บลจ.อยุธยาเปิดตัวสมุดเเสดงสิทธิในหน่วยลงทุนผ่าน 12 กองทุนกระจายทั้ง "ตราสารตลาดเงิน - LTF - RMF" เอาใจลูกค้า หวังช่วยให้สามารถติดตามความเคลื่อนไหวการลงทุนได้สะดวกมากขึ้น ด้านผู้บริหารคาดช่วยดันเม็ดเงินลงทุนในกองมันนี่มาร์เก็ตเพิ่มสูงถึง 20,000 ล้านบาท
นายฉัตรพี ตันติเฉลิม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยา หรือเอวายเอฟ จำกัด เปิดเผยว่า ตอนนี้บริษัทได้มีการเปิดให้บริการสมุดบัญชีเเสดงสิทธิในหน่วยลงทุนเพื่อให้ผู้ถือหน่วยสามารถบันทึกข้อมูลการทำธุรกรรมได้อย่างสะดวกมากขึ้น โดยบลจ.เปิดให้บริการสมุดบัญชีทั้งสิ้น 12 กองทุนด้วยกัน แบ่งออกเป็นทั้ง กองทุนตราสารตลาดเงิน , กองทุนหุ้นระยะยาว และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ
โดยกองทุนตราสารตลาดเงินที่ได้เปิดให้บริการจำนวน 2 กองทุน คือ กองทุนเปิดอยุธยาตราสารเงิน (AYFCASH) เเละกองทุนเปิดอยุธยาตราสารเงินพลัส ( AYFCASHPLS) ขณะที่กองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) จำนวน 4 กองทุน ได้เเก่ กองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาปันผล 70/30 (AYFLTFD70) , กองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาปันผล (AYFLTFDIV) , กองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาเซ็ท 50 (AYFLTF 50) เเละกองทุนเปิดหุ้นระยะยาวอยุธยาอิควิตี้ (AYFLTFEQ)
ส่วนกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) จำนวน 6 กองทุนคือ กองทุนเปิดอยุธยาตราสารเงินเพื่อการเลี้ยงชีพ (AYFCASHRMF) , กองทุนเปิดอยุธยาพันธบัตรเพื่อนการเลี้ยงชีพ (AYFTRRMF) , กองทุนเปิดอยุธยาทวีทรัพย์เพื่อการเลี้ยงชีพ (AYFDIVRMF) , กองทุนเปิดอยุธยาหุ้นปันผลเพื่อการเลี้ยงชีพ กองทุนเปิดอยุธยา SET 100 เพื่อการเลี้ยงชีพ (AYFRMF 100) เเละกองทุนเปิดอยุธยาอิควิตี้เพื่อการเลี้ยงชีพ (AYFEQRMF)
"การจัดทำสมุดบัญชีกองทุนทั้ง 12 กองนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถติดตามความเคลื่อนไหวการลงทุน บันทึกข้อมูลรายละเอียดการทำธุรกรรมของผู้ถือหน่วยเองได้อย่างครบถ้วน ซึ่งสมุดบัญชีของกองทุนตราสารตลาดเงินทั้ง 2 กองทุนจะทำให้ผู้ถือหน่วยมั่นใจเเละมองเห็นเงินลงทุนทำงานเพิ่มขึ้นทุกวัน เเละเป็นวิธีที่ผู้ถือหน่วยคุ้นเคยเหมือนกับการใช้สมุดบัญชีเงินฝากของธนาคาร ส่วนบัญชีกองทุน LTFเเละ RMF จะเป็นประโยชน์มากเช่นกันสำหรับการติดตามยอดจำนวนเงินที่ลงทุนเพื่อนำไปใช้หักลดหย่อยภาษีในเเต่ละปี" นายฉัตรพี กล่าว
นายฉัตรพี กล่าวต่อว่า หลังจากที่บลจ.ได้ส่งจดหมายเเจ้งให้ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถมาขอรับสมุดบัญชีของเเต่ละกองทุนได้ตั้งเเต่เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา ปรากฎว่ามีผู้ถือหน่วยลงทุนมาติดต่อขอรับสมุดบัญชีเป็นจำนวนมาก ทั้งที่มาขอรับที่บลจ.เเละที่สาขาของธนาคารกรุงศรีอยุธยา โดยทางบริษัทคาดว่าจะมีผู้ถือหน่วยลงทุนทอยอยไปขอรับสมุดบัญชีอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงลูกค้ารายใหม่ที่จะสนใจเข้ามาลงทุนมากขึ้น เนื่องจากมั่นใจเเละมีความเข้าใจการลงทุนผ่านกองทุนรวมมากขึ้น
ด้านนายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.อยุธยา กล่าวว่า การที่บลจ.มีบริการสมุดบัญชีกองทุนจะทำให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนเเละเปิดบัญชีกองทุนกับบริษัทมากขึ้น โดยเฉพาะกองทุนตลาดเงินที่มีการใช้สมุดบัญชีนี้ น่าจะทำให้เม็ดเงินเข้ามาลงทุนในกองทุนดังกล่าวเพิ่มมากขึ้นเกือบ 20,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันกองทุนเปิดอยุธยาตราสารเงิน (AYFCASH) เเเละกองทุนเปิดอยุธยาตราสารเงินพลัส ( AYFCASHPLS) มีเงินลงทุนในกองทุนรวมกันประมาณ 8,000-9,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามดัชนีตลาดหลักทรัพย์ตอนนี้ปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก ซึ่งราคาหุ้นสามารถปรับตัวขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งคาดว่าปลายปีนี้มีโอกาสได้เห็นตลาดรีบาวน์กลับมา 600 จุด และในช่วงที่ผ่านมามีนักลงทุนเเละผู้สนใจซึ่งมองเห็นโอกาสในช่วงที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงได้เข้ามาลงทุนในกองทุนรวมเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง