xs
xsm
sm
md
lg

สหรัฐฯ เผยธุรกิจแบงก์ Q4/51 ขาดทุนหนักสุดในรอบ 18 ปี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สหรัฐฯ เผยรายงานธุรกิจแบงก์พาณิชย์ทั้งระบบ ประสบภาวะขาดทุน Q4/51 สูงถึง 2.62 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็นครั้งแรกในรอบ 18 ปี ขณะที่ประชาชนแห่ฝากเงินในสถาบันรับประกันเงินฝาก เพื่อลดความเสี่ยง ส่งผลให้ธุรกิจการเงินมีต้นทุนจ่ายเพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้จากดอกเบี้ยลดลง เพราะธนาคารกลางได้ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายจนเหลือ 0%

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บรรษัทประกันเงินฝากของรัฐบาลกลาง (FDIC) ได้เปิดเผยรายงานผลดำเนินงานภาคธุรกิจธนาคารของสหรัฐฯ ทั้งระบบ โดยระบุว่า มีตัวเลขขาดทุนสุทธิสูงถึง 2.62 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2551 ซึ่งนับเป็นตัวเลขขาดทุนรายไตรมาสครั้งแรกในรอบ 18 ปี นับตั้งแต่ปี 2533

รายงานระบุว่า ตัวเลขขาดทุนที่เพิ่มสูงขึ้น เป็นผลมาจากอัตราการทำธุรกรรมที่ลดลง ประกอบกับการปรับลดมูลค่าทางบัญชี ที่ล้วนส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งมียอดขาดทุนสุทธิรายไตรมาสเพิ่มขึ้น ขณะที่ธนาคารยังคงต้องปรับดุลบัญชีเพื่อกระตุ้นการทำกำไรให้ได้ในอนาคต

นอกจากนี้ ถึงแม้ว่ากว่า 2 ใน 3 ของสถาบันการเงินทั้งหมดจะสามารถเก็บเกี่ยวผลกำไรจากการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 4 ได้ก็จริง แต่ผลประกอบการดังกล่าวถูกบดบังจากตัวเลขขาดทุนของธนาคารยักษ์ใหญ่หลายแห่ง

ทั้งนี้ ตัวเลขเงินฝากในธนาคารพาณิชย์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.079 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3.5% ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 10 ปี โดยเงินฝากของธนาคารในประเทศเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ 2.741 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ

นายเชียร่า แบร์ ประธานของ FDIC กล่าวว่า ความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อระบบธนาคาร และการรับประกันเงินฝาก เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงอัตราเงินฝากภายในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น เพราะผู้บริโภคเห็นว่าการฝากเงินกับสถาบันรับประกันเงินฝาก เป็นช่องทางการลงทุนที่ปลอดภัยในยามที่สถานการณ์ตลาดเงินไร้ซึ่งเสถียรภาพ

อย่างไรก็ตาม ในปี 2551 สถาบันประกันเงินฝากของสหรัฐฯ มีรายได้ 1.61 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งลดลง 83.9% จากปี 2550 และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2533

ขณะเดียวกัน FDIC ยังได้ระบุว่า สถาบันรับประกันเงินฝากที่ประสบปัญหาจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 171 แห่ง เป็น 252 แห่งซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางปี 2538 ขณะที่มูลค่าของสินทรัพย์ในสถาบันที่มีปัญหาเพิ่มขึ้นจากระดับ 1.156 แสนล้านดอลลาร์ เป็น 1.59 แสนล้านดอลลาร์อันเป็นผลสืบเนื่องจากวิกฤตการเงินที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น