xs
xsm
sm
md
lg

วุฒิฯ ผ่านงบกลางปี หลังฟังรัฐบาลชี้แจง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้(23ก.พ.) ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภานัดพิเศษ โดยมีนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธาน ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาวาระด่วน เรื่อง ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 ที่สภาผู้แทนราษฏรเห็นชอบแล้ว ซึ่งวุฒิสภาจะต้องให้ความเห็นชอบหรือไม่ให้ความเห็นชอบภายใน 20 วัน นับตั้งแต่วันที่ 13 ก.พ. ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 4 มี.ค.52
ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี ได้เข้าร่วมรับฟังการประชุมอย่างพร้อมเพียง
นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า การเสนองบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี 2552 ถือเป็นส่วนหนึ่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล นอกเหนือจากงบประมาณในส่วนนี้แล้ว รัฐบาลได้ออกมาตรการภาษีอากร และมาตรการอื่น เพื่อให้สนับสนุนให้เศรษฐกิจและการจ้างงานของประเทศเดินหน้าไปได้ ในภาวะเศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ส่งผลกระทบมาถึงการส่งออกและการท่องเที่ยวของประเทศไทย และสิ่งสำคัญที่สุดคือประเทศไทยจำเป็นที่ต้องรักษากำลังซื้อของคนในประเทศให้มากที่สุด จึงจำเป็นต้องหามาตรการเพิ่มกำลังซื้อ โดยให้เงินไปถึงประชาชนเร็วที่สุด ซึ่งเป็นข้อจำกัดในการคิดโครงการต่างๆ ที่ใช้เวลาในการดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลได้วางแผนและวางมาตรการไปเชื่อมโยงมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบนี้ กับนโยบายระยะกลางและระยะยาว ดังนั้น ขอความสนับสนุนทางวุฒิสภาให้ช่วยผ่านร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ เพื่อเป็นเครื่องมือให้รัฐบาลเข้าไปแก้ไขปัญหาการชะลอตัวและการหดตัวของเศรษฐกิจโดยเร็วที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วุฒิสภาได้ตั้งกมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมดังกล่าว โดยมีนายพิเชต สุนทรพิพิธ ส.ว.เป็นประธาน โดยนายพิเชต ได้กล่าวรายงานผลการศึกษา และได้ตั้งข้อสังเกตในการจัดสรรงบประมาณฯ คือ ในส่วนของนโยบายและการบริหารงบประมาณ ฯ โดยกระทรวงการคลังควรดำเนินการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน และผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศในด้านนโยบายการเงินคงคลังของประเทศ เร่งรัดให้หน่วยงานมีการเบิกจ่ายงบประมาณในส่วนของงบรายจ่ายลงทุนอย่างเร่งด่วน เพราะในช่วง 3 เดือนแรกของปีงบประมาณ พ.ศ.2552 มีการเบิกจ่ายงบรายจ่ายลงทุนเพียงร้อยละ 7.9 ของวงเงินงบประมาณ เพื่อให้เกิดการกระจายงบประมาณไปยังภาคส่วนต่างๆได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามคณะกรรมาธิการฯยังเห็นว่า นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลไม่อาจที่จะสามารถทำให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้นอย่างที่คาดหวัง เพราะเป็นการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในระยะสั้น ซึ่งการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดีที่สุด คือ การสร้างงาน เช่น การลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐ โดยใช้มาตรการภาษีเข้าไปช่วยเหลือเพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างงาน และอัดฉีดงบประมาณเพื่อการลงทุน ส่วนโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ ไม่ว่า โครงการจัดงานธงฟ้า โครงการศูนย์จำหน่ายสินค้าเกษตรชุมชุม ที่ไม่สามารถลดค่าครองชีพของประชาชนได้จริง โครงการจัดจ้างบัณฑิตอาสาพาณิชย์ วงเงินงบประมาณ 43,000,000 บาทเพื่อจัดจ้างบัณฑิตอาสาพาณิชย์จำนวน 1,000 คน ระยะเวลา 6 เดือน ไม่สามารถตอบสนองต่ออัตราการว่างงานของบัณฑิตได้
ในส่วนของโครงการสนับสนุนการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยว จะต้องกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในประเทศมากขึ้น พัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยว เผยแพร่กิจกรรมการท่องเที่ยวให้มากขึ้น ส่วนโครงการสนับสนุนการจัดการการศึกษาโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย 15 ปี คณะกรรมาธิการฯเห็นว่า ควรให้การสนับสนุนแก่นักเรียนตามฐานะทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน เรื่องการจัดหาหนังสือเรียนควรให้สิทธิ์ผู้ปกครองในการจัดหาเอง กระทรวงศึกษาไม่ควรจัดซื้อเองหรือกำหนดคุณลักษณะเฉพาะอื่น
ในด้านโครงการการสร้างหลักประกันด้านรายได้แก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เพียงพอหรือไม่สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ โดยการจัดเบี้ยยังชีพให้กับผู้สูงอายุ 60 ปี คณะกรรมาธิการฯได้ตั้งข้อสังเกตว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ดี แต่เกรงว่า เบี้ยยังชีพจะไม่ถึงผู้สูงอายุอย่างแท้จริง เนื่องจากผู้สูงอายุส่วนหนึ่งที่ไม่สามารถที่จะมารับเบี้ยยังชีพได้ด้วยตนเอง
คณะกรรมาธิการฯยังตั้งข้อสังเกตในส่วนของเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่ได้รับการจัดสรรเพิ่มเติมตามร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้จำนวน 4,090.45 ล้านบาท รัฐบาลควรมีแนวทางในการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส เพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศอย่างแท้จริง ส่วนรายจ่ายเพื่อชดเชยเงินคงคลัง จำนวน 19,139.48 ล้านบาท รัฐบาลได้กำหนดแหล่งที่มาของรายได้จากงบประมาณการการเก็บภาษีประเภทต่างๆได้เพิ่มเป็นเงิน 12,900 ล้านบาท บนสมมุติฐานว่า เศรษฐกิจจะมีการขยายตัวร้อยละ 0.9 จากการที่มีงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมจำนวน 116,700 ล้านบาท อีกส่วนหนึ่งเป็นเงิน 6,239.48 ล้านบาท จากการเพิ่มอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมัน คณะกรรมาธิการฯไม่มั่นใจว่า การเก็บภาษีเพิ่มในส่วนแรกอาจไม่เป็นไปตามเป้า เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยและการใช้จ่ายเงินกระตุ้นเศรษฐกิจที่ไม่สามารถประเมินผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน
จากนั้นนาย สมบูรณ์ งามลักษณ์ ส.ว.สรรหา นาย เจริญ ภักดีวานิช ส.ว.พัทลุง และนายวรินทร์ เทียมจรัส ส.ว.สรรหา อภิปรายสนับสนุนร่างกฎหมายฉบับนี้ แต่ตั้งข้อสังเกตว่า ควรคำนึงถึงมาตรการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะยาว โดยเฉพาะด้านการศึกษาที่ควรเพิ่มเงินเดือนให้กับครูที่ต้องรับภาระสอนนักเรียนที่มีจำนวนมากขึ้น เพื่อสอดคล้องกับมาตรฐานด้านการศึกษาที่รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนการเรียนฟรี 15 ปี และควรส่งเสริมวิชาชีพด้านการเกษตร พัฒนาอุตสาหกรรมอาหารและพลังงานทดแทน และด้านภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศ นอกจากนี้ ยังได้แสดงความกังวลด้านอัตราเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือ จีดีพี ที่มีแนวโน้มลดลง ซึ่งรัฐบาลควรคาดการณ์ตัวเลขจีดีพีให้ชัดเจน เพราะอาจส่งผลต่อหนี้สาธารณะเป็นจำนวนหลายแสนบ้านบาท
นายอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า ขอชี้แจงว่า ความห่วงใยของผู้อภิปรายว่างบประมาณนี้จะเชื่อมโยงการทำงานระยะยาวของรัฐบาลหรือไม่นั้น ซึ่งข้อสังเกตที่ให้ไว้เรื่องปัญหาเรื่องการศึกษา อุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน และอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ก็ถือว่าตรงกับความคิดของรัฐบาล ซึ่งในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ ที่ผ่านมา ได้พูดถึงกระตุ้นเศรษฐกิจระยะกลางและยาว ตรงนี้เป็นสิ่งที่อยากจะให้ความมั่นใจว่ามองสภาพปัญหาและแนวทางค่อนข้างจะตรงกัน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนนั้นขณะนี้ตนก็ดำเนินการทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการเข้าพบสมาคม หรือองค์กรธุรกิจเอกชนแล้ว โดยก่อนหน้านี้ได้พบกับนักธุรกิจด้านท่องเที่ยวมา 2 ครั้งแล้ว และขณะนี้ได้มอบหมายให้นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ช่วยประสานงานกับ ธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ และจะทำในลักษณะนี้ต่อๆ ไป
นายกฯ กล่าวด้วยว่า จะให้นายกอร์ปศักดิ์ ได้ดำเนินการใน 2 ส่วน เกี่ยวกับเรื่องการติดตาม ตรวจสอบ การใช้จ่ายงบประมาณกลางปี โดย 1.ตั้งคณะบุคคลขึ้นมาเพื่อติดตามงบประมาณ และ2. มีเว็ปไซด์พิเศษ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลและรับฟังความเห็นจากประชาชน เชื่อว่าจะเป็นช่องทางในการสื่อสาร เพื่อติดตามการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้งบประมาณให้เรียบร้อยและราบรื่นที่สุด
ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ได้รายงานตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ได้รับการรายงานจากสภาพัฒน์ฯ ที่มีตัวเลขทางเศรษฐกิจหดตัวลงสุงสุดในรอบ 10 ปี ดังนั้นจึงต้องมีมาตรการออกมาระงับการหดตัวในระยะสั้นและจำเป็นต้องกำหนดานโยบายที่มีความชัดเจนในการกอบกู้และกระตุ้นเศรษฐกิจระยะยาว โดยขีดความสามารถในการแข่งขันของเราเมื่อดูอัตราการปรับลดลงจะเห็นได้ชัดว่าส่วนได้ผลต่อเศรษฐกิจมากที่สุดคือการส่งออกแต่กลับมีการปรับลงตัวลดลงจากเดือนธันวาคมที่มีสัดส่วนของจีดีพีเพิ่มขึ้นเพียง 0.3 % อย่างไรก็ตามกระทรวงการคลังระมัดระวังในเรื่องความสำคัญต่อวินัยการคลังอย่างมาก
"เชื่อว่าสภาพการเงินที่เป็นอยู่จะสามารถพยุงและแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ระดับหนึ่งและไม่สร้างความเสียงต่อเสถียรภาพการเงินมากต่อประเทศมากเกินไป เพราะตอนนี้หนี้สาธารณะ เราอยู่ที่ 42 % และได้กำหนดไม่ให้หนี้สาธารณะเกิน 50 % ถ้าเทียบหนี้สาธารณะเกือบทุกประเทศก็ถือว่าประเทศเราเป็นบวกและเรายังมีความมั่นใจในเสถียรภาพการเงิน การคลัง แต่ก็ยังกังวลว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะส่งผลต่อระดับการว่าจ้างซึ่งนั่นจะส่งผลให้เศรษฐกิจชลอตัวเพิ่มขึ้น สถานการณ์เศรษฐกิจตอนนี้ถือว่าเรายังสามารถเลี้ยงไว้ไม่ให้เครื่องดับได้และเราไม่ได้มีตั้งใจใช้เงินกู้และเงินภาษีสวนสภาพความเป็นจริงและเชื่อถ้าเศรษฐกิจลากยากต่อไปเกินสิ้นปีนี้เราก็จะสามารถบริหารปริมาณหนี้สาธารณะให้อยู่ในขั้นบริหารจัดการได้อีกหลายปีหรือถ้าสิ้นปีนี้เศรษฐกิจฟื้นตัวรัฐบาลก็สามารถเลี้ยงเครื่องประเทศต่อไปได้อีก"
ขณะที่นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลยังได้มีการเตรียมงบประมาณไว้ 2 หมื่นล้านบาท ในกองทุน "ชุมชนพอเพียง" เพื่อรองรับแรงงานที่จะกลับไปสู่ชุมชน เช่น บุคคลที่ต้องการทำงานในธุรการของโรงเรียนของภาครัฐ ซึ่งรัฐบาลได้มีการเตรียมเงินไว้แล้ว 1.2 หมื่นล้านบาทให้กระทรวงศึกษาธิการ สำหรับการจ้างบุคคลากรมาทำหน้าที่ธุรการแทนข้าราชการครูที่จากเดิมทำหน้าที่ในส่วนนี้อยู่ ซึ่งแนวทางนี้จะทำให้ข้าราชการครูมีสมาธิในการสอนมากขึ้น โดยไม่ต้องกังวลกับงานธุรการในโรงเรียน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังสมาชิกได้อภิปรายแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจง ตอบข้อสังเกต และข้อซักถาม ซึ่งใช้เวลารวมกว่า 10 ชั่วโมง ในที่สุดที่ประชุมวุฒิสภาได้ลงมติให้ความเห็นชอบร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2552 ด้วยคะแนน 89 ต่อ 17 เสียง งดออกเสียง 3 เสียง พร้อมเห็นชอบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ จากนั้นประธานสั่งปิดประชุมเวลา 20.10 น.
กำลังโหลดความคิดเห็น