ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - คณะอนุกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ก.ยุติธรรม เดินหน้าดัน “พ.ร.บ.ค้าปลีกหรือค้าส่ง” ให้เป็นรูปธรรม หลังโชวห่วยตายแล้วกว่า 2 แสนราย เผยเปิดเวทีรับฟังความเห็นจากผู้ประกอบการ-นักวิชาการและปชช.ชาวอีสานก่อนเดินสายทั่วประเทศ ชี้ปัญหาเกิดจากความไม่สมดุลระหว่างยักษ์ใหญ่ค้าปลีกกับผู้ประกอบการรายย่อย มั่นใจ พ.ร.บ.ค้าปลีกหรือค้าส่ง ประกาศใช้ได้ในปีนี้แน่
วันนี้ (4 มี.ค.) ที่โรงแรมดุสิต ปริ๊นเซสโคราช อ.เมือง จ.นครราชสีมา ได้จัดให้มีการสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “กฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่ง” โดยมี นายปรีดา เตียสุวรรณ์ ประธานคณะอนุกรรมการการพัฒนากฎหมายว่าด้วยการค้าที่เป็นธรรมและการคุ้มครองผู้บริโภคในคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายของสำนักงานกิจกรรมยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการเปิดสัมมนา และได้รับความสนใจ จากผู้ประกอบการค้าปลีก-ค้าส่ง นักวิชาการ และประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นจำนวนกว่า 100 คน
ทั้งนี้ เพื่อรวบรวมข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการประกอบธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่ง รวมทั้งวิเคราะห์ถึงปัญหาและทิศทางการแก้ไขปัญหาการค้าปลีก-ค้าส่งของประเทศในปัจจุบันและอนาคต แล้วนำข้อมูลทั้งหมดไปใช้ประกอบการพิจารณาเสนอความเห็นแก่ คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ในการปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจค้าปลีกหรือค้าส่ง พ.ศ. ... ให้เหมาะสมต่อไป
นายปรีดา เตียสุวรรณ์ ประธานคณะอนุกรรมการการพัฒนากฎหมายว่าด้วยการค้าที่เป็นธรรมและการคุ้มครองผู้บริโภค ในคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย สำนักงานกิจกรรมยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม เปิดเผยว่า ทางคณะอนุกรรมการฯ จะเดินทางไปรับฟังความเห็นจากตัวแทนผู้ค้าปลีก-ค้าส่งและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทุกภูมิภาคของประเทศ ซึ่งจากการรับฟังความคิดเห็นที่ผ่านมานั้น พบว่า ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากความอ่อนแอของ ผู้ประกอบการค้าปลีกรายย่อย ไม่สามารถประกอบกิจการได้ในลักษณะที่มีผู้ประกอบการรายใหญ่เข้ามามาก ซึ่งจากข้อมูลล่าสุดพบว่า ผู้ประกอบการค้าปลีกกว่า 200,000 ราย ต้องปิดกิจการไปเนื่องจากสู้ผู้ประกอบการรายใหญ่โดยเฉพาะโมเดิร์นเทรดที่รุกเข้าไปในท้องถิ่นไม่ไหว ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นคือความไม่สมดุลกันระหว่างผู้ประกอบการรายใหญ่กับรายย่อย
นายปรีดากล่าวต่อว่า หลังจากรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศแล้ว คณะอนุกรรมฯ จะนำความคิดเห็นทั้งหมดมาหารือกัน และสรุปเพื่อนำเสนอคณะกรรมการชุดใหญ่ฯ ช่วงต้นเดือน เม.ย. จากนั้นคณะกรรมการฯ ชุดใหญ่จะหารือกันอีกครั้งเพื่อหาข้อสรุปในขั้นตอนของคณะกรรมการฯ ก่อนนำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.)ต่อไป
โดยตั้งเป้าหมายว่าภายในปีนี้ต้องมีกฎหมายค้าปลีกหรือค้าส่ง ออกมาประกาศบังคับใช้อย่างเป็นรูปธรรมเพราะเห็นว่าเป็นกฎหมายที่มีประโยชน์ ซึ่งร่างเดิมที่มีอยู่นั้นก็ได้นำมาปรับเพิ่มเติมและเปลี่ยนแปลงในบางส่วน คาดว่าภายในเดือน ส.ค.นี้กฎหมายดังกล่าวจะเป็นรูปเป็นร่างชัดเจน
“อย่างไรก็ตามยอม รับว่าการดำเนินการเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ค้าปลีกรหรือค้าส่ง อาจล่าช้าจนเกินไป” นายปรีดา กล่าวในที่สุด
