ญัตติซักฟอกและยื่นถอดถอน "อภิสิทธิ์" ของ "เฉลิม" ส่อเค้าแท้ง หลังแกนนำและ ส.ส.เพื่อไทยหลายคนไม่เห็นด้วย ระบุเร็วเกินไป แถมยังไม่เห็นความชัดเจนของข้อมูล "เป็ดเหลิม" ยอมรับทึกทักเอาเองว่าพรรคมีมติให้ยื่นอภิปรายฯ อ้างนำเสนอข้อมูลแล้ว ส.ส.ตบมือกันเกรียว ด้าน "สมชาย"ระบุอาจยื่นซักฟอกไม่ทันสมัยประชุมนี้ ขณะที่ ส.ส.หนองบัวลำพู ปูดที่ประชุมเพื่อไทย เบรก 30 ส.ส.เตรียมเดินทางไปพบ "นักโทษชายแม้ว" หวั่นเสียภาพพจน์ที่ลูกพรรคดอดไปพบผู้ต้องหา บ่นคนตระกูล "ชินวัตร" เข้ามาเอี่ยวทำพรรคเดินลำบาก "เทพเทือก" ไม่ให้ราคา "เฉลิม" ยื่นซักฟอก "มาร์ค" ยันยังไม่ได้เซ็นเงินกู้ญี่ปุ่น จึงไม่เข้าข่ายผิด ม.190 รับงงได้รับเงินบริจาค 250 ล้านบาทจาก "ประชัย"
ความพยายามที่จะผลักดันการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจและถอดถอน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่งของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน และประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย และส.ส.บางคน ในวันที่ 11 มี.ค.นี้ ส่อแววล้มไม่เป็นท่าแล้วเมื่อมีแกนนำพรรค และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย หลายคนแสดงความไม่เห็นด้วย
โดย พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วย ที่จะยื่นญัตติอภิปรายฯ ในช่วงกลางเดือนมี.ค. เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่เร็วเกินไป ฝ่ายค้านควรมีเวลาในการ เก็บข้อมูลที่นานกว่านี้ ข้อกล่าวหาในประเด็นการทุจริตนั้นก็ต้องมีหลักฐานชัดเจน
ส่วนกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เสนอที่จะอภิปราย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กรณีเจรจาเงินกู้ญี่ปุ่นกว่า 63,000 ล้านเยนนั้นตนมองว่าการตรวจสอบสามารถทำได้หลายช่องทางไม่ใช่แค่การอภิปรายไม่ไว้วางใจเท่านั้น ยังสามารถยื่นผ่านช่องทางอื่นนอกสภาได้ด้วย เช่น การให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคเพื่อไทยมีรายชื่อบุคคลที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่จะเสนอ ในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือยัง พ.อ.อภิวันท์ กล่าวยอมรับว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยได้เสนอรายชื่อบุคคลมาหลายบุคคลในขณะนี้ ทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน นายมิ่งขัวญ แสงสุวรรณ และตน ซึ่งคงต้องไปลงมติในการประชุมกันอีกครั้ง ส่วนกรณีของตนนั้นรู้สึกยินดีที่สมาชิกในพรรคเสนอชื่อ ทั้งๆ ที่ใจจริงแล้ว ตนไม่อยากเป็นนายกฯ และเห็นว่านายมิ่งขัวญมีความเหมาะสมมากกว่า แต่สุดท้าย หากมติพรรคเพื่อไทยออกมาเป็นอย่างไรตนก็พร้อมปฎิบัติตาม
ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคเพื่อไทยมีมติเรื่องใด คนตระกูลชินวัตรจะเข้าไปมีบทบาท ด้วยหรือไม่ พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า สามารถเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคได้ แต่ไม่ได้มีบทบาทในการตัดสินใจเรื่องใดๆ ในพรรค ซึ่งเรื่องนี้ตนก็เคยพูดว่า แม้จะยังเคารพ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่พรรคก็ต้องมีระบบ มีความเป็นสถาบัน การตัดสินใจเรื่องใดในพรรคก็ต้องผ่านที่ประชุมพรรคเสมอ
เช่นเดียวกัย นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่ ร.ต.อ.เฉลิม เสนอต่อที่ประชุมพรรคในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี นั้น เรื่องดังกล่าวไม่ได้เป็นมติที่ประชุมของพรรคเพื่อไทย เป็นเพียงข้อเสนอของ ร.ต.อ.เฉลิมที่ไม่มีส.ส.พรรคคนใดรับรองหรือปฎิเสธข้อเสนอดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เรื่องการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นจะมีความชัดเจนก็ต่อเมื่อมีมติของพรรค ออกมาเท่านั้น
"สุนัย"เสนอเลื่อนยื่นซักฟอกออกไปก่อน
ด้านนายสุนัย ให้สัมภาษณ์ว่า ตนไม่เห็นด้วยที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพียงประเด็นเดียว ตนเข้าใจว่าเรื่องที่ ร.ต.อ.เฉลิมบอกในที่ประชุมพรรคนั้นเป็นเรื่องที่ท่านมั่นใจ แต่ก็ต้องมีเรื่องอื่นร่วมในการอภิปรายด้วย ตนคิดว่าจะต้องมีเรื่องเกี่ยวกับกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เป็นต้น แต่เนื้อหาหลักเป็นเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งที่รับเงินจาก กลุ่มทุนเพื่อมาโค่นล้มรัฐบาลประชาธิปไตย โดยพรรคประชาธิปัตย์ได้ทำเป็นระบบด้วยการตั้งบริษัทนอมินีเลี้ยงคนไว้กลุ่มหนึ่ง แล้วมีการเรี่ยไรเงินจากบริษัทเพื่อล้มรัฐบาล เรื่องนี้ตนเคยพูดในสภาแล้ว และทำให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ถึงกับฉุน และขู่ว่าจะฟ้องร้อง แต่วันนี้ก็ยังไม่มีการฟ้องร้องเกิดขึ้น
นายสุนัย กล่าวด้วยว่า สาเหตุที่กำหนดวันที่ 11 มี.ค.เป็นวันยื่นญัตตินั้น เป็นสิ่งที่ร.ต.อ.เฉลิมเสนอมาว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม แต่ในทางปฏิบัติอาจจะเลื่อนออกไปได้อีก 10 วันเพื่อเตรียมความพร้อมก็ได้ ซึ่งได้เสนอความเห็นต่อที่ประชุมพรรคไปแล้ว
เชื่อยื่นซักฟอกไม่ทันสมัยประชุมนี้
พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนคิดว่า ควรจะเน้นในเรื่องปัญหาเศรษฐกิจที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถแก้ไขได้ อย่างไรก็ตาม คนที่เหมาะสมที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำฝ่ายค้านในขณะนี้คือ ร.ต.อ.เฉลิม เนื่องจากภาวะการเมืองขณะนี้ต้องการคนที่เป็นนักรบ มีประสบการณ์ เข้ามาเป็นคนนำ เพราะฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์นั้นต้องยอมรับว่า แต่ละคนมีประสบการณ์ ผ่านสนามรบมาเยอะ ดังนั้นสถานการณ์ที่การเมืองเข้มข้นแบบนี้ ร.ต.อ.เฉลิมจึงมีความเหมาะสม แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ในสมัยประชุมนี้คงจะตั้งไม่ทัน
ปธ.วิปฝ่ายค้านย้ำต้องมีข้อมูลชัดเจน
นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.อยุธยา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีว่า การประชุมส.ส.พรรคเมื่อวันที่ 10 ก.พ. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน และประธานส.ส.พรรคระบุว่า ให้พรรคสั่งการได้เลย ตอนนี้พร้อมแล้ว แต่หลักในการปฏิบัตินั้น ต้องตกผลึกในความเห็นพ้องต้องกันทั้งหมดก่อน และข้อเท็จจริงต่างๆ ต้องมีกระบวนการตรวจสอบรายละเอียดก่อน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ควรที่จะเปิดเผย และยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้งอะไรในคณะกรรมการบริหารพรรค
ส่วนเรื่องผู้นำฝ่ายค้านนั้นยังไม่จำเป็น เมื่อถึงเวลานั้นพรรคก็คงพร้อมทุกอย่าง มีแน่นอน เมื่อเงื่อนไขจำเป็นต้องทำตามนั้นพรรคเพื่อไทยก็พร้อม อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าวันนี้พรรคไม่พร้อม แต่เมื่อถึงเวลานั้นจะต้องพร้อมทั้งหลักฐานและตัวบุคคลด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าจะมีผู้นำฝ่ายค้านก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายวิทยา กล่าวว่า แน่นอน ต้องให้ครบ ตนยืนยัน ไม่ได้เกินความสามารถ แต่สำคัญอยู่ตรงที่หลักฐานเกี่ยวกับการบริหารงานของนายอภิสิทธิ์มากกว่า กลัวว่าท่านจะหนีไปก่อนการอภิปรายด้วยซ้ำ เพราะภาระมันเยอะ ส่วนสาเหตุที่ต้องยื่นญัตติในวันทื่ 11 มี.ค.นั้น นายวิทยา กล่าวว่า ฤกษ์ดี แต่รัฐบาลอาจจะไปก่อนก็ได้
"เฉลิม"รับทึกทักยื่นซักฟอกรัฐบาล
ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน และประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในการประชุมวาระพิเศษของพรรคเมื่อวันที่ 10 ก.พ. ไม่ได้บรรจุเรื่อง ญัตติอภิปรายไม้ไว้วางใจอยู่ในวาระ ซึ่งตนได้นำเสนอหลักการกว้างๆ เพื่อยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ประมาณวันที่ 11-12 มี.ค. โดยพรรคมอบหมายให้ตน เป็นประธาน ส.ส. ซึ่งตนได้อธิบายความให้ที่ประชุมฟัง แต่ไม่ได้ชี้แจงถึงรายละเอียด เนื่องจากเกรงว่าข้อมูลจะรั่วไหล แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ไว้วางใจเพื่อนสมาชิก ซึ่งในตอนท้ายตนได้ถามในที่ประชุมว่าใครเห็นด้วยกับตนให้ปรบมือดังๆ ซึ่งเสียงปรบมือก็ดังกระฮึ่มห้อง ตนจึงคิดว่าน่าจะเป็นมติพรรคได้ อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคใหญ่ หากจะนำเรื่องนี้มาหารือกันอีกครั้งก็สามารถทำได้ ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะยังมีเวลาเหลืออีก 1 เดือน
"บางคนบอกว่าจะวิจารณ์เรื่องนโยบาย แต่ผมอยู่สภาฯมานาน ล้มรัฐบาลโดยใช้นโยบายยากต่อการสำเร็จ อย่างที่ผมเคยอภิปรายเรื่อง สปก.4-01 เป็นเรื่องข้อกฎหมาย และหลักฐานคราวนี้ผมมั่นใจว่าดีกว่า สปก.4-01 การอภิปราย ยากมาก จะต้องนำเสนอให้ดีถึงจะเกิดความเข้าใจ เพราะการกระทำครั้งนี้ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน มุมมองของเพื่อนสมาชิกผมต้องฟัง ถ้าสุดท้ายพรรคยังไม่ให้ยื่น ผมก็ไม่โกรธเคือง รอได้ แต่หลักฐานที่ผมมีนั้นให้รัฐบาลบริหารบ้านเมืองต่อไปไม่ได้"
อ้างไม่แตกแยก-ปัดรับเก้าอี้หน.พท.
ร.ต.อ.เฉลิม อ้างว่าหลักฐานที่มีอยู่ในมือนั้นไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากกลัวถูกกล่าวหาว่าข่มขู่รัฐบาล เล่นการเมืองยุคเก่า แต่หากเพื่อนสมาชิกต้องการจะดูข้อมูลตนก็พร้อมจะอธิบายให้ฟัง ไม่มีปัญหา เพราะพรรคประชุมกันทุกอาทิตย์ ยืนยันว่าฝ่ายค้านไม่มีความแตกแยก คนที่ต้องห่วงคือรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ฝ่ายค้านจะเสนอใครมาเป็นผู้นำแทน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ที่ประชุมจะต้องหารือกันอีกครั้ง เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับมติพรรค ตนไม่มีอะไรขัดข้อง หากต้องการให้รัฐบาลบริหารราชการไปก่อนสมัยนี้สมัยหน้าหรือปีหน้าก็ไม่เป็นไร หากพรรคไม่ต้องการให้ยื่นอภิปราย เพราะตนคนเดียวคงไม่สามารถทำได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อพรรคเห็นว่านายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ส.ส.สัดส่วน เก่งเรื่องเศรษฐกิจ จะให้นายมิ่งขวัญเป็นผู้เปิดประเด็นในการอภิปรายตนก็ไม่ขัดข้อง ตนก็จะทำในส่วนของตน เพราะเวลารัฐบาลจะล้มไม่ได้ล้มด้วยคนอภิปราย แต่จะล้มด้วยเนื้อหาสาระ ขอย้ำว่าข้อมูลมีความหนักแน่น ซึ่งใกล้ๆ จะเปิดเผยแน่นอน ขอยืนยันว่าจะไม่รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคและผู้นำฝ่ายค้านอย่างแน่นอน แต่หากจะให้ทำหน้าที่ไปก่อนก็ได้ ซึ่งสาเหตุที่ไม่รับตำแหน่งนั้นมีหลายปัจจัย แต่ไม่ได้เกรงว่าจะมีการยุบพรรค
ผู้สื่อข่าวถามว่าข้อมูลที่มีนั้นจะสามารถเปลี่ยนใจพรรคร่วมรัฐบาลได้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เรื่องนี้พูดยาก แต่การอภิปรายครั้งนี้ตนเห็นว่าเป็นเรื่องของ กรรมเก่า
แฉ ส.ส.ไม่เห็นด้วยรีบยื่นอภิปราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมส.ส.พรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 10 ก.พ. ที่ผ่านมา มีการพิจารณาระเบียบวาระการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจซึ่งร.ต.อ.เฉลิมเป็นผู้เสนอ โดยหลังจากที่ร.ต.อ.เฉลิมได้อภิปรายถึงข้อมูลหลักฐานที่มีอยู่อย่างกว้างขวางแล้ว ปรากฏว่าทั้งนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน นายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน และนายสงวน พรหมมณี ส.ส.ลำพูน ได้ลุกขึ้นอภิปรายเพิ่มเติมโดยมีท่าที ที่ไม่เห็นด้วยเพราะสถานการณ์ยังไม่สุกงอม โดยนายสุนัย เห็นว่า ข้อมูลที่ร.ต.อ.เฉลิม นำมาเสนอนั้นเป็นเรื่องเก่า อยากให้อภิปรายกรณีของ รมว.ต่างประเทศ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และรองนายกฯฝ่ายความมั่นคงมากกว่า ซึ่งในที่สุด ที่ประชุมก็ไม่ได้มีมติให้ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ
เบรก30ส.ส.แห่พบนักโทษชาย"แม้ว"
นายไชยา พรหมมา ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในการประชุมพรรคเพื่อไทย ในวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมาที่ประชุมยังได้ท้วงติงกรณีที่มีข่าวว่า 30 ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย จะเดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วย เพราะเหมือนเป็นการลักลอบไปพบผู้ต้องหาในประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ ส.ส.บางคนในพรรคไม่สบายใจ ขอร้องว่าจะทำอะไรก็อย่าให้ส่งผลกระทบต่อพรรค และเห็นว่าไม่เป็นผลดีกับพรรค แต่หากจะไปเยี่ยมเป็นการส่วนตัวก็ไปได้แบบเงียบๆ ไม่ควรออกมาพูดเป็นข่าวเช่นนี้ เพราะการเคารพรัก ผูกพันกับพ.ต.ท.ทักษิณนั้นมีได้ทุกคน แต่ถึงวันนี้ต้องร่วมกันสร้างพรรคให้เป็นสถาบันการเมืองที่แท้จริง จึงควรรักษาระยะห่างของความรักและความศรัทธาต่อท่าน
บ่น"คนชินวัตร"เอี่ยวทำเดินลำบาก
นายไชยา กล่าวว่า วันนี้การจะขับเคลื่อนหรือทำอะไรนั้นจะต้องระมัดระวังเรื่องที่จะส่งผลกระทบต่อพรรคโดยรวม เพราะกำลังเป็นเป้าในการถูกจ้องทำลาย ยิ่งการที่น้องๆของพ.ต.ท.ทักษิณออกมาเคลื่อนไหวร่วมกิจกรรมกับพรรคอย่างชัดเจน จะยิ่งทำให้การเมืองของพรรคในอนาคตเดินลำบาก อาจถูกมองว่าเป็นพรรคของ ครอบครัว ซึ่งตอนนี้พรรคกำลังปรับยุทธศาสตร์และบทบาทของพรรคอยู่ ดังนั้นจึงอยากให้พรรคเพื่อไทยเป็นสถาบันที่เป็นที่พึ่งของประชาชน
"สุเทพ"ไม่ให้ราคา"เหลิม"ซักฟอก
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี พรรคฝ่ายค้าน เตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจประเด็นการฟอกเงินบริจาคของพรรคประชาธิปัตย์ว่า ตนพูดไปเดี๋ยวร.ต.อ.เฉลิม จะโกรธเอา เพราะตนไม่ค่อยเชื่อ ร.ต.อ.เฉลิมอยู่แล้ว ให้เขายื่นมาก่อนค่อยตอบชี้แจง
ผู้สื่อข่าวถามว่ามองว่าฝ่ายค้านอภิปรายครั้งนี้ไม่ค่อยมีน้ำหนักใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า อย่าไปปรามาศเขาอย่างนั้นเดี๋ยวเขาจะเสียใจเอา ให้เขายื่นญัตติมาก่อนค่อยเรียนให้ทราบก่อนว่าจะทำยังไง เมื่อถามว่าข้อมูลนี้สร้างความกระทบกระเทือนให้พรรคหรือไม่ นายสุเทพ ยืนยันว่า ไม่มี สบายใจได้ ในยุคที่นายอภิสิทธิ์ เป็นหัวหน้าพรรคและตนเป็นเลขาธิการพรรคฯ ไม่กลัวเลย อย่างไรก็ตามตอนนี้ยังไม่ต้องเตรียมการอะไร เพราะยังไม่รู้ว่าฝ่ายค้านจะยื่นจริงหรือไม่ ส่วนที่ว่า ยื่นเร็วเกินไปหรือไม่ ถ้าเขาเห็นว่าเหมาะสมอย่างไรก็เป็นสิทธิของฝ่ายค้าน เพราะการต่อสู่ในสภา ตนไม่กลัว
"ผมสู้ประเภทนอกสภาน่ากลัวกว่า เพราะการพูดในสภาเราได้ชี้แจงให้ประชาชนฟัง ให้ข้อมูลประชาชนทุกแง่ทุกมุม ประชาชนจะวินิจฉัยได้ ฉะนั้นจะตั้งกระทู้สด กระทู้ธรรมดา เสนอเป็นญัติติ อภิปรายเป็นรายคณะหรือเป็นรายบุคคลก็ดีทั้งนั้นเป็นขวนการประชาธิปไตยในรัฐสภา"
ผู้สื่อข่าวถามว่าในการประชุมพรรคประชาธิปัตย์โฆษกพรรควิเคราะห์ว่า ฝ่ายค้านเดินเกมเป็นขบวนการทั้งในและนอกสภาเพื่อกดดันให้ออกกฎหมาย นิรโทษกรรม นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคงไม่วิเคราะห์ต่อ ให้ต่างคนต่างวิเคราะห์กันไป เห็นว่ากระบวนการของพรรคเพื่อไทยทำมีความสอดคล้องกัน ทุกกระบวนการนั้นมุ่งเป้าเพื่อทำให้บ้านเมืองวุ่นวายเพื่อให้รัฐบาลดูขาดความน่าเชื่อถือ ในการบริหารราชการบ้านเมืองแค่นั้นเอง แต่ตนอยากจะขออย่างเดียว ถ้าพูดกันได้แล้วเขาฟัง หรือถ้าประชาชนช่วยพูดกับเขาได้ แล้วเขาฟังว่าช่วงนี้จนถึงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนซัมมิท ไม่ควรจะทำให้วุ่นวาย ประชาชนทุกคนต้องร่วมกันเป็นเจ้าภาพการประชุมอาเซียน ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ เป็นผลได้ ผลเสียของประชาชนทั้งชาติ หวังว่าเขาจะคงยั้งคิดได้ หากเขาคิดไม่ได้ก็แล้วแต่ พี่น้องประชาชนจะเห็นว่าเป็นอย่างไร
"มาร์ค"งงเงิน250ล้านจาก"ประชัย"
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความพยายามของพรรเพื่อไทย ที่จะโยงเงิน 250 ล้านบาทที่โอนเข้าบัญชีคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีเพื่อใช้ ในการเลือกตั้งและเคลื่อนไหวทางการเมืองว่า ยังไม่ทราบว่าหมายถึงอะไร และยังไม่เข้าใจว่าเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งคงเป็นไปไม่ได้ เพราะบัญชีตนและบัญชีคนใกล้ชิด คือใครยังไม่ทราบ
ผู้สื่อข่าวจึงบอกว่ามีการอ้างว่ามีการโอนเงินผ่านบริษัทประชาสัมพันธ์ซึ่งมีที่อยู่เป็นบ้านเลขที่แกนนกพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ คงไม่ใช่ตน และนึกไม่ออก คงต้องรอฟังข้อมูลของผ่ายค้าน
ส่วนมีความเกี่ยวกันอย่างไรกับ นายประชัย เลี้ยวไพรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคมัฌชิมาธิปไตย ผู้บริหาร บริษัท พีทีไอโพลีน จำกัด เพราะมีการอ้างว่าเป็นผู้บริจาคเงินดังกล่าว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มี คงต้องดูข้อมูลของฝ่ายค้านและจะชี้แจงต่อไป
"คงต้องฟังข้อมูลจากฝ่ายค้านก่อน ผมนึกไม่ออกว่าใครใกล้ชิดกับนายกฯ อย่างไร แต่ยืนยันว่าสามารถชี้แจงในสภาได้"
ยันยังไม่ได้เซ็นเงินกู้ญี่ปุ่น
ส่วนที่ฝ่ายค้านจะยื่นถอดถอนออกจากนายกรัฐมนตรี เรื่องที่ไปกู้เงินสร้าง รถไฟฟ้าสายสีแดงนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า งบประมาณในการสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง ตนไม่ได้ทำขัดรัฐธรรมนูญ เนื่องจากยังไม่มีการลงนามในสัญญา และตนไม่ได้อยู่ในกระบวนการเจรจา จากการเดินทางไปพบนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ซึ่งเขาก็พร้อมอนุมัติให้ดำเนินการรถไฟฟ้าสายสีแดงเท่านั้นเอง อย่างไรก็ตาม เงินกู้อย่างต่อเนื่องนี้จะต้องให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาดำเนินการ ต่อข้อถามว่า ป็นห่วงหรือไม่ว่าพรรคจะถูกโจมตีการซื้อเสียง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดของใบเหลืองใบแดง เข้าใจว่าต้องมีการพิจารณาที่กฎษฎีกา ซึ่งตนเพิ่งจะทราบข่าว
ยันเจรจากู้เงินไม่ขัดรธน.มาตรา190
นายทิวา เงินยวง ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ และกรรมการที่ปรึกษาด้าน กฎหมายนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการที่พรรคเพื่อไทย เตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ และถอดถอนนายกรัฐมนตรี เนื่องจากกระทำการขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 วรรค 2 เพราะไปเจรจากู้เงินจากญี่ปุ่นเพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภานั้น กรณีดังกล่าวไม่ถือว่านายกรัฐมนตรี กระทำการขัดรัฐธรรมนูญ เพราะอยู่ในขั้นการเจรจา และยังไม่ได้ดำเนินการกู้เงินใดๆ
"พรรคเพื่อไทยจะยื่นอภิปราย หรือถอดถอนนายกฯก็เป็นสิทธิ์ทำได้ตามรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อยังไม่มีการกู้เกิดขึ้นก็ไม่สามารถดำเนินการได้ หรือแม้จะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความก็ทำไม่ได้ เพราะกรณียังไม่เกิด และยังไม่ใช่ข้อขัดแย้งตามรัฐธรรมนูญ"
นายทิวา กล่าวว่า กรณีการทำสัญญากู้เงินต่างประเทศจะเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 วรรค 2 ตามที่มีส.ส.พรรคเพื่อไทยตั้งข้อสังเกตหรือไม่นั้น ประเด็นดังกล่าวคณะกรรมการที่ปรึกษากฎหมายนายกรัฐมนตรีได้เตรียมเสนอ ร่างพ.ร.บ.ขั้นตอนและวิธีการจัดทำหนังสือสัญญา พ.ศ.... ที่ผ่านการพิจารณาในชั้นคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้วเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาก่อนเสนอเข้า ครม.และพิจารณาในสภาฯต่อไป
"กฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายเร่งด่วนที่จะต้องทำให้เสร็จใน 1 ปี แต่ค้างมาในรัฐบาลที่แล้ว โดยร่างกฎหมายฉบับนี้จะลดปัญหาข้อจุกจิก หรือเกิดกรณีปัญหาซ้ำรอยกับเรื่องบันทึกข้อตกลงในกรณีเขาพระวิหารของรัฐบาลที่ผ่านมา โดยสาระได้ระบุความหมายของหนังสือสัญญา และข้อยกเว้นของสัญญากับต่างประเทศระหว่างรัฐบาลไทย ราชอาณาจักรไทย กับรัฐบาลต่างประเทศ และต่างประเทศ หรือองค์กรระหว่างประเทศว่ามีประเภทใดบ้างที่ได้ข้อยกเว้น อาทิ หนังสือสัญญากู้เงิน ค้ำประกันเงินกู้ที่รัฐบาลไทย ซึ่งขั้นตอนกฎหมายได้ให้อำนาจไว้เป็นการเฉพาะหรือเป็นการทั่วไป เพราะเป็นกรณีที่มีกฎหมายให้อำนาจดำเนินการเป็นการเฉพาะอยู่แล้ว ดังนั้นการกู้เงินจึงยกเว้น"
ย้อนตอนมีอำนาจทำไมไม่จัดการ
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ ร.ต.อ.เฉลิม มั่นใจข้อมูลการฟอกเงินของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีนักธุรกิจบริจาค ให้พรรคนั้น ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องระบุให้ชัดเจนว่านายกรัฐมนตรี ไปเกี่ยวข้องอย่างไร เพราะการอภิปรายฯต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน
"ฟังดูเหมือนกับเรื่องเกิดมาหลายปีแล้วตั้งแต่ 5-6 ปีแล้ว ก็อยู่ที่ข้อเท็จจริง ไม่ได้มีปัญหาเลย เอาเข้าจริงตอนช่วงที่เกิดเรื่อง ฝ่ายค้านก็เป็นรัฐบาลอยู่ คุณเฉลิม ก็เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย ถ้าเห็นว่าผิดจริงทำไมไม่ดำเนินการตอนนั้น ถ้าทำไปทำมา ท่านอภิปรายในสภา เราก็จะถามท่านว่า ตอนนั้นก็มีข้อมูลอยู่พร้อม ท่านมีอำนาจ ตามกฏหมายในตอนนี้ ทำไมไม่ดำเนินการถือว่าละเว้น การปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้เรื่องมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร"
"สดศรี"รับลูกพท.สอบเงินปชป.
นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า กกต.พร้อม ตรวจสอบเรื่องเงินบริจาคของพรรคประชาธิปัตย์ตามที่พรรคเพื่อไทยออกมาระบุว่า มีอดีตนักการเมืองบริจาคเงิน 250 ล้านบาทผ่านบริษัทและญาติพี่น้องของ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ โดยหากมีการร้องเรียนเข้ามา เชื่อว่าจะสามารถ ตรวจสอบย้อนหลังถึงมีมาของเงินบริจาคได้ด้วยการร่วมมือกับ ปปง. ตรวจที่มาของเงิน แต่ทั้งนี้จะต้องมีผู้ร้องเข้ามาก่อน กกต.จึงจะมีอำนาจเข้าไปตรวจสอบ
ความพยายามที่จะผลักดันการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจและถอดถอน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่งของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน และประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย และส.ส.บางคน ในวันที่ 11 มี.ค.นี้ ส่อแววล้มไม่เป็นท่าแล้วเมื่อมีแกนนำพรรค และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย หลายคนแสดงความไม่เห็นด้วย
โดย พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วย ที่จะยื่นญัตติอภิปรายฯ ในช่วงกลางเดือนมี.ค. เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่เร็วเกินไป ฝ่ายค้านควรมีเวลาในการ เก็บข้อมูลที่นานกว่านี้ ข้อกล่าวหาในประเด็นการทุจริตนั้นก็ต้องมีหลักฐานชัดเจน
ส่วนกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย เสนอที่จะอภิปราย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กรณีเจรจาเงินกู้ญี่ปุ่นกว่า 63,000 ล้านเยนนั้นตนมองว่าการตรวจสอบสามารถทำได้หลายช่องทางไม่ใช่แค่การอภิปรายไม่ไว้วางใจเท่านั้น ยังสามารถยื่นผ่านช่องทางอื่นนอกสภาได้ด้วย เช่น การให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคเพื่อไทยมีรายชื่อบุคคลที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่จะเสนอ ในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือยัง พ.อ.อภิวันท์ กล่าวยอมรับว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยได้เสนอรายชื่อบุคคลมาหลายบุคคลในขณะนี้ ทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน นายมิ่งขัวญ แสงสุวรรณ และตน ซึ่งคงต้องไปลงมติในการประชุมกันอีกครั้ง ส่วนกรณีของตนนั้นรู้สึกยินดีที่สมาชิกในพรรคเสนอชื่อ ทั้งๆ ที่ใจจริงแล้ว ตนไม่อยากเป็นนายกฯ และเห็นว่านายมิ่งขัวญมีความเหมาะสมมากกว่า แต่สุดท้าย หากมติพรรคเพื่อไทยออกมาเป็นอย่างไรตนก็พร้อมปฎิบัติตาม
ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคเพื่อไทยมีมติเรื่องใด คนตระกูลชินวัตรจะเข้าไปมีบทบาท ด้วยหรือไม่ พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า สามารถเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคได้ แต่ไม่ได้มีบทบาทในการตัดสินใจเรื่องใดๆ ในพรรค ซึ่งเรื่องนี้ตนก็เคยพูดว่า แม้จะยังเคารพ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แต่พรรคก็ต้องมีระบบ มีความเป็นสถาบัน การตัดสินใจเรื่องใดในพรรคก็ต้องผ่านที่ประชุมพรรคเสมอ
เช่นเดียวกัย นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่ ร.ต.อ.เฉลิม เสนอต่อที่ประชุมพรรคในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี นั้น เรื่องดังกล่าวไม่ได้เป็นมติที่ประชุมของพรรคเพื่อไทย เป็นเพียงข้อเสนอของ ร.ต.อ.เฉลิมที่ไม่มีส.ส.พรรคคนใดรับรองหรือปฎิเสธข้อเสนอดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เรื่องการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้นจะมีความชัดเจนก็ต่อเมื่อมีมติของพรรค ออกมาเท่านั้น
"สุนัย"เสนอเลื่อนยื่นซักฟอกออกไปก่อน
ด้านนายสุนัย ให้สัมภาษณ์ว่า ตนไม่เห็นด้วยที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพียงประเด็นเดียว ตนเข้าใจว่าเรื่องที่ ร.ต.อ.เฉลิมบอกในที่ประชุมพรรคนั้นเป็นเรื่องที่ท่านมั่นใจ แต่ก็ต้องมีเรื่องอื่นร่วมในการอภิปรายด้วย ตนคิดว่าจะต้องมีเรื่องเกี่ยวกับกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เป็นต้น แต่เนื้อหาหลักเป็นเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งที่รับเงินจาก กลุ่มทุนเพื่อมาโค่นล้มรัฐบาลประชาธิปไตย โดยพรรคประชาธิปัตย์ได้ทำเป็นระบบด้วยการตั้งบริษัทนอมินีเลี้ยงคนไว้กลุ่มหนึ่ง แล้วมีการเรี่ยไรเงินจากบริษัทเพื่อล้มรัฐบาล เรื่องนี้ตนเคยพูดในสภาแล้ว และทำให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ถึงกับฉุน และขู่ว่าจะฟ้องร้อง แต่วันนี้ก็ยังไม่มีการฟ้องร้องเกิดขึ้น
นายสุนัย กล่าวด้วยว่า สาเหตุที่กำหนดวันที่ 11 มี.ค.เป็นวันยื่นญัตตินั้น เป็นสิ่งที่ร.ต.อ.เฉลิมเสนอมาว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม แต่ในทางปฏิบัติอาจจะเลื่อนออกไปได้อีก 10 วันเพื่อเตรียมความพร้อมก็ได้ ซึ่งได้เสนอความเห็นต่อที่ประชุมพรรคไปแล้ว
เชื่อยื่นซักฟอกไม่ทันสมัยประชุมนี้
พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนคิดว่า ควรจะเน้นในเรื่องปัญหาเศรษฐกิจที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่สามารถแก้ไขได้ อย่างไรก็ตาม คนที่เหมาะสมที่จะขึ้นมาเป็นผู้นำฝ่ายค้านในขณะนี้คือ ร.ต.อ.เฉลิม เนื่องจากภาวะการเมืองขณะนี้ต้องการคนที่เป็นนักรบ มีประสบการณ์ เข้ามาเป็นคนนำ เพราะฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์นั้นต้องยอมรับว่า แต่ละคนมีประสบการณ์ ผ่านสนามรบมาเยอะ ดังนั้นสถานการณ์ที่การเมืองเข้มข้นแบบนี้ ร.ต.อ.เฉลิมจึงมีความเหมาะสม แต่การอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น ในสมัยประชุมนี้คงจะตั้งไม่ทัน
ปธ.วิปฝ่ายค้านย้ำต้องมีข้อมูลชัดเจน
นายวิทยา บุรณศิริ ส.ส.อยุธยา พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีว่า การประชุมส.ส.พรรคเมื่อวันที่ 10 ก.พ. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน และประธานส.ส.พรรคระบุว่า ให้พรรคสั่งการได้เลย ตอนนี้พร้อมแล้ว แต่หลักในการปฏิบัตินั้น ต้องตกผลึกในความเห็นพ้องต้องกันทั้งหมดก่อน และข้อเท็จจริงต่างๆ ต้องมีกระบวนการตรวจสอบรายละเอียดก่อน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ควรที่จะเปิดเผย และยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้งอะไรในคณะกรรมการบริหารพรรค
ส่วนเรื่องผู้นำฝ่ายค้านนั้นยังไม่จำเป็น เมื่อถึงเวลานั้นพรรคก็คงพร้อมทุกอย่าง มีแน่นอน เมื่อเงื่อนไขจำเป็นต้องทำตามนั้นพรรคเพื่อไทยก็พร้อม อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าวันนี้พรรคไม่พร้อม แต่เมื่อถึงเวลานั้นจะต้องพร้อมทั้งหลักฐานและตัวบุคคลด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าจะมีผู้นำฝ่ายค้านก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายวิทยา กล่าวว่า แน่นอน ต้องให้ครบ ตนยืนยัน ไม่ได้เกินความสามารถ แต่สำคัญอยู่ตรงที่หลักฐานเกี่ยวกับการบริหารงานของนายอภิสิทธิ์มากกว่า กลัวว่าท่านจะหนีไปก่อนการอภิปรายด้วยซ้ำ เพราะภาระมันเยอะ ส่วนสาเหตุที่ต้องยื่นญัตติในวันทื่ 11 มี.ค.นั้น นายวิทยา กล่าวว่า ฤกษ์ดี แต่รัฐบาลอาจจะไปก่อนก็ได้
"เฉลิม"รับทึกทักยื่นซักฟอกรัฐบาล
ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน และประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในการประชุมวาระพิเศษของพรรคเมื่อวันที่ 10 ก.พ. ไม่ได้บรรจุเรื่อง ญัตติอภิปรายไม้ไว้วางใจอยู่ในวาระ ซึ่งตนได้นำเสนอหลักการกว้างๆ เพื่อยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ประมาณวันที่ 11-12 มี.ค. โดยพรรคมอบหมายให้ตน เป็นประธาน ส.ส. ซึ่งตนได้อธิบายความให้ที่ประชุมฟัง แต่ไม่ได้ชี้แจงถึงรายละเอียด เนื่องจากเกรงว่าข้อมูลจะรั่วไหล แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ไว้วางใจเพื่อนสมาชิก ซึ่งในตอนท้ายตนได้ถามในที่ประชุมว่าใครเห็นด้วยกับตนให้ปรบมือดังๆ ซึ่งเสียงปรบมือก็ดังกระฮึ่มห้อง ตนจึงคิดว่าน่าจะเป็นมติพรรคได้ อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคใหญ่ หากจะนำเรื่องนี้มาหารือกันอีกครั้งก็สามารถทำได้ ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เพราะยังมีเวลาเหลืออีก 1 เดือน
"บางคนบอกว่าจะวิจารณ์เรื่องนโยบาย แต่ผมอยู่สภาฯมานาน ล้มรัฐบาลโดยใช้นโยบายยากต่อการสำเร็จ อย่างที่ผมเคยอภิปรายเรื่อง สปก.4-01 เป็นเรื่องข้อกฎหมาย และหลักฐานคราวนี้ผมมั่นใจว่าดีกว่า สปก.4-01 การอภิปราย ยากมาก จะต้องนำเสนอให้ดีถึงจะเกิดความเข้าใจ เพราะการกระทำครั้งนี้ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน มุมมองของเพื่อนสมาชิกผมต้องฟัง ถ้าสุดท้ายพรรคยังไม่ให้ยื่น ผมก็ไม่โกรธเคือง รอได้ แต่หลักฐานที่ผมมีนั้นให้รัฐบาลบริหารบ้านเมืองต่อไปไม่ได้"
อ้างไม่แตกแยก-ปัดรับเก้าอี้หน.พท.
ร.ต.อ.เฉลิม อ้างว่าหลักฐานที่มีอยู่ในมือนั้นไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากกลัวถูกกล่าวหาว่าข่มขู่รัฐบาล เล่นการเมืองยุคเก่า แต่หากเพื่อนสมาชิกต้องการจะดูข้อมูลตนก็พร้อมจะอธิบายให้ฟัง ไม่มีปัญหา เพราะพรรคประชุมกันทุกอาทิตย์ ยืนยันว่าฝ่ายค้านไม่มีความแตกแยก คนที่ต้องห่วงคือรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ฝ่ายค้านจะเสนอใครมาเป็นผู้นำแทน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ที่ประชุมจะต้องหารือกันอีกครั้ง เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับมติพรรค ตนไม่มีอะไรขัดข้อง หากต้องการให้รัฐบาลบริหารราชการไปก่อนสมัยนี้สมัยหน้าหรือปีหน้าก็ไม่เป็นไร หากพรรคไม่ต้องการให้ยื่นอภิปราย เพราะตนคนเดียวคงไม่สามารถทำได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อพรรคเห็นว่านายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ส.ส.สัดส่วน เก่งเรื่องเศรษฐกิจ จะให้นายมิ่งขวัญเป็นผู้เปิดประเด็นในการอภิปรายตนก็ไม่ขัดข้อง ตนก็จะทำในส่วนของตน เพราะเวลารัฐบาลจะล้มไม่ได้ล้มด้วยคนอภิปราย แต่จะล้มด้วยเนื้อหาสาระ ขอย้ำว่าข้อมูลมีความหนักแน่น ซึ่งใกล้ๆ จะเปิดเผยแน่นอน ขอยืนยันว่าจะไม่รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคและผู้นำฝ่ายค้านอย่างแน่นอน แต่หากจะให้ทำหน้าที่ไปก่อนก็ได้ ซึ่งสาเหตุที่ไม่รับตำแหน่งนั้นมีหลายปัจจัย แต่ไม่ได้เกรงว่าจะมีการยุบพรรค
ผู้สื่อข่าวถามว่าข้อมูลที่มีนั้นจะสามารถเปลี่ยนใจพรรคร่วมรัฐบาลได้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เรื่องนี้พูดยาก แต่การอภิปรายครั้งนี้ตนเห็นว่าเป็นเรื่องของ กรรมเก่า
แฉ ส.ส.ไม่เห็นด้วยรีบยื่นอภิปราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมส.ส.พรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 10 ก.พ. ที่ผ่านมา มีการพิจารณาระเบียบวาระการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจซึ่งร.ต.อ.เฉลิมเป็นผู้เสนอ โดยหลังจากที่ร.ต.อ.เฉลิมได้อภิปรายถึงข้อมูลหลักฐานที่มีอยู่อย่างกว้างขวางแล้ว ปรากฏว่าทั้งนายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน นายวิทยา บุรณศิริ ประธานวิปฝ่ายค้าน และนายสงวน พรหมมณี ส.ส.ลำพูน ได้ลุกขึ้นอภิปรายเพิ่มเติมโดยมีท่าที ที่ไม่เห็นด้วยเพราะสถานการณ์ยังไม่สุกงอม โดยนายสุนัย เห็นว่า ข้อมูลที่ร.ต.อ.เฉลิม นำมาเสนอนั้นเป็นเรื่องเก่า อยากให้อภิปรายกรณีของ รมว.ต่างประเทศ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และรองนายกฯฝ่ายความมั่นคงมากกว่า ซึ่งในที่สุด ที่ประชุมก็ไม่ได้มีมติให้ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ
เบรก30ส.ส.แห่พบนักโทษชาย"แม้ว"
นายไชยา พรหมมา ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในการประชุมพรรคเพื่อไทย ในวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมาที่ประชุมยังได้ท้วงติงกรณีที่มีข่าวว่า 30 ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย จะเดินทางไปพบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วย เพราะเหมือนเป็นการลักลอบไปพบผู้ต้องหาในประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ ส.ส.บางคนในพรรคไม่สบายใจ ขอร้องว่าจะทำอะไรก็อย่าให้ส่งผลกระทบต่อพรรค และเห็นว่าไม่เป็นผลดีกับพรรค แต่หากจะไปเยี่ยมเป็นการส่วนตัวก็ไปได้แบบเงียบๆ ไม่ควรออกมาพูดเป็นข่าวเช่นนี้ เพราะการเคารพรัก ผูกพันกับพ.ต.ท.ทักษิณนั้นมีได้ทุกคน แต่ถึงวันนี้ต้องร่วมกันสร้างพรรคให้เป็นสถาบันการเมืองที่แท้จริง จึงควรรักษาระยะห่างของความรักและความศรัทธาต่อท่าน
บ่น"คนชินวัตร"เอี่ยวทำเดินลำบาก
นายไชยา กล่าวว่า วันนี้การจะขับเคลื่อนหรือทำอะไรนั้นจะต้องระมัดระวังเรื่องที่จะส่งผลกระทบต่อพรรคโดยรวม เพราะกำลังเป็นเป้าในการถูกจ้องทำลาย ยิ่งการที่น้องๆของพ.ต.ท.ทักษิณออกมาเคลื่อนไหวร่วมกิจกรรมกับพรรคอย่างชัดเจน จะยิ่งทำให้การเมืองของพรรคในอนาคตเดินลำบาก อาจถูกมองว่าเป็นพรรคของ ครอบครัว ซึ่งตอนนี้พรรคกำลังปรับยุทธศาสตร์และบทบาทของพรรคอยู่ ดังนั้นจึงอยากให้พรรคเพื่อไทยเป็นสถาบันที่เป็นที่พึ่งของประชาชน
"สุเทพ"ไม่ให้ราคา"เหลิม"ซักฟอก
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี พรรคฝ่ายค้าน เตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจประเด็นการฟอกเงินบริจาคของพรรคประชาธิปัตย์ว่า ตนพูดไปเดี๋ยวร.ต.อ.เฉลิม จะโกรธเอา เพราะตนไม่ค่อยเชื่อ ร.ต.อ.เฉลิมอยู่แล้ว ให้เขายื่นมาก่อนค่อยตอบชี้แจง
ผู้สื่อข่าวถามว่ามองว่าฝ่ายค้านอภิปรายครั้งนี้ไม่ค่อยมีน้ำหนักใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า อย่าไปปรามาศเขาอย่างนั้นเดี๋ยวเขาจะเสียใจเอา ให้เขายื่นญัตติมาก่อนค่อยเรียนให้ทราบก่อนว่าจะทำยังไง เมื่อถามว่าข้อมูลนี้สร้างความกระทบกระเทือนให้พรรคหรือไม่ นายสุเทพ ยืนยันว่า ไม่มี สบายใจได้ ในยุคที่นายอภิสิทธิ์ เป็นหัวหน้าพรรคและตนเป็นเลขาธิการพรรคฯ ไม่กลัวเลย อย่างไรก็ตามตอนนี้ยังไม่ต้องเตรียมการอะไร เพราะยังไม่รู้ว่าฝ่ายค้านจะยื่นจริงหรือไม่ ส่วนที่ว่า ยื่นเร็วเกินไปหรือไม่ ถ้าเขาเห็นว่าเหมาะสมอย่างไรก็เป็นสิทธิของฝ่ายค้าน เพราะการต่อสู่ในสภา ตนไม่กลัว
"ผมสู้ประเภทนอกสภาน่ากลัวกว่า เพราะการพูดในสภาเราได้ชี้แจงให้ประชาชนฟัง ให้ข้อมูลประชาชนทุกแง่ทุกมุม ประชาชนจะวินิจฉัยได้ ฉะนั้นจะตั้งกระทู้สด กระทู้ธรรมดา เสนอเป็นญัติติ อภิปรายเป็นรายคณะหรือเป็นรายบุคคลก็ดีทั้งนั้นเป็นขวนการประชาธิปไตยในรัฐสภา"
ผู้สื่อข่าวถามว่าในการประชุมพรรคประชาธิปัตย์โฆษกพรรควิเคราะห์ว่า ฝ่ายค้านเดินเกมเป็นขบวนการทั้งในและนอกสภาเพื่อกดดันให้ออกกฎหมาย นิรโทษกรรม นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคงไม่วิเคราะห์ต่อ ให้ต่างคนต่างวิเคราะห์กันไป เห็นว่ากระบวนการของพรรคเพื่อไทยทำมีความสอดคล้องกัน ทุกกระบวนการนั้นมุ่งเป้าเพื่อทำให้บ้านเมืองวุ่นวายเพื่อให้รัฐบาลดูขาดความน่าเชื่อถือ ในการบริหารราชการบ้านเมืองแค่นั้นเอง แต่ตนอยากจะขออย่างเดียว ถ้าพูดกันได้แล้วเขาฟัง หรือถ้าประชาชนช่วยพูดกับเขาได้ แล้วเขาฟังว่าช่วงนี้จนถึงการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนซัมมิท ไม่ควรจะทำให้วุ่นวาย ประชาชนทุกคนต้องร่วมกันเป็นเจ้าภาพการประชุมอาเซียน ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ เป็นผลได้ ผลเสียของประชาชนทั้งชาติ หวังว่าเขาจะคงยั้งคิดได้ หากเขาคิดไม่ได้ก็แล้วแต่ พี่น้องประชาชนจะเห็นว่าเป็นอย่างไร
"มาร์ค"งงเงิน250ล้านจาก"ประชัย"
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความพยายามของพรรเพื่อไทย ที่จะโยงเงิน 250 ล้านบาทที่โอนเข้าบัญชีคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีเพื่อใช้ ในการเลือกตั้งและเคลื่อนไหวทางการเมืองว่า ยังไม่ทราบว่าหมายถึงอะไร และยังไม่เข้าใจว่าเรื่องอะไรบ้าง ซึ่งคงเป็นไปไม่ได้ เพราะบัญชีตนและบัญชีคนใกล้ชิด คือใครยังไม่ทราบ
ผู้สื่อข่าวจึงบอกว่ามีการอ้างว่ามีการโอนเงินผ่านบริษัทประชาสัมพันธ์ซึ่งมีที่อยู่เป็นบ้านเลขที่แกนนกพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ คงไม่ใช่ตน และนึกไม่ออก คงต้องรอฟังข้อมูลของผ่ายค้าน
ส่วนมีความเกี่ยวกันอย่างไรกับ นายประชัย เลี้ยวไพรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคมัฌชิมาธิปไตย ผู้บริหาร บริษัท พีทีไอโพลีน จำกัด เพราะมีการอ้างว่าเป็นผู้บริจาคเงินดังกล่าว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มี คงต้องดูข้อมูลของฝ่ายค้านและจะชี้แจงต่อไป
"คงต้องฟังข้อมูลจากฝ่ายค้านก่อน ผมนึกไม่ออกว่าใครใกล้ชิดกับนายกฯ อย่างไร แต่ยืนยันว่าสามารถชี้แจงในสภาได้"
ยันยังไม่ได้เซ็นเงินกู้ญี่ปุ่น
ส่วนที่ฝ่ายค้านจะยื่นถอดถอนออกจากนายกรัฐมนตรี เรื่องที่ไปกู้เงินสร้าง รถไฟฟ้าสายสีแดงนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า งบประมาณในการสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง ตนไม่ได้ทำขัดรัฐธรรมนูญ เนื่องจากยังไม่มีการลงนามในสัญญา และตนไม่ได้อยู่ในกระบวนการเจรจา จากการเดินทางไปพบนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ซึ่งเขาก็พร้อมอนุมัติให้ดำเนินการรถไฟฟ้าสายสีแดงเท่านั้นเอง อย่างไรก็ตาม เงินกู้อย่างต่อเนื่องนี้จะต้องให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาดำเนินการ ต่อข้อถามว่า ป็นห่วงหรือไม่ว่าพรรคจะถูกโจมตีการซื้อเสียง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดของใบเหลืองใบแดง เข้าใจว่าต้องมีการพิจารณาที่กฎษฎีกา ซึ่งตนเพิ่งจะทราบข่าว
ยันเจรจากู้เงินไม่ขัดรธน.มาตรา190
นายทิวา เงินยวง ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ และกรรมการที่ปรึกษาด้าน กฎหมายนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการที่พรรคเพื่อไทย เตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ และถอดถอนนายกรัฐมนตรี เนื่องจากกระทำการขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 วรรค 2 เพราะไปเจรจากู้เงินจากญี่ปุ่นเพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภานั้น กรณีดังกล่าวไม่ถือว่านายกรัฐมนตรี กระทำการขัดรัฐธรรมนูญ เพราะอยู่ในขั้นการเจรจา และยังไม่ได้ดำเนินการกู้เงินใดๆ
"พรรคเพื่อไทยจะยื่นอภิปราย หรือถอดถอนนายกฯก็เป็นสิทธิ์ทำได้ตามรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อยังไม่มีการกู้เกิดขึ้นก็ไม่สามารถดำเนินการได้ หรือแม้จะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความก็ทำไม่ได้ เพราะกรณียังไม่เกิด และยังไม่ใช่ข้อขัดแย้งตามรัฐธรรมนูญ"
นายทิวา กล่าวว่า กรณีการทำสัญญากู้เงินต่างประเทศจะเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 วรรค 2 ตามที่มีส.ส.พรรคเพื่อไทยตั้งข้อสังเกตหรือไม่นั้น ประเด็นดังกล่าวคณะกรรมการที่ปรึกษากฎหมายนายกรัฐมนตรีได้เตรียมเสนอ ร่างพ.ร.บ.ขั้นตอนและวิธีการจัดทำหนังสือสัญญา พ.ศ.... ที่ผ่านการพิจารณาในชั้นคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้วเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาก่อนเสนอเข้า ครม.และพิจารณาในสภาฯต่อไป
"กฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายเร่งด่วนที่จะต้องทำให้เสร็จใน 1 ปี แต่ค้างมาในรัฐบาลที่แล้ว โดยร่างกฎหมายฉบับนี้จะลดปัญหาข้อจุกจิก หรือเกิดกรณีปัญหาซ้ำรอยกับเรื่องบันทึกข้อตกลงในกรณีเขาพระวิหารของรัฐบาลที่ผ่านมา โดยสาระได้ระบุความหมายของหนังสือสัญญา และข้อยกเว้นของสัญญากับต่างประเทศระหว่างรัฐบาลไทย ราชอาณาจักรไทย กับรัฐบาลต่างประเทศ และต่างประเทศ หรือองค์กรระหว่างประเทศว่ามีประเภทใดบ้างที่ได้ข้อยกเว้น อาทิ หนังสือสัญญากู้เงิน ค้ำประกันเงินกู้ที่รัฐบาลไทย ซึ่งขั้นตอนกฎหมายได้ให้อำนาจไว้เป็นการเฉพาะหรือเป็นการทั่วไป เพราะเป็นกรณีที่มีกฎหมายให้อำนาจดำเนินการเป็นการเฉพาะอยู่แล้ว ดังนั้นการกู้เงินจึงยกเว้น"
ย้อนตอนมีอำนาจทำไมไม่จัดการ
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ ร.ต.อ.เฉลิม มั่นใจข้อมูลการฟอกเงินของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีนักธุรกิจบริจาค ให้พรรคนั้น ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจต้องระบุให้ชัดเจนว่านายกรัฐมนตรี ไปเกี่ยวข้องอย่างไร เพราะการอภิปรายฯต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน
"ฟังดูเหมือนกับเรื่องเกิดมาหลายปีแล้วตั้งแต่ 5-6 ปีแล้ว ก็อยู่ที่ข้อเท็จจริง ไม่ได้มีปัญหาเลย เอาเข้าจริงตอนช่วงที่เกิดเรื่อง ฝ่ายค้านก็เป็นรัฐบาลอยู่ คุณเฉลิม ก็เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย ถ้าเห็นว่าผิดจริงทำไมไม่ดำเนินการตอนนั้น ถ้าทำไปทำมา ท่านอภิปรายในสภา เราก็จะถามท่านว่า ตอนนั้นก็มีข้อมูลอยู่พร้อม ท่านมีอำนาจ ตามกฏหมายในตอนนี้ ทำไมไม่ดำเนินการถือว่าละเว้น การปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยให้เรื่องมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร"
"สดศรี"รับลูกพท.สอบเงินปชป.
นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า กกต.พร้อม ตรวจสอบเรื่องเงินบริจาคของพรรคประชาธิปัตย์ตามที่พรรคเพื่อไทยออกมาระบุว่า มีอดีตนักการเมืองบริจาคเงิน 250 ล้านบาทผ่านบริษัทและญาติพี่น้องของ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ โดยหากมีการร้องเรียนเข้ามา เชื่อว่าจะสามารถ ตรวจสอบย้อนหลังถึงมีมาของเงินบริจาคได้ด้วยการร่วมมือกับ ปปง. ตรวจที่มาของเงิน แต่ทั้งนี้จะต้องมีผู้ร้องเข้ามาก่อน กกต.จึงจะมีอำนาจเข้าไปตรวจสอบ