xs
xsm
sm
md
lg

สภาพัฒน์หั่นเป้า “จีดีพี” เหลือ -1% ถึง 0% หลัง Q4/51 ติดลบ 4.3%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สภาพัฒน์ลดคาดการณ์ GDP ปี 52 เหลือ -1% ถึง 0% หลังตัวเลข Q4/51 ติดลบหนักถึง 4.3% ระบุวิกฤต ศก.โลกแรงกว่าที่คาด กระทบส่งออก-ท่องเที่ยวรุนแรงและรวดเร็ว ประกอบกับสถาบันการเงินเข้มงวดในการขยายสินเชื่อ ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจอยู่ในระดับต่ำ ทำให้คาดว่าภาคธุรกิจจะลดการผลิตและการจ้างงาน โดยเฉพาะสาขาอุตสาหกรรมก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ ขนส่ง และการเงิน

สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ แถลงอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ไตรมาส 4 ปี 2551 ติดลบหนักถึง 4.3% เป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 10 ปี พร้อมทั้งปรับลดคาดการณ์จีดีพีปี 2552 ลงเหลือ -1 ถึง 0% จากที่ขยายตัวในระดับ 2.6% ในปี 2551 ต่ำกว่าคาด

สภาพัฒน์ระบุว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปีนี้ชะลอตัวลงมาก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกกถดถอยมากกว่าที่คาดไว้ และส่งผลกระทบให้การส่งออกและการท่องเที่ยวของไทยหดตัวมากและเร็วกวาที่คาดไว้เดิม โดยเฉพาะช่วงครึ่งแรกของปี ประกอบกับสถาบันการเงินเข้มงวดในการขยายสินเชื่อ ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจอยู่ในระดับต่ำ ทำให้คาดว่าภาคธุรกิจจะลดการผลิตและการจ้างงาน โดยเฉพาะสาขาอุตสาหกรรมก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ ขนส่ง และการเงิน

ส่วนการหดตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ปี 2551 มาจากปัจจัยหลักจากการลดลงของการส่งออก และการลงทุน รวมทั้งการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคของครัวเรือนขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง เป็นการหดตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 2-3 ปี 2551 และสภาพัฒน์ยังคาดว่าในไตรมาส 1 ปี 2552 เศรษฐกิจจะหดตัวต่อเนื่องจากปลายปี 2551 และอาจจะรุนแรงกว่า

สภาพัฒน์ ประเมินว่า วิกฤติเศรษฐกิจโลกยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างหนักในไตรมาส 1 ปี 2552 โดยจีดีพีอาจจะปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงกว่าไตรมาส 4 ปี 2551 เนื่องจากภาวะการค้าโลกหดตัวอย่างรุนแรง ภาคเอกชนมองเห็นแนวโน้มออร์เดอร์สินค้าปรับตัวลดลง โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรม

ก่อนที่เศรษฐกิจไทยจะดิ่งลงถึงจุดต่ำสุดในช่วงไตรมาส 2 ปี2552 ต่อเนื่องถึงไตรมาส 3 ปี 2552 ก่อนจะฟื้นตัวขึ้นมาในแดนบวกได้ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2552 จากผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่รัฐบาลประกาศใช้ก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะการอัดฉีดงบกลางปี 1.16 แสนล้านบาท รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษบกิจในระยะกลางและระยะยาวของรัฐบาล รวมถึงความช่วยเหลือด้านราคาสินค้าเกษตร

สภาพันฒน์ ระบุว่า ไตรมาส 4 ถือเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของเศรษฐกิจไทย ถ้าเราต้องใช้กำลังร่วมกันฉุดเศรษฐกิจไทยขึ้นจากหลุมเศรษฐกิจของโลกให้ได้ หวังว่าช่วง 7-8 เดือนต่อจากนี้ ทุกฝ่ายทั้งรัฐบาลและเอกชนต้องช่วยกันประคองเศรษฐกิจให้พ้นจากหลุมดำของเศรษฐกิจโลก

สำหรับปัจัยที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี คือ การผลักดันการดำเนินมาตรการเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาลให้มีความต่อเนื่องและเกิดผลในทางปฏิบัติอย่างจริงจัง การเร่งรัดการเบิกจ่ายและการดำเนินโครงการภายใต้กรอบงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2552 และการเตรียมความพร้อมให้สามารถเบิกจ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2553 ได้ทันทีในช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคม, การเร่งดำเนินโครงการลงทุนสำคัญของภาครัฐภายใต้แผนการลงทุนระยะปานกลางและระยะยาวให้สามารถเริ่มดำเนินการได้ภายในปลายปีนี้ และ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจการเงินโลกที่จะทำให้การส่งออกและการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัวในช่วงปลายปี

สภาพัฒน์ ระบุเพิ่มเติมว่า การบริหารเศรษฐกิจในปี 2552 เน้นการกระตุ้นและสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจภายในประเทศภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและแผนการลงทุนระยะปานกลางและระยะยาวโดยการใช้งบประมาณรายจ่ายรัฐบาลและการดำเนินโครงการภาครัฐเป็นปัจจัยนำ และดำเนินมาตรการเพื่อดูแลผลกระทบต่อภาคส่วนต่างๆ ได้แก่ การดูแลแรงงานผู้ถูกเลิกจ้างงาน ให้มีสวัสดิการรองรับที่เหมาะสมและได้รับการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มทักษะและจัดหางานใหม่ รวมทั้งการดูแลสาขา การผลิตและบริการที่อาจได้รับผลกระทบรุนแรง เช่น การท่องเที่ยว การส่งออก อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น และวางกลไกช่วยเหลือเกษตรกรซึ่งเผชิญราคาผลผลิตลดลงให้สามารถวางแผนการผลิตและได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม
กำลังโหลดความคิดเห็น