมเงินลงทุนระยะสั้นด้วยแล้วสูงถึง 0.37 บาท/หุ้น ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะเพื่อเตรียมรองรับการจ่ายปันผลของปี 2551 ทั้งนี้ SCRI ประเมินการเลื่อนการดำเนินโครงการขยายกำลังการผลิตแผ่นฟิล์มบางมูลค่า 70 ล้านเหรียญ ออกไปจะทำให้บริษัทยังคงไม่มีค่าใช่จ่ายลงทุนที่สำคัญในช่วงปี 2551 -2552 จึงคาดยังคงมีสภาพคล่องค่อนข้างดี
* คงคำแนะนำ "ซื้อ" โดยปรับมูลค่าเหมาะสมขึ้นเป็น 4.40 บาท: การปรับประมาณการกำไรของ PTL ส่งผลต่อการปรับเพิ่มมูลค่าเหมาะสมตามวิธี DDM ให้เพิ่มขึ้นด้วยจากระดับ 3.80 บาท/หุ้น เป็น 4.40 บาท/หุ้น โดยระดับราคาเหมาะสมดังกล่าว PTL จะยังมี PER เพียง 3.5 เท่าในปี 2551/2552 และ 4.3 เท่าในปี 2552/2553 และคาดจะให้ Dividend Yield ประมาณ 11% และ 9% ในปี 2551/2552 และ 2552/2553 ซึ่งคาดอัตราเงินปันผลระดับสูงจะเป็นปัจจัยรอบรับความเสี่ยงของราคาหุ้นได้ค่อนข้างดี ทั้งนี้ สำหรับรอบบัญชีปี 2551/2552 SCRI ประเมินเงินปันผลจ่ายไว้ 0.48 บาท/หุ้น(อิง Payout 38% เทียบกับ 39.3% ในปี 2550/2551) คิดเป็น Dividend Yield จากราคาปัจจุบันสูงถึง 14.3% คาดเงินปันผลจ่ายจะประกาศช่วงประมาณ พ.ค. 2552 ซึ่งราคาหุ้นที่ยังไม่สะท้อนผลประกอบการที่ยังออกมาแข็งแกร่งและมีแนวโน้มจ่ายปันผลได้ในระดับจูงใจ ประกอบกับมี upside จากราคาเหมาะสมใหม่สูง 33% จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ"
* กำไรสุทธิ Q3/51 ดีกว่าคาด : PTL ประกาศกำไรสุทธิ Q3/51 (เดือน ก.ย. 2551 – ธ.ค. 2551) ที่ 269 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% yoy จากปริมาณขายและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบที่ดีขึ้น โดยปริมาณขายของ PTL อยู่ที่ 20,316 ตัน เพิ่มขึ้น 21% yoy ส่วนใหญ่มาจากปริมาณขายที่เพิ่มจากโรงงานในตุรกีที่เริ่มสายการผลิตแผ่นฟิล์มบางและแผ่นฟิล์มเคลือบโลหะสายที่ 2 ในเดือน พ.ค. 2551 ขณะที่ ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ PET และราคาวัตถุดิบ PTA และ MEG ยังคงสูงประมาณ 1.42 เหรียญ/กก.ใน Q3 51/52 เพิ่มขึ้นถึง 71% yoy สำหรับผลประกอบการที่ลดลง 22% qoq เกิดจากปริมาณขายที่หยุดชะงักไปในช่วงปลายปีผนวกกับราคาขายผลิตภัณฑ์ที่ปรับลดลง ส่งผลให้ยอดขายลดลง 26% qoq อย่างไรก็ตาม ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบยังปรับเพิ่มขึ้น 8% qoq จากการปรับตัวลงของราคาวัตถุดิบที่เร็วกว่าราคาขาย ส่งผลให้ Gross Margin อยู่ในระดับสูงที่ 32% ทั้งนี้ PTL ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากผลขาดทุนสต็อกจากการเก็บสต็อกที่ค่อนข้างต่ำ
* ปรับเพิ่มประมาณการกำไรงวดบัญชีปี 2551 ขึ้น 30% และปี 2552 ขึ้น 35 % : แม้แนวโน้มอุปสงค์ในผลิตภัณฑ์แผ่นฟิล์ม PET จะมีการชะลอตัวไปจากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจโลก แต่ผลกระทบรุนแรงที่สุดคาดอยู่ในช่วง Q3/51 ซึ่งอุปสงค์มีการชะลอตัวค่อนข้างรุนแรงจากการ De-stock สินค้าของลูกค้า ทั้งนี้ระดับกำไรอ่อนตัวลงใน Q3/51 แต่ถือว่าดีกว่าที่ประเมินก่อนหน้า โดยกำไรสุทธิที่ออกมาของ 9M/51 (มี.ค. 2551 – ธ.ค. 2551) อยู่ที่ 808 ล้านบาท ดีกว่าภาพรวมทั้งปี 2551 ที่ SCRI คาดไว้ที่ 771 ล้านบาท เมื่อรวมกับภาพในไตรมาสสุดท้ายที่อัตรากำลังการผลิตเริ่มฟื้นตัว คาดจะทำให้สายการผลิตฟิล์มบางยังคงมีอัตราการใช้กำลังผลิตเฉลี่ยทั้งปี 2551 ได้ที่ประมาณ 90% - 95% แต่ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบที่คาดจะอ่อนตัวลงใน Q4 2551/2552 คาดจะทำให้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบเฉลี่ยในปี 2551 ปรับมาอยู่ที่ประมาณ 1.1 เหรียญ/กก. เนื่องจากอัตราส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบใน Q3/51 ยังคงเป็นระดับค่อนข้างสูงผิดปกติ ทั้งนี้ SCRI คงภาพกำไรที่อ่อนตัวลงใน Q4/51 แต่โดยรวมทั้งปีแล้วปรับประมาณการกำไรปี 2551 ขึ้น 30% เป็น 1,004 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% yoy สำหรับปี 2552 (สิ้นสุดเดือน มี.ค. 2553) ปรับประมาณการกำไรเป็น 821 ล้านบาท ดีกว่าประมาณการเดิม 35% แต่คาดยังคงอ่อนตัวลง 18% yoy จากแนวโน้มส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบคาดเริ่มกลับสู่ระดับปกติที่ 0.7-0.8 เหรียญ/กก.
* โครงสร้างทางการเงินยังแข็งแกร่ง : พิจารณาโครงสร้างทางการเงิน ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 2551 PTL มี Interest Bearing Debt/Equity ที่ระดับ 0.73 เท่า ลดลงเล็กน้อยจาก ณ. สิ้นเดือน ก.ย. 2551 ที่ระดับ 0.78 เท่า โดยส่วนใหญ่จากส่วนผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้น ฐานะการถือเงินสดยังคงค่อนข้างดีโดยมีเงินสดและสินทรัพย์ที่เทียบเท่าเงินสดประมาณ 0.18 บาท/หุ้น แต่หากรวมเงินลงทุนระยะสั้นด้วยแล้วสูงถึง 0.37 บาท/หุ้น ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะเพื่อเตรียมรองรับการจ่ายปันผลของปี 2551 ทั้งนี้ SCRI ประเมินการเลื่อนการดำเนินโครงการขยายกำลังการผลิตแผ่นฟิล์มบางมูลค่า 70 ล้านเหรียญ ออกไปจะทำให้บริษัทยังคงไม่มีค่าใช่จ่ายลงทุนที่สำคัญในช่วงปี 2551 -2552 จึงคาดยังคงมีสภาพคล่องค่อนข้างดี
* คงคำแนะนำ "ซื้อ" โดยปรับมูลค่าเหมาะสมขึ้นเป็น 4.40 บาท: การปรับประมาณการกำไรของ PTL ส่งผลต่อการปรับเพิ่มมูลค่าเหมาะสมตามวิธี DDM ให้เพิ่มขึ้นด้วยจากระดับ 3.80 บาท/หุ้น เป็น 4.40 บาท/หุ้น โดยระดับราคาเหมาะสมดังกล่าว PTL จะยังมี PER เพียง 3.5 เท่าในปี 2551/2552 และ 4.3 เท่าในปี 2552/2553 และคาดจะให้ Dividend Yield ประมาณ 11% และ 9% ในปี 2551/2552 และ 2552/2553 ซึ่งคาดอัตราเงินปันผลระดับสูงจะเป็นปัจจัยรอบรับความเสี่ยงของราคาหุ้นได้ค่อนข้างดี ทั้งนี้ สำหรับรอบบัญชีปี 2551/2552 SCRI ประเมินเงินปันผลจ่ายไว้ 0.48 บาท/หุ้น(อิง Payout 38% เทียบกับ 39.3% ในปี 2550/2551) คิดเป็น Dividend Yield จากราคาปัจจุบันสูงถึง 14.3% คาดเงินปันผลจ่ายจะประกาศช่วงประมาณ พ.ค. 2552 ซึ่งราคาหุ้นที่ยังไม่สะท้อนผลประกอบการที่ยังออกมาแข็งแกร่งและมีแนวโน้มจ่ายปันผลได้ในระดับจูงใจ ประกอบกับมี upside จากราคาเหมาะสมใหม่สูง 33% จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ"