xs
xsm
sm
md
lg

จับตาเกมเขย่าสถาบัน

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ

หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 5 มีนาคม 2552 พาดหัวข่าวตัวไม้ว่า “เกมเขย่าสถาบัน” และมีหัวรองบรรทัดล่างว่า “หัวหมอแนะ ‘มาร์ค’ ปฏิรูปกม.หมิ่น”

รายงานข่าวชิ้นนี้ระบุว่า นายธงชัย วินิจจะกูล อาจารย์มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-เมดิสัน สหรัฐอเมริกา นักประวัติศาสตร์ อดีตหนึ่งในแกนนำนักศึกษาช่วง 6 ตุลา 19 ได้ร่วมกับนักวิชาการจากต่างประเทศจำนวนหนึ่ง ออกแถลงการณ์เรียกร้องถึงรัฐบาลไทยให้ปฏิรูปกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ดังนี้

1.โปรดยุติการพยายามสร้างมาตรการกดดันปราบปรามที่เข้มงวดยิ่งกว่านี้ ทั้งต่อปัจเจกบุคคล เว็บไซต์และการแสดงความคิดเห็นอย่างสันติ

2.โปรดพิจารณาข้อเสนอแนะที่เรียกร้องให้ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้กฎหมายฉบับนี้ตกเป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งคุกคามผู้อื่น และป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายด่างพร้อยต่อชื่อเสียงของประเทศไทย และสถาบันกษัตริย์บนเวทีสากลยิ่งไปกว่านี้

3.โปรดพิจารณายกเลิก-ถอนฟ้องคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่กำลังดำเนินคดีอยู่ในขณะนี้ และดำเนินการเพื่อปล่อยตัวผู้ต้องโทษที่ถูกตัดสินภายใต้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพก่อนหน้านี้ เนื่องจากคนเหล่านี้ตกเป็นผู้ต้องหาเพียงเพราะการแสดงความคิดเห็น ทั้งๆ ที่การแสดงความคิดเห็นไม่ควรเป็นอาชญากรรม

ในจดหมายเปิดผนึกตอนหนึ่งระบุด้วยว่า การใช้กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเป็นเครื่องมือทำลายฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองกันอย่างพร่ำเพรื่อ รังแต่จะบ่อนทำลายกระบวนการประชาธิปไตย การดำเนินคดีต่อนักหนังสือพิมพ์ นักวิชาการและประชาชนทั่วไป เพียงเพราะข้อกล่าวหาว่าทัศนะและการกระทำของคนเหล่านี้เป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เท่ากับทำลายบรรยากาศการถกเถียงอย่างเปิดกว้างในประเด็นสาธารณะที่สำคัญๆ

“นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นอันตราย ของการอ้างความจงรักภักดีต่อสถาบันกษัตริย์อย่างไม่ระมัดระวัง แทนที่คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพจะเป็นไปเพื่อปกป้องพระเกียรติยศ กลับยิ่งก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์และประเทศไทย ทั้งภายในและภายนอกประเทศมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม” แถลงการณ์ระบุ

ธงชัย อ้างว่า กฎหมายดังกล่าวแทนที่จะนำมาใช้ปกป้องสถาบันฯ แต่กลับถูกนำมาใช้ในทางที่ผิดและนำมาอวดอ้างความจงรักภักดี กฎหมายนี้สร้างความเสียหายต่อประเทศโดยไม่เป็นผลดี ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในระยะยาว ทั้งอ้างว่า กระบวนการบังคับใช้กฎหมายไม่มีความชัดเจน อาทิ การตีความหรือการนิยามว่าอะไรคือการดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายกว้างเกินไป รวมทั้งปัญหาว่าใครที่จะเป็นผู้ฟ้องร้อง หรือใครที่จะได้รับการปกป้องจากกฎหมายนี้ก็ไม่มีความชัดเจน

ธงชัย ระบุว่า ขบวนการของเขาไม่เกี่ยวข้องกับขบวนการสยามแดงของนายใจ อึ๊งภากรณ์ และไม่เกี่ยวข้องกับทักษิณ

แต่หากนายใจเห็นจดหมายเปิดผนึกแล้วอยากจะร่วมลงชื่อด้วยเขาก็ไม่ปฏิเสธ

แถลงการณ์ของธงชัย หากอ่านผ่านๆ ก็ดูราวกับว่า เขามีจุดยืนที่มีความปรารถนาดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และกลัวว่าสถาบันจะถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง

เขาพยายามทำให้เห็นว่า แถลงการณ์ดังกล่าวเป็นความเห็นทางวิชาการ และมีความเป็นสากลที่โลกจะต้องประพฤติปฏิบัติ

เพื่อไม่ให้เป็นแถลงการณ์ที่เลื่อนลอย ธงชัยอ้างว่า ตัวเขาและนักวิชาการต่างประเทศที่ร่วมกันออกแถลงการณ์ฉบับนี้ เป็นผู้ที่ศึกษาเกี่ยวกับประเทศไทยมาเป็นเวลา 20-30 ปี เป็นผู้มีความเข้าใจสังคมไทยและแคร์ประเทศไทย ไม่ใช่ชาวต่างชาติที่ไม่มีข้อมูลหรือไม่รู้จักประเทศไทยเลย

ในทางสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ธงชัย ผู้ไม่มีความปรารถนาจะกลับมาใช้ประเทศไทยเป็นที่ทำมาหากิน ธงชัยมีสิทธิที่จะคิดเช่นนั้น การแสดงความคิดเห็นและความเชื่อทางการเมืองไม่ใช่เรื่องที่ผิด ความแตกต่างต่ออุดมการณ์ทางการเมืองเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้

ธงชัยจะมีความเห็นต่อสถาบันอย่างไรก็เป็นสิทธิของธงชัย แต่ธงชัยควรจะซื่อสัตย์ต่อความคิดของตัวเองด้วย

เพราะสำหรับผมแล้วคิดว่า แถลงการณ์นี้ปกปิดสิ่งที่อยู่ภายใต้จิตใต้สำนึกของธงชัยที่มีความเชื่อมาตลอดว่า สถาบันอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ไม่ใช่เกิดจากความปรารถนาดีอย่างที่ธงชัยแอบอ้างในแถลงการณ์

ไม่เชื่อลองอ่านบทความหรือบทสัมภาษณ์ของธงชัยต่อสถาบันในวาระต่างๆ หลายครั้งธงชัยกล่าวหาฝ่ายที่ขับไล่ระบอบทักษิณหรือพันธมิตรฯ ว่า เป็นพวกนิยมสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่การกล่าวเช่นนั้น เท่ากับธงชัยยอมรับด้วยว่า ฝ่ายตรงข้ามกับพันธมิตรฯ เป็นพวกไม่นิยมสถาบันพระมหากษัตริย์

หลายครั้งธงชัยใช้ตรรกะดังกล่าวมาเป็นตัววิเคราะห์วิพากษ์วิจารณ์โจมตีพันธมิตรฯ แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า ตัวเองอยู่ตรงข้ามกับพันธมิตรฯ โดยแกล้งมองข้ามไปว่า การที่พันธมิตรฯ ออกมาสู้รบกับระบอบทักษิณ เพราะทักษิณฉ้อฉล คอร์รัปชัน และโกงชาติโกงแผ่นดิน

ทัศนคติของธงชัยต่อสถาบันที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่ทำให้คิดเช่นนี้ ดังนั้นจึงไม่ผิดที่ไทยโพสต์จะพาดหัวว่า “เกมเขย่าสถาบัน” และ “หัวหมอแนะ ‘มาร์ค’ ปฏิรูปกม.หมิ่น”ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เกินเลยความเป็นจริง

อ่านแถลงการณ์แล้ว คล้ายกับว่า รัฐบาลไทยควรจะเปิดโอกาสให้มีการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ธงชัยเรียกว่า “การแสดงความเห็นอย่างสันติ”

ซึ่งผมไม่รู้ว่า “การแสดงความเห็นอย่างสันติ” นั้นคืออะไร ผมสามารถด่าใครก็ได้ ใส่ร้ายป้ายสีใครก็ได้แล้วเรียกว่าเป็น “การแสดงความเห็นอย่างสันติ” ได้หรือไม่

ธงชัยคงมีวิธีคิดว่า หากข้อความใดวิพากษ์วิจารณ์อย่างผิดข้อเท็จจริงสถาบันก็ควรจะใช้กฎหมายหมิ่นประมาทในการตอบโต้ ไม่มีความจำเป็นจะต้องมีกฎหมายขึ้นมาจำเพาะ และคงคิดว่า สถาบันควรจะลุกขึ้นมาแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมายหมิ่นประมาทกับบุคคลต่างๆ เว็บไซต์ต่างๆ เหล่านั้นด้วยตัวเอง

ปฏิเสธไม่ได้หรอกครับว่า การแสดงความเห็นของธงชัยสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวที่เป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงกัน ไม่ว่าจะเป็นความเห็นในเว็บบอร์ด เว็บไซต์ นิตยสารต่างๆ ที่วิพากษ์วิจารณ์สถาบันในแง่ลบ และเปิดเผยตัวตนอย่างโล่งโจ้งมากขึ้นกว่าในอดีต

รวมทั้งยังเชื่อมโยงและเป็นแนวร่วมกับเครือข่ายระบอบทักษิณ ขบวนการนักวิชาการในประเทศ และขบวนการสยามแดงของนายใจ และถ้าพูดกันอย่างตรงไปตรงมาแล้ว พวกเขาต้องการมวลชนที่รักทักษิณมาเป็นเครื่องมือนั่นเอง

ธงชัยคงต้องการใช้สถานะนักวิชาการที่มีถิ่นพำนักและทำมาหากินในต่างประเทศมีภูมิคุ้มกันเป็นผู้เปิดประตูให้ความเห็นเหล่านั้นขึ้นมาอยู่บนดินได้อย่างเปิดเผย

ธงชัยต้องการให้ปฏิรูปกฎหมายดังกล่าว เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่เขาต้องการ เป้าหมายของธงชัยคืออะไร คำตอบอยู่ในบทความการแสดงความเห็นของธงชัยต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในวาระต่างๆ

ผมไม่เถียงในประเด็นว่า สิ่งที่ธงชัยกำลังเรียกร้องอยู่นั้น ผิดหรือถูก แต่โปรดอย่าปกปิดเป้าหมายของตัวเองและขบวนการที่ซ่อนเร้นอยู่


surawhisky@gmail.com
กำลังโหลดความคิดเห็น