xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯสั่งลากคอมือบึ้ม โพลซัดนช.แม้วตัวป่วน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน -"อภิสิทธิ์" ไม่สนก๊กเสื้อแดงป่วน ยันลุยพบประชาชนให้ครบ 76 จังหวัด สั่งลากตัวมือปาบึ้มมาลงโทษให้ได้ พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ต้องไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้อีก ด้านโพลเผยสำรวจพบประชาชนไม่เชื่อลมปาก "แม้ว" กล่าวหา"มาร์ค" ขาดวิสัยทัศน์ฟื้นฟูเศรษฐกิจ และหากได้เป็นนายกฯจะไม่กู้เงินหรือทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น พร้อมมั่นใจถ้า "ทักษิณ" เลิกป่วนประเทศจะกลับสู่ภาวะปกติ ขณะที่ตำรวจปทุมฯ รวมได้แล้ว 4 เสื้อแดงถ่อยปาไข่ใส่รถ "เทพเทือก" ยันมือปาประทัดยักษ์ไม่ใช้ผู้หญิงเสื้อสีฟ้า ตามที่ "จตุพร"จวกคนทำผิดมักโยนให้คนอื่น "สุริยะใส" อัดรัฐบาลล้มเหลวงานมวลชน ตามหลักฝ่ายตรงข้ามหลายช่วงตัว จี้ให้ต่อสู้มากกว่ารอความเห็นใจจากประชาชน แนะ ปชป.เลิกแย่งอำนาจกันได้แล้ว

สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ สำรวจความคิดเห็นประชาชนใน 18 จังหวัด 2,128 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 13-14 มี.ค.ในหัวข้อ "ถอดรหัสวาทะทักษิณ ในความเชื่อหรือไม่เชื่อของคนไทย" โดยเก็บข้อมูลและประมวลผลแบบเรียลไทม์หลังจากที่มีข่าวการโฟนอินและการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ติดตามข่าวสารเป็นประจำทุกสัปดาห์ และประชาชนที่ถูกศึกษาส่วนใหญ่หรือร้อยละ 75.8 ทราบข่าว ความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในขณะที่ร้อยละ 24.2 ไม่ทราบข่าว

ผลสำรวจยังพบว่า ประชาชนเกินครึ่งหรือร้อยละ 52.8 ไม่เชื่อว่า รัฐบาลจะสามารถนำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาประเทศไทยได้ มีเพียงร้อยละ 23.7 ที่เชื่อ นอกจากนี้ยังพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 57.7 ไม่เชื่อตามคำกล่าวอ้างของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เร่งให้ส่งตัวกลับประเทศ เพราะมีเป้าหมายทางการเมืองและต้องการให้ขายหน้าเท่านั้นในขณะที่ร้อยละ 23.0 เชื่อ เช่นนั้น

อย่างไรก็ตาม ประชาชนจำนวนมากถึงร้อยละ 62.3 ไม่เชื่อว่า จะสามารถ สมานฉันท์กันได้ระหว่างกลุ่มผู้สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ กับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ มีเพียงร้อยละ 25.5 เท่านั้นเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้

เอแบคโพลล์ยังสำรวจเกี่ยวกับความเชื่อที่ว่านายอภิสิทธิ์และคณะทำงานขาดวิสัยทัศน์ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ปรากฏว่า ประชาชนเกือบครึ่งหรือร้อยละ 48.3 ไม่เชื่อเช่นนั้น ในขณะที่ร้อยละ 37.2 เชื่อ นอกจากนี้ประชาชนเกินครึ่งหรือร้อยละ 54.2 ไม่เชื่อว่า ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว จะไม่กู้เงินมาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แต่มีประชาชนร้อยละ 33.1 ที่เชื่อคล้อยตาม พ.ต.ท.ทักษิณ เช่นเดียวกันประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 48.6 ไม่เชื่อว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมาเป็นนายกฯแล้ว เศรษฐกิจของประเทศจะดีขึ้น ในขณะที่ร้อยละ 39.9 เชื่อ

ผลสำรวจยังพบว่า ประชาชนครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 50.5 เชื่อว่า ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ หยุดเคลื่อนไหวแล้ว ประเทศไทยจะกลับสู่สภาวะปกติ ในขณะที่ร้อยละ 38.7 ไม่เชื่อ นอกจากนี้ประชาชนถึงครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 50.4 ไม่เห็นด้วยที่จะเสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดองแห่งชาติเพื่อนิรโทษกรรม มีเพียงร้อยละ 35.7 เท่านั้นที่เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 45.8 คิดว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันจะทำงานต่อไปได้ไม่เกิน 1 ปีและมีประชาชนร้อยละ 39.1 ที่คิดว่ารัฐบาลจะอยู่ทำงานได้เกิน 1 ปี

มท.1ยังไม่คาดโทษผู้ว่าฯปทุมฯ

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย เปิดเผย วานนี้ (15 มี.ค.) ถึงเหตุการณ์กลุ่มเสื้อแดงขวางปาสิ่งของและประทัดยักษ์ใส่ ขบวนรถของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่เดินทางมามอบนโยบายให้กับผู้บริหารท้องถิ่น และข้าราชการ ฝ่ายปกครอง เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ณ วิทยาลัยการปกครอง คลองหก อ.ธัญบุรีว่า ได้สั่งผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีทำรายงานสรุปกรณีเกิดเหตุการณ์กลุ่มคนเสื้อแดงปาประทัดยักษ์ ใส่ขบวนรถนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ขณะลงพื้นที่ จ.ปทุมธานี วานนี้มาให้ตนภายในวันนี้ เพื่อประเมินสถานการณ์ว่าจะต้องมีการลงโทษ หรือตักเตือนผู้ว่าฯ อย่างไรบ้าง

ทั้งนี้ เบื้องต้นจากการรายงานทางวาจาของผู้ว่าฯ พบว่า ทำดีที่สุดแล้ว เพราะตนได้สั่งห้ามใช้กำลังกับผู้ชุมนุม จึงทำให้ยากต่อการป้องกัน พร้อมกันนี้ ได้สั่งให้ติดตามตัวผู้ก่อเหตุ ทั้งที่ปาระเบิดปิงปอง ขวดน้ำ และรองเท้า มาดำเนินคดีให้ได้ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นตนยังไม่ได้มีการขาดโทษผู้ว่าฯปทุมธานีแต่อย่างใด และนายสุเทพก็ไม่ได้ติดใจต่อการทำหน้าที่ของผู้ว่าฯ และไม่ได้มีการตำหนิหรือสั่งให้ลงโทษแต่อย่างใด

ผู้ว่าฯพ้อจะให้เอาตาข่ายมาบังหรือ

นายปรีชา บุตรศรี ผวจ.ปทุมธานี กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ นายสุเทพได้สั่งการให้สอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี อย่างไรก็ตามก่อนที่นายสุเทพ จะเดินทางมาก็ได้ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีการวางแผนเป็นอย่างดี แต่เหตุที่เกิดขึ้นเพราะฝ่ายที่ไม่มีจริยธรรมพูดกันไม่รู้เรื่อง ที่คิดแต่มุ่งที่จะก่อเหตุ จะป้องกันอย่างไรก็ป้องกันลำบาก

"มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนนับสิบนายใช้โล่ป้องกันก็เห็นกันอยู่ตามภาพที่สื่อ จับไว้ได้และออกข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ จะให้เราป้องกันอย่างไรมากกว่านี้จะให้เอาตาข่ายมาบังอย่างนั้นหรือ ผมว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ เหตุการณ์ดังกล่าว ผมได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วิทยา ประยงค์พันธ์ ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี ซึ่งมีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ให้ติดตามสืบและสอบสวนนำตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี ตามกฎหมายต่อไป โดยมีฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ช่วยสออดส่องเป็นหูตาให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันเพื่อให้บ้านเมืองสงบ ซึ่งผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ ก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่ว่า ใครเป็นใคร แต่ว่าพูดกันไม่รู้เรื่อง"

ตร.ยันมือปาบึ้มไม่ใช่ผู้หญิงเสื้อสีฟ้า

พล.ต.ต.วิทยา ประยงค์พันธ์ ผบก.ภ.ปทุมธานี กล่าวว่า ตำรวจอยู่ระหว่างการ ตรวจสอบภาพจากกล้องวิดีโอ เบื้องต้นทราบตัวผู้ก่อเหตุในช่วงดังกล่าวแล้ว มีประมาณ 3-4 คน ซึ่งหลังจากได้หลักฐานที่แน่ชัด พนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียก มาสอบปากคำและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งได้แจ้งให้ผู้ที่ก่อเหตุซึ่งประกอบด้วยอดีตกำนันและพวกอีก 3-4 คน ที่ปรากฏหลักฐานในภาพวีดีโอเทป ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบันทึกไว้ เข้ามอบตัวเพื่อสอบปากคำแล้ว

ส่วนที่ นายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำ นปช.ออกมาปฏิเสธว่า คนที่ขว้างปาระเบิดปิงปอง หรือประทัดยักษ์ มิใช่คนของกลุ่มเสื้อแดง เป็นผู้หญิงสวมใส่เสื้อสีฟ้า เป็นคนขว้างปานั้น พล.ต.ต.วิทยา กล่าวว่า ก็เป็นที่ทราบกันว่า จะมีการปฏิเสธ เมื่อเกิดเหตุการณ์ทุกครั้ง โดยเหมาเป็นบุคคลภายนอกกลุ่ม แต่จากภาพที่บันทึกได้ เป็นการปามาจากระยะไกล และไม่ใช่จุดที่ผู้หญิงส่วนเสื้อสีฟ้าอยู่ แต่เป็นคนละด้าน

พล.ต.ต.วิทยา กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ดำเนินมาตรการรักษาความปลอดภัยเต็มที่แล้ว แต่นายสุเทพ ไม่ต้องการให้ตำรวจใช้กำลังกับกลุ่มผู้ชุมนุม อย่างไรก็ตาม การชุมนุมสามารถทำได้อย่างสงบ ปราศจากอาวุธ อยู่ภายใต้กฎหมาย ถ้าทำผิดกฎหมาย ตำรวจก็ต้องดำเนินการ

รวมแล้ว4เสื้อแดงมือปาไข่

ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.ต.ท. ฉลอง สนใจ ผบช.ภ.1 , พล.ต.ต. วิทยา ประยงค์พันธ์ ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี , พ.ต.อ.นันทชาติ ศุภมงคล รอง ผบก.ปทุมธานี พ.ต.อ. ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผกก สภ.ธัญบุรี ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ขว้างไข่ใส่รถนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา

ตำรวจได้ขอภาพจากสื่อมวลชนนำมาขยายภาพ พบว่า มีผู้ที่ปาไข่จำนวน 4 ราย จึงได้เชิญตัวมาแจ้งข้อหา ประกอบด้วย นายเพลิน ธัญญาโภชน์ อายุ 47 อยู่บ้านเลขที่ 84/1 ม.3 ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ. ปทุมธานี นางศิริพร เสวตสมบูรณ์ อายุ 36 อยู่บ้านเลขที่ 70 ถ.รังสิต-นครนายก 58 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นางนิตยา เณรทอง อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 120/11 ม.1 ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี และนายสมัย ปัสสาพันธ์ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 115/30 ม.1 ต.บึงยี่โถ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี โดยแจ้งข้อหาร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ทำร้ายร่างกาย และพยายามทำร้ายร่างกาย โดยผู้ต้องหารับสารภาพว่า ขว้างไข่จริง สาเหตุมาจาก เรื่องเรียกร้องความสนใจทางการเมือง

ส่วนนายสมบุญ ขุนทองไทย แกนนำถูกเชิญตัวมารับทราบข้อหาด้วย แต่ได้ปฏิเสธในการขว้างปาไข่ครั้งนี้ และยังได้เปิดเผยว่า มีนายตำรวจ ได้พยายามให้ตนหาแพะมารับผิด เกี่ยวกับการขว้างระเบิดปิงปองในครั้งนี้ด้วย แต่ตนได้ปฏิเสธไปว่า ในกลุ่มคนเสื้อแดงไม่มีอาวุธอะไรทั้งสิ้น ถ้าเป็นอย่างนั้น ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหาผู้ปาระเบิดปิงปองเอง แต่ไม่มีคำตอบกับมาว่า จะให้พวกตน ทำอย่างไร เนื่องจากนายตำรวจผู้นั้นกลัวถูกย้าย จะให้พวกตนหาคนรับผิดมาดำเนินคดีแทน

"มาร์ค"ไม่สนถูกป่วนเดินหน้าพบปชช.

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวหลังกลับจากการเยือนอังกฤษ อย่างเป็นทางการว่า เป็นเพียงปฏิกิริยาและการเคลื่อนไหว จากคนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลส่วนหนึ่ง ที่อาจจะพยายามให้มีปัญหาในเชิงข่าวหรือรุนแรงขึ้น แต่รัฐบาลก็ยืนยันความพร้อมที่จะเดินหน้าเข้าหาประชาชน ส่วนเจ้าหนาที่ที่ดูแลความสงบเรียบร้อย หากการกระทำใดที่เกินขอบเขตของกฎหมายก็ต้องดำเนินการ ซึ่งได้โทรศัพท์คุยกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ท่านก็ยืนยันว่าเดินหน้าต่อ และมั่นใจจะเดินหน้าต่อไปได้ และรักษากฎหมายได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าจะใช้ไม้แข็งกับผู้ก่อกวน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อย่าไปเรียกว่าไม้แข็ง ไม้อ่อนเลย เราก็ใช้แนวนี้มาตลอด คือถ้าใครใช้สิทธิเสรีภาพ อยู่ในขอบเขตเราก็ยอม จะมาตะโกนด่า พูดปราศรัย เราก็ไม่มีปัญหา เราอดทนอดกลั้น แต่ต้องไม่ทำผิดกฎหมาย การใช้ระเบิดปิงปองหรือขว้างปาสิ่งของเพื่อให้เกิดการทำร้ายหรือการทำลายอันนี้ไม่ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าอีกฝ่ายจะอ้างว่าทีทำไมกับพันธมิตรฯ ไม่เห็นดำเนินการแบบนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า บอกมาซิว่ามีคดีไหนที่เราละเว้นละเลย ไม่มีหรอก ทุกอย่างอยู่ในกระบวนการหมดและมีการเร่งรัดตลอด เราจะเห็นว่าระยะหลังตน ก็ให้มีการรายงานความคืบหน้าตลอดเวลา

ส่วนมีการวิเคราะห์สถานการณ์หรือว่าเหตุรุนแรงมากขึ้นเกี่ยวเนื่องกับการที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมอาเซียน เพื่อดิสเครดิตรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้มองตรงนั้น คิดว่าเป็นปฏิกิริยาที่เรากำลังเดินเข้าหาประชาชนส่วนใหญ่ในเรื่องนโยบาย และอาจจะเกี่ยวพันไม่ถึงเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรืออะไรต่างๆ

นายอภิสิทธิ์ยืนยันว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจะไม่ส่งผลให้ต้องเปลี่ยนแปลงการลงพื้นที่ รัฐมนตรียังต้องลงพื้นที่ให้ครบ และตนก็ไม่ถ้อถ้อย คนส่วนใหญ่จะมากังวลกับคนจำนวนน้อยที่ไม่เคารพกฎหมายไม่ได้ ตนต้องปฏิบัติหน้าที่กับคนส่วนใหญ่

ลั่นปล่อยให้โยนบึ้มไม่ได้อีก

ผู้สื่อข่าวถามว่าในอนาคตห่วงว่าจะรุนแรงกว่าระเบิดปิงปองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราต้องไม่ให้มี การดำเนินคดีต้องมีประสิทธิภาพ ส่วนที่มองกันว่ากลุ่มก่อกวนมีเป้าหมายเพื่อให้ยุบสภานั้น คงยุบสภาไม่ได้เพราะเพิ่งยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ จึงห้ามยุบสภาฯ ถ้าตนแพ้ญัตติ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทยก็เป็นนายกรัฐมนตรี

ต่อข้อถามว่าเป็นเพราะไม่ดำเนินการเด็ดขาดเขาถึงกล้ามาทำขนาดนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้มันไม่มีแบบนี้ ครั้งที่แล้วมีขวดน้ำ ตนก็บอกว่า พอเข้าใจกันได้ ไม่ได้ทำให้ใครบาดเจ็บหรือเสียหายอะไร แต่ครั้งนี้มันไม่ได้ มันเป็นระเบิด

ต่อข้อถามว่าครั้งต่อไปจะให้เจ้าหน้าที่กันผู้ชุมนุมให้อยู่ไกลออกไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เข้าใจว่าพยายามทำแล้ว เท่าที่คุยกันนายสุเทพบอกว่าทางออกมันแคบ

ส่วนที่ถูกกระทำครั้งนี้เป็นถึงรองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลฝ่ายความมั่นคง ถือเป็นการท้าทายรัฐบาลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ท่านก็เป็นเป้าหมายหลัก เป้าหมายหนึ่งอยู่แล้ว นอกจากนี้ทราบว่ารัฐมนตรีจากพรรคอื่นที่ลงพื้นที่ก็โดนกลุ่มเสื้อแดงก่อกวน บ้าง แต่ว่าอาจจะไม่ได้เป็นข่าว อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะครบ 76 จังหวัดแล้วก็ตาม โดยเฉพาะช่วงปิดสมัยประชุมยิ่งต้องลงพื้นที่มากขื้น

ส่วนการเคลื่อนไหวแบบคู่ขนานระหว่างรัฐบาล ฝ่ายค้าน จะสร้างความ แตกแยกให้กับประชาชนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หวังว่าการลงไปเคลื่อนไหว ไม่ใช่ไปสร้างความแตกแยก อย่างรัฐบาลลงพื้นที่ก็ไม่ได้พูดเรื่องการเมืองไปคุยเรื่องนโยบายที่ทำอยู่ เรื่องพวกนี้จะไปแตกแยกอะไร ส่วนอีกฝ่ายถ้าไปพูดอะไรแตกแยก ตนก็บอกแล้วตบมือข้างเดียวไม่ดัง

เย้ยเป็นผู้ใหญ่เกินกว่าจะตอบโต้"แม้ว"

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่พยายามลงไปสู้รากหญ้าและโจมตีการแก้ปัญหาของรัฐบาลว่า ไม่เป็นไร มันเป็นความคิดเห็นของท่าน ต่อข้อถามว่า มีการระบุว่าเหมือนเด็กสองคนพยายาม แก้ไขปัญหาอยู่ ตรงนี้ทำให้ขาดความเชื่อมั่นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ หัวเราะพร้อมกับ กล่าวว่า ตนเป็นผู้ใหญ่เกินกว่าที่จะไปตอบโต้ ต่อข้อถามว่า คิดที่จะสกัดกั้นการโฟนอินน์ ของพ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีความจำเป็นที่ต้องไปทำอะไรอย่างนั้น

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนายใจ อึ๊งภากรณ์ว่าจะนำตัวมาดำเนินคดีอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่มีที่อยู่อยู่แล้ว เมื่อถามว่าเขาถือ 2 สัญชาติจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงต้องดูตามข้อตกลงตามกระบวนการกฎหมาย ตำรวจเขาดูอยู่

"กษิต"บอกเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง

นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่าการกระทำของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ปาสิ่งของและประทัดยักษ์ใส่จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บระหว่างนายสุเทพ ลงพื้นที่พบประชาชนว่า เป็นการกระทำที่ไร้เหตุผล ไม่ได้ทำเพื่อความเจริญของบ้านเมือง พร้อมย้ำว่า การชุมนุมใดๆ ผู้ชุมนุมต้องมีข้อเสนอเป็นทางเลือกให้รัฐบาลว่า สิ่งที่รัฐบาลทำนั้นถูกหรือไม่ อีกทั้งสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ทั้งในและนอกสภา แต่การข่มขู่และมุ่งทำร้ายเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง

ปชป.ชี้พฤติกรรม"ใจ"ทำตัวเองเสีย

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าการไปปาฐกถาเกี่ยวกับประชาธิปไตยในประเทศไทยของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีที่มหาวิทยาลัยออกฟอร์ด ประเทศอังกฤษนั้นจากการโทรศัพท์พูดคุยกับนายอภิสิทธิ์ ทราบว่า ได้รับความสนใจจากคนไทยและชาวต่างชาติ เข้าร่วมรับฟังจนที่นั่งที่เตรียมไว้กว่า 200 ที่นั่งเต็มหมด โดยมีนักเรียนไทยในประเทศอังกฤษเข้าร่วมซักถามถึงสถานการณ์บ้านเมืองและการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ในประเทศไทยของรัฐบาลด้วย

นอกจากนี้ยังมีนายใจ อึ๊งภากรณ์ ที่หลบหนีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เข้าร่วมรับฟังและได้แสดงพฤติกรรมคนเสื้อแดงโกอินเตอร์ โดยการยกเท้าตบ ขึ้นมาตบขณะที่นายกฯ กำลังพูด ซึ่งก็ได้รับคำแนะนำเชิงตำหนิจากทูตไทยในประเทศอังกฤษว่าเป็นคนไทยต้องรู้จักรักษาหน้าตาผู้นำของชาติด้วย โดยต้องให้เกียรติคนไทย ด้วยกัน เพราะถ้าคนไทยไม่รู้จักให้เกียรติคนไทยด้วยกันเองแล้ว ก็ไม่รู้ว่าชาวต่างชาติ คนไหน หรือใครจะมาให้เกียรติเรา โดยนายกฯ ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อไทยและต่างชาติว่าไม่คิดมาก เพราะสุดท้ายคนที่ได้รับความเสียหายเองก็คือผู้กระทำพฤติกรรมดังกล่าวนั่นเอง

ความถ่อยก๊กเสื้อแดงหยุดยั้งรมต.ไม่ได้

นายเทพไท กล่าวถึงพฤติกรรมการต่อต้านรัฐมนตรีลงพื้นที่มีความรุนแรง เพิ่มขึ้น เช่น การปาขวดสิ่งของ หรือระเบิดปิงปองใส่ขบวนของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ถือเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและเกินกว่าเหตุในการแสดงออก ทางการเมือง กลับเป็นการประสงค์ร้ายในการทำร้ายร่างกายหรือให้เกิดความเสียหาย มากกว่า จึงขอให้คนที่ปลุกระดมคนเสื้อแดขึ้นมารับผิดชอบในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย อย่าโยนว่าควบคุมมวลชนไม่ได้ หรือเป็นมือที่สาม ขณะที่เจ้าหน้าที่บ้านเมือง ก็ต้องเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะฝ่ายข่าวต้องหาผู้กระทำการ หรือผู้อยู่เบื้องหลังมาดำเนินคดีให้ได้ ทั้งนี้ ยืนยันว่าแม้พฤติกรรมของคนเสื้อแดงจะก้าวร้าวหรือรุนแรงแต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งการเดินหน้าลงพื้นที่ของรัฐมนตรี เพื่อพบปะชาวบ้านและรับฟังปัญหาเพื่อนำมาแก้ไขและพัฒนาของรัฐมนตีชุดนี้ได้ โดยจะมีการปรับกลยุทธ์ของรัฐมนตรีในการลงพื้นที่ในครั้งต่อไป เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์

เชื่อไข่แม้ว จะถ่อยเถื่อนมากขึ้น

นายเทพไท กล่าวว่ากล่าวว่า ก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์ได้รับคำเตือนจาก หลายฝ่ายว่า ยังมีแผนที่จะโค่นล้มรัฐบาลชุดนี้ โดยพยายามจะรื้อฟื้นระบอบทักษิณ เข้ามาบริหารประเทศต่อ แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่อยากให้ความสนใจ แต่เมื่อมองถึง ภาพองค์รวมของการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ พรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดง ก็ต้องกลับมาทบทวน โดยเฉพาะกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณพยายามใช้สื่อต่างชาติ ให้ข่าวบิดเบือนกดดันประเทศไทยโดยใช้วิธีโลกล้อมประเทศ ซึ่งล่าสุดนิตยสารไทม์ ของสหรัฐอเมริกา มีเนื้อหาดิสเครดิตรัฐบาล มีการพูดถึงการปล่อยข่าวลือ วิพากษ์วิจารณ์การบริหารงานของรัฐบาล การเข้าสู่ตำแหน่งนายกฯ ของนายอภิสิทธิ์ ไม่ชอบธรรม รวมถึงกระบวนการยุติธรรมที่สั่งได้ หรือการมีคุกกลับไว้ขังคนในประเทศไทย เพื่อแลกกับทหารซื้ออาวุธในการป้องกันประเทศ ผูกโยงบิดเบือนไปหมด

รวมถึงกลุ่มคนเสื้อแดงที่ใช้วิธีดิบ ถ่อย เถื่อน ใช้ถ้อยคำหยาบคาย โดยเฉพาะการประชุมสภาฯ ที่มีการชุมนุมจนนักข่าวและตำรวจต้องเบือนหน้าหนี เอามืออุดหู ทนฟังไม่ได้ จึงขอให้สื่อมวลชนไทยจับตาการเคลื่อนไหวขอกลุ่มคนเสื้อแดงว่าจะทวีความรุนแรง วางแผนฟื้นระบอบทักษิณกลับมาอีกครั้ง

ส่วนกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณโฟนอินบนเวทีที่จ.อยุธยาเมื่อคืนวันที่ 14 มี.ค.ว่า จะเห็นพฤติกรรมความฮึกเหิม กระหายอำนาจ เหมือนคนจะลงแดงอำนาจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ประกาศกลับคืนสู่อำนาจทุกวิถีทาง และจะโฟนอินทุกวันที่มีการจัดเวทีชุมนุม ของคนเสื้อแดง ซึ่งล่าสุดก็มีการโฟนอินที่งานวัด วัดบำเพ็ญเหนือ ย่านมีนบุรี ซึ่งสุดท้าย ก็คงไม่แคล้วตามที่ตนเคยพูดว่าพ.ต.ท.ทักษิณคงจะโฟนอินไปตามงานวัดทุดวัด แสดงให้เห็นว่าเป็นการดิ้นสุดชีวิตเพื่อเข้าสู่อำนาจให้ได้ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าไม่กลัว แต่จำเป็นต้องชี้แจงเหตุผล ข้อเท็จจริงที่ถูกบิดเบือน เพื่อให้ประชาชน ได้เข้าใจข้อมูลข่าวสาร วิธีการเช่นนี้ที่ใช้คิดว่าพ.ต.ท.ทักษิณคงกลัวว่านายกฯ จะประสบความสำเร็จในการบริหารประเทศ และกลัวว่าประชาชนจะลืมพ.ต.ท.ทักษิณมากกว่า

แนะ"แม้ว"เลิกป่วนก่อนเงินหมด

ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ตนขอตั้งข้อหาพ.ต.ท.ทักษิณว่าพยายามล้มล้างรัฐบาล โดยมีความพยายามทำทุกวิถีทางทั้งบนดินและใต้ดินผ่านเครื่องมือของกลุ่มคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย ซึ่งสาเหตุที่ พ.ต.ท.ทักษิณต้องดิ้นรน เพราะแนวร่วมของพ.ต.ท.ทักษิณและกลุ่มเสื้อแดงกำลังน้อยลงเรื่อยๆ อีกทั้งมีความพยามลดความน่าเชื่อถือการบริหารประเทศของนายอภิสิทธิ์ โดยพยายามใส่ร้ายนายอภิสิทธิ์และนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ว่า เป็นเด็ก 2 คนที่แก้ปัญหาประเทศไม่ได้ ทั้งที่บุคคลทั้งสองไม่ใช่เด็กแต่เป็นคนที่มีประสบการณ์ เก่ง และเรียนรู้ได้รวดเร็ว รวมถึงประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว

นายสาธิต กล่าวอีกว่า ตนจึงคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณจึงต้องทำทุกทางเพื่อลดน้ำหนักและล้มล้างรัฐบาลชุดนี้ให้ได้ภายใน 2-3 เดือน เพราะถ้ายิ่งอยู่นานไป ทั้งเสื้อแดงและความนิยมของพ.ต.ท.ทักษิณ พรรคเพื่อไทยจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน จึงขอเตือนพ.ต.ท.ทักษิณในฐานะคนไทยด้วยกันว่าควรหยุดพฤติกรรมเหล่านี้ แล้วให้ความร่วมมือและเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม มิฉะนั้น พ.ต.ท.ทักษิณจะตกอยู่ในชะตากรรม เงินก็หมด เพื่อนก็เมิน เดินซัดเซพเนจร เสมือนกับคนวิตกจริต ในอนาคต พ.ต.ท.ทักษิณจึงควรหยุดพฤติกรรมทั้งหมดเพื่อทบทวนตัวเอง

"สุริยะใส"จวกปชป.ล้มเหลวงานมวลชน

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนรักทักษิณมีแนวโน้มใช้ความรุนแรงมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราแรงกระตุ้นจากการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่โฟนอินถี่ขึ้นและมีลักษณะปลุกระดมมวลชนเสื้อแดงตลอดเวลา อีกส่วนหนึ่งเกิดจากความล้มเหลวของรับบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่มียุทธศาสตร์งานมวลชนเชิงรุก หรือใช้งานมวลชน เพื่อแก้ปัญหางานมวลชน ที่ผ่านมารัฐบาลหวังเพียงว่านโยบายที่ดีจะแก้ปัญหามวลชนเสื้อแดงหรือสลายแรงต้านรัฐบาลได้นั้นเป็นวิธีคิดที่ผิดเพราะมีมวลชนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งที่ไม่สนใจถูกผิด แต่ถือเอา พ.ต.ท.ทักษิณ คือความถูกต้อง คนกลุ่มนี้จึงพร้อมก่อความวุ่นวายตลอดเวลา และจะขยายวงมากขึ้นถ้ารัฐบาลเอาแต่ตั้งรับ

นายสุริยะใส กล่าวว่ารัฐบาลต้องจำแนกมวลชนให้ชัดเจนและมีมาตรการแก้ปัญหาคนละชุดกัน นโยบายที่ดีอาจใช้ได้กับมวลชยนพลังเงียบ แต่ไม่มีความหมายกับพลังมวลชนที่ตั้งเป้าล้มรัฐบาล ซึ่งต้องมีวิธีรับมืออีกแบบหนึ่ง วันนี้ต้องยอมรับว่า งานมวลชนของเครือข่ายระบอบทักษิณก้าวหน้าไปไกลกว่ารัฐบาลประชาธิปัตย์หลายช่วงตัว และพรรคประชาธิปัตย์ควรหยุดแย่งอำนาจกันในพรรคได้แล้วถ้ายัง อยากมีอำนาจนานๆ

"การปาระเบิดใส่ขบวนรถนายสุเทพ เป็นการจัดตั้งมาอย่างแน่นอน การออกมาปฏิเสธของแกนนำ นปช.และโยนผิดให้ผูหญิงคนหนึ่งถือเป็นเรื่องน่าละอาย ความรุนแรงครั้งนี้เป็นสัญญาณเตือนรัฐบาลว่าความรุนแรงกำลังเริ่มต้นมากขึ้นเรื่อยๆ และอยากเตือนรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ว่าในยามวิกฤติไม่มีรัฐบาลชุดไหน อยู่ได้ด้วยความเห็นใจและความสงสารจากประชาชน ถ้าไม่ต่อสู้"

ส่วนเหตุที่ พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินถี่ขึ้นนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่ามาจาก 2 ปัจจัยส่วนหนึ่งเพราะแรงบีบจากโลกที่ยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศเริ่มเสื่อมเพราะหลายประเทศรู้เท่าทันและไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ใช้เป็นฐานบัญชาการโจมตีประเทศไทยได้ อีกส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาการนำของกลุ่มเสื้อแดง ที่เริ่มขาดความ ชอบธรรม และยิ่งเคลื่อนยิ่งถูกแรงต้านจากสังคมทำอะไรรัฐบาลได้ยากขึ้น ทำให้ พตท.ทักษิณต้องกระโดดลงมานำเอง เพราะถึงเวลาที่แกนนำ นปช.ตัวจริงต้องออกมาสู้แล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น