ทอท.แจงไม่ล้มและไม่ลดขนาด เฟส 2 แต่ปรับแผนก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ วงเงิน 8-9 พันล้านบาท ซึ่งอยู่นอกแผนเฟส 2 ก่อนเหตุใช้งบน้อยและก่อสร้างได้ใน3 ปี วางแผนใช้เป็นอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ขณะที่เฟส 2 ยังไม่ผ่านสิ่งแวดล้อม ลงทุนสูงเกิดยาก แต่ต้องเดินหน้าทำต่อ ด้านการบินไทยยันย้าย 29 มี.ค. อ้างพิจารณาทุกด้านรอบคอบ ได้ประโยชน์ทั้งผู้โดยสาร การบินไทยและสนองนโยบาย เตรียมคืนพื้นที่เช่าดอนเมือง
นายสมชัย สวัสดีผล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานวิศวกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. เปิดเผยว่า ได้รับนโยบายจาก นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานคณะกรรมการทอท. ในการปรับแนวทางการดำเนินการการลงทุนเพื่อขยายขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยจะนำแผนก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร (Low Service Terminal) มาดำเนินการก่อน เพราะใช้งบประมาณดำเนินการประมาณ 8,000-9,000 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี โดยจะรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มอีก 10-15 ล้านคนต่อปี
ซึ่งตามแผนเดิมมีการออกแบบเบื้องต้นอาคารผู้โดยสารดังกล่าวไว้แล้ว โดยจะก่อสร้างบริเวณพื้นที่ว่างด้านซ้ายของอาคารผู้โดยสารหลัก แยกเป็นอาคารสำหรับผู้โดยสารภายในประเทศและมีระบบขนส่งผู้โดยสาร (APM) เชื่อมกับอาคารผู้โดยสารหลักที่เป็นอาคารสำหรับผู้โดยสาร ต่างประเทศ ทั้งนี้ อาคารดังกล่าวเป็นคนละส่วนกับสุวรรณภูมิเฟส 2 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อม และไม่ได้มีการลดขนาดเฟส 2 แต่อย่างใด
นายสมชัยกล่าวว่า แนวทางดังกล่าวจะทำให้ทอท.สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้ทันกับการเติบโตของผู้โดยสาร เพราะหากรอเฟส 2 จะต้องใช้เวลากว่า 7 ปี ในขณะที่หากลงทุนเฉพาะอาคารผู้โดยสารก่อนจะแล้วเสร็จในปี 2557 นอกจากนี้ จากการหารือเบื้องต้นกับสำนักงานสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (สผ.) อาคารผู้โดยสารดังกล่าวเป็นส่วนเพิ่มเติมของโครงการสุวรรณภูมิระยะแรกการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อมใช้เวลาไม่นาน
นายสมชัยกล่าวว่า ขณะนี้ทอท.อยู่ระหว่างการพิจารณาด้านการเงินการลงทุน ซึ่งคาดว่าจะใช้ทั้งเงินกู้และงบประมาณ จากนั้นจะเสนอบอร์ดทอท.และเสนอแผนการลงทุนไปยังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อพิจารณาต่อไป
“อาคารผู้โดยสารดังกล่าวเป็น 1 ในทางเลือกเดิมของการขยายขีดความสามารถสนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนที่จะสรุปเลือกแนวทางขยายเฟส 2 ลงทุน 7.78 หมื่นล้านบาท ซึ่งขณะนี้ยังไม่ผ่านสิ่งแวดล้อม แต่อาคารนี้ไม่น่ามีปัญหาเพราะ สผ.บอกว่าเป็นการเพิ่มเติมจากเฟสแรก ไม่ใช่โครงการใหม่เหมือนเฟส 2 โดยลงทุนไม่เกินหมื่นล้านบาท ทั้งอาคารและระบถนน ระบบขนส่งเชื่อมต่อกับอาคารหลักและไม่มีเครื่อง CTX จะใช้แบบ Stand Alone เหมือนดอนเมืองเพราะเป็นผู้โดยสารในประเทศ“นายสมชัยกล่าว
การบินไทยเดินหน้าย้าย 29 มี.ค.
วานนี้(13 มี.ค.) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้แจ้งยืนยันการย้ายเที่ยวบินเส้นทางบินภายในประเทศจากท่าอากาศยานดอนเมือง ไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในวันที่ 29 มี.ค.52 ตามตาราง การบินภาคฤดูร้อนที่ได้ประกาศออกไปล่วงหน้าแล้ว โดยระบุว่า นายพิชัย ชุณหวชิร ประธานคณะกรรมการบริหารแผนฟื้นฟูธุรกิจของบริษัทฯ ฝ่ายบริหาร และคณะกรรมการย้ายการให้บริการเที่ยวบินของบริษัทฯ จากท่าอากาศยานดอนเมืองไปยังท่าอากาศยานสุวรณภูมิได้มีการประชุมหารือเมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2552 เพื่อพิจารณาทบทวนเกี่ยวกับการย้ายเที่ยวบินภายในประเทศจากท่าอากาศยานดอนเมืองไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแล้ว
โดยล็งเห็นว่า การย้ายเที่ยวบินภายในประเทศของการบินไทยทั้งหมดมาอยู่สนามบินเดียวกัน จะทำให้บริษัทฯ เพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการเที่ยวบิน และการหมุนเวียนการใช้เครื่องบินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสามารถเพิ่มความถี่ของเที่ยวบิน หรือเปลี่ยนขนาดของเครื่องบินให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้โดยสาร ซึ่งจะส่งผลดีให้แก่ผู้โดยสารในการเดินทางได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ผู้โดยสารสามารถเลือกเดินทางตามตารางการบินที่ต้องการได้หลากหลายขึ้น โดยเฉพาะในการเชื่อมต่อเที่ยวบินไปยังจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งเป็นจุดบินภายในประเทศหรือเดินทางเชื่อมต่อไปยังต่างประเทศ
โดยการบินไทยยืนยันว่า ในฐานะสายการบินแห่งชาติตระหนักถึงการพัฒนาอุตสาหกรรม การท่องเที่ยวภายในประเทศ ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่จะฟื้นฟูการท่องเที่ยวไทยในขณะนี้ ดังนั้น การย้ายเที่ยวบินเส้นทางบินภายในประเทศมายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จึงเป็นการส่งเสริม และสนับสนุนการท่องเที่ยวไทย อันจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างศักยภาพด้านเครือข่ายการบินให้แก่ประเทศอีกด้วย
อย่างไรก็ตามบริษัทได้มีการเตรียมความพร้อมในการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ เพื่อรองรับการให้บริการแก่ผู้โดยสารที่จะมาใช้บริการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เช่นเพิ่มเคาน์เตอร์เช็คอินสำหรับผู้โดยสารที่เดินทางภายในประเทศ จากเดิม 12 เคาน์เตอร์ เพิ่มขึ้นเป็น 36 เคาน์เตอร์ ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพิ่มบริการเช็คอินด้วยตนเอง ( e- Check-In ) พร้อมมีจุดรับกระเป๋าสัมภาระ ขยายพื้นที่ห้องรับรองพิเศษ ( Lounge ) จาก 650 ตารางเมตร อีก 284 ตารางเมตร เป็นต้น
เตรียมเจรจาคืนพื้นที่เช่าดอนเมือง
ด้านว่าที่ ร.ท. ภาสกร สุระพิพิธ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้า ฝ่ายท่าอากาศยานดอนเมืองจะทำหนังสือเชิญบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อหารือถึงแนวทางการดำเนินการในสัญญาการเช่าพื้นที่ และสำนักงานภายในสนามบินดอนเมือง ของการบินไทย หลังจาก วันที่ 29 มี.ค. 52 นี้ การบินไทยจะ ย้ายกลับไปที่สนามบินสุวรรณภูมิ
ทั้งนี้ การบินไทยทำสัญญาเช่าพื้นที่ท่าอากาศยานดอนเมือง 3 ปี โดยจ่ายค่าเช่าเป็นรายเดือน ซึ่งผู้เช่าสามารถแจ้งขอยกเลิกการเช่าได้ ไม่มีปัญหา
นายสมชัย สวัสดีผล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานวิศวกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. เปิดเผยว่า ได้รับนโยบายจาก นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานคณะกรรมการทอท. ในการปรับแนวทางการดำเนินการการลงทุนเพื่อขยายขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยจะนำแผนก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร (Low Service Terminal) มาดำเนินการก่อน เพราะใช้งบประมาณดำเนินการประมาณ 8,000-9,000 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3 ปี โดยจะรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มอีก 10-15 ล้านคนต่อปี
ซึ่งตามแผนเดิมมีการออกแบบเบื้องต้นอาคารผู้โดยสารดังกล่าวไว้แล้ว โดยจะก่อสร้างบริเวณพื้นที่ว่างด้านซ้ายของอาคารผู้โดยสารหลัก แยกเป็นอาคารสำหรับผู้โดยสารภายในประเทศและมีระบบขนส่งผู้โดยสาร (APM) เชื่อมกับอาคารผู้โดยสารหลักที่เป็นอาคารสำหรับผู้โดยสาร ต่างประเทศ ทั้งนี้ อาคารดังกล่าวเป็นคนละส่วนกับสุวรรณภูมิเฟส 2 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อม และไม่ได้มีการลดขนาดเฟส 2 แต่อย่างใด
นายสมชัยกล่าวว่า แนวทางดังกล่าวจะทำให้ทอท.สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้ทันกับการเติบโตของผู้โดยสาร เพราะหากรอเฟส 2 จะต้องใช้เวลากว่า 7 ปี ในขณะที่หากลงทุนเฉพาะอาคารผู้โดยสารก่อนจะแล้วเสร็จในปี 2557 นอกจากนี้ จากการหารือเบื้องต้นกับสำนักงานสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (สผ.) อาคารผู้โดยสารดังกล่าวเป็นส่วนเพิ่มเติมของโครงการสุวรรณภูมิระยะแรกการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อมใช้เวลาไม่นาน
นายสมชัยกล่าวว่า ขณะนี้ทอท.อยู่ระหว่างการพิจารณาด้านการเงินการลงทุน ซึ่งคาดว่าจะใช้ทั้งเงินกู้และงบประมาณ จากนั้นจะเสนอบอร์ดทอท.และเสนอแผนการลงทุนไปยังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เพื่อพิจารณาต่อไป
“อาคารผู้โดยสารดังกล่าวเป็น 1 ในทางเลือกเดิมของการขยายขีดความสามารถสนามบินสุวรรณภูมิ ก่อนที่จะสรุปเลือกแนวทางขยายเฟส 2 ลงทุน 7.78 หมื่นล้านบาท ซึ่งขณะนี้ยังไม่ผ่านสิ่งแวดล้อม แต่อาคารนี้ไม่น่ามีปัญหาเพราะ สผ.บอกว่าเป็นการเพิ่มเติมจากเฟสแรก ไม่ใช่โครงการใหม่เหมือนเฟส 2 โดยลงทุนไม่เกินหมื่นล้านบาท ทั้งอาคารและระบถนน ระบบขนส่งเชื่อมต่อกับอาคารหลักและไม่มีเครื่อง CTX จะใช้แบบ Stand Alone เหมือนดอนเมืองเพราะเป็นผู้โดยสารในประเทศ“นายสมชัยกล่าว
การบินไทยเดินหน้าย้าย 29 มี.ค.
วานนี้(13 มี.ค.) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้แจ้งยืนยันการย้ายเที่ยวบินเส้นทางบินภายในประเทศจากท่าอากาศยานดอนเมือง ไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในวันที่ 29 มี.ค.52 ตามตาราง การบินภาคฤดูร้อนที่ได้ประกาศออกไปล่วงหน้าแล้ว โดยระบุว่า นายพิชัย ชุณหวชิร ประธานคณะกรรมการบริหารแผนฟื้นฟูธุรกิจของบริษัทฯ ฝ่ายบริหาร และคณะกรรมการย้ายการให้บริการเที่ยวบินของบริษัทฯ จากท่าอากาศยานดอนเมืองไปยังท่าอากาศยานสุวรณภูมิได้มีการประชุมหารือเมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2552 เพื่อพิจารณาทบทวนเกี่ยวกับการย้ายเที่ยวบินภายในประเทศจากท่าอากาศยานดอนเมืองไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแล้ว
โดยล็งเห็นว่า การย้ายเที่ยวบินภายในประเทศของการบินไทยทั้งหมดมาอยู่สนามบินเดียวกัน จะทำให้บริษัทฯ เพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการเที่ยวบิน และการหมุนเวียนการใช้เครื่องบินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสามารถเพิ่มความถี่ของเที่ยวบิน หรือเปลี่ยนขนาดของเครื่องบินให้เหมาะสมกับความต้องการของผู้โดยสาร ซึ่งจะส่งผลดีให้แก่ผู้โดยสารในการเดินทางได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ผู้โดยสารสามารถเลือกเดินทางตามตารางการบินที่ต้องการได้หลากหลายขึ้น โดยเฉพาะในการเชื่อมต่อเที่ยวบินไปยังจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งเป็นจุดบินภายในประเทศหรือเดินทางเชื่อมต่อไปยังต่างประเทศ
โดยการบินไทยยืนยันว่า ในฐานะสายการบินแห่งชาติตระหนักถึงการพัฒนาอุตสาหกรรม การท่องเที่ยวภายในประเทศ ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่จะฟื้นฟูการท่องเที่ยวไทยในขณะนี้ ดังนั้น การย้ายเที่ยวบินเส้นทางบินภายในประเทศมายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จึงเป็นการส่งเสริม และสนับสนุนการท่องเที่ยวไทย อันจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม รวมทั้งเป็นการเสริมสร้างศักยภาพด้านเครือข่ายการบินให้แก่ประเทศอีกด้วย
อย่างไรก็ตามบริษัทได้มีการเตรียมความพร้อมในการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ เพื่อรองรับการให้บริการแก่ผู้โดยสารที่จะมาใช้บริการที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เช่นเพิ่มเคาน์เตอร์เช็คอินสำหรับผู้โดยสารที่เดินทางภายในประเทศ จากเดิม 12 เคาน์เตอร์ เพิ่มขึ้นเป็น 36 เคาน์เตอร์ ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพิ่มบริการเช็คอินด้วยตนเอง ( e- Check-In ) พร้อมมีจุดรับกระเป๋าสัมภาระ ขยายพื้นที่ห้องรับรองพิเศษ ( Lounge ) จาก 650 ตารางเมตร อีก 284 ตารางเมตร เป็นต้น
เตรียมเจรจาคืนพื้นที่เช่าดอนเมือง
ด้านว่าที่ ร.ท. ภาสกร สุระพิพิธ รองผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้า ฝ่ายท่าอากาศยานดอนเมืองจะทำหนังสือเชิญบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เพื่อหารือถึงแนวทางการดำเนินการในสัญญาการเช่าพื้นที่ และสำนักงานภายในสนามบินดอนเมือง ของการบินไทย หลังจาก วันที่ 29 มี.ค. 52 นี้ การบินไทยจะ ย้ายกลับไปที่สนามบินสุวรรณภูมิ
ทั้งนี้ การบินไทยทำสัญญาเช่าพื้นที่ท่าอากาศยานดอนเมือง 3 ปี โดยจ่ายค่าเช่าเป็นรายเดือน ซึ่งผู้เช่าสามารถแจ้งขอยกเลิกการเช่าได้ ไม่มีปัญหา