xs
xsm
sm
md
lg

"2พัน"จ่ายเช็คผ่านนายจ้างอัดฉีดรอบใหม่2.2ล้านล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ครม.เศรษฐกิจสรุป 2,000 บาทแล้ว ระบุ 8 ล้านคนที่อยู่ในบัญชีประกันสังคมได้รับเช็คขีดคร่อมจ่ายผ่านนายจ้าง เลือกตามใจชอบขึ้นเงินสดหรือนำไปซื้อของลดราคาก็ได้ ขณะที่ข้าราชการ-ลูกจ้างรัฐได้รับพร้อมเงินเดือน ฟุ้งร้านค้าขานรับมีส่วนลด 10-50% บิ๊กโรบินสัน-ท็อปส์ลั่นออกแคมเปญใหม่ "มาร์ค" เชื่อบรรยากาศเศรษฐกิจจะดีขึ้นตั้งแต่ เม.ย.เป็นต้นไป เผยแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะต่อไปอัดฉีดเม็ดเงินกว่า 2.2 ล้านล้าน ทั้งจากงบประมาณ เงินกู้และหุ้นส่วนลงทุนกับเอกชน

นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) วานนี้ (18 ก.พ.) ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับแนวทางการจ่ายเงินค่าครองชีพ 2,000 บาท สำหรับผู้มีเงินเดือนต่ำกว่า 15,000 บาท ว่า มี 2 ส่วนคือผู้ประกันตนที่อยู่ในระบบนายจ้าง รัฐบาลจะจ่ายโดยกระทรวงแรงงานเป็นผู้ออกเช็คขีดคร่อมระบุชื่อเจ้าของผู้ได้รับสิทธิ ขั้นตอนการจัดส่ง สำนักงานประกันสังคมจะประสานงานเพื่อจัดส่งเช็ค ผ่าน นายจ้าง ผู้ประกอบการ ส่วนผู้ประกันตนที่ไม่ได้อยู่ในระบบนายจ้างและลูกจ้าง ตามมาตรา 39 ของกฎหมายประกันสังคม ให้ติดต่อขอรับเช็คได้ด้วยตนเองที่กระทรวงแรงงาน ตั้งแต่ 26 มี.ค.-8 เม.ย.52 ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ได้รับเช็คสามารถนำไปใช้ซื้อสินค้าและบริการตามร้านต่างๆ ที่ร่วมโครงการหรือนำไปเข้าบัญชีเพื่อเบิกเป็นเงินสดไว้ใช้จ่ายภายหลังได้
"เมื่อนำไปใช้ ก็ให้เจ้าของเซ็นสลักหลังเช็ค 2 ชื่อ เพื่อป้องกันการรั่วไหล เราพยายามหลีกเลี่ยงที่จะจัดส่งทางไปรษณีย์ เชื่อว่า ประชาชนจะไม่มีปัญหาในการใช้เช็ค เพราะไม่ได้กำหนดวันหมดอายุ และเชื่อว่าคงไม่มีใครเก็บเช็คไว้ไม่นำไปขึ้นบัญชีหรือไปใช้จ่าย ขณะเดียวกัน ก็ไม่เชื่อว่าประชาชนจะนำเช็คไปขายลดตามที่มีกระแสข่าวว่าจะมีผู้ตั้งโต๊ะรับซื้อเช็ค เพราะประชาชนที่ได้รับสิทธิหากนำเช็คไปเข้าบัญชีจะได้รับเงินเต็มจำนวน ไม่จำเป็นต้องนำไปขายลดราคา"
สำหรับความร่วมมือจากภาคเอกชน เชื่อว่ามีข่าวออกมาว่าจะมีเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ 20,000 ล้านบาท เชื่อว่าภาคเอกชนคงมีมาตรการตอบรับเช่นกัน นายกอร์ปศักดิ์อ้างว่า มีผู้ประกอบการบางราย เช่น ธุรกิจสวนสนุก มีโปรโมชั่น 100% สำหรับผู้ที่นำเช็คไปใช้บริการ โดยมูลค่าเช็คจะเพิ่มจาก 2,000 เป็น 4,000 บาท
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า ขณะนี้ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB)แจ้งความประสงค์เสนอตัวจัดทำเช็คดังกล่าวให้ เพียงแต่ต้องรอให้สำนักงานประกันสังคม เป็นผู้พิจารณาคัดเลือก อย่างไรก็ตาม ประชาชนที่ถือเช็คดังกล่าว หากไม่นำไปโอนเข้าบัญชีธนาคาร ก็สามารถนำเช็คไปใช้จ่ายซื้อสินค้าได้โดยตรงจากร้านค้าที่ร่วมโครงการ และร้านค้าสามารถจ่ายทอนเป็นเงินสดให้ผู้ถือเช็คได้ด้วย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลวางเป้าหมายให้มีการจ่ายเงิน 2,000 บาทให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 8 เม.ย.52 ขณะนี้รอเพียงกระบวนการอนุมัติงบประมาณกลางปีให้ผ่านสภาโดยเร็ว เพื่อให้รัฐบาลเบิกจ่ายงบประมาณได้ตั้งแต่ กลางเดือน มี.ค. และเชื่อว่าหลังมีเม็ดเงิน 2,000 บาทออกสู่ระบบจะทำให้บรรยากาศทางเศรษฐกิจในเดือน เม.ย. ดีขึ้นอย่างแน่นอน
"ภาคเอกชนเองก็ต้องการรักษายอดขายให้มากที่สุด ถ้ารูปแบบของการจ่ายเงินตรงนี้ออกไป พูดง่ายๆ คล้ายกึ่งคูปอง แต่เป็นรูปแบบเช็ค จะทำให้การปลอมแปลงทำได้ยาก มั่นใจว่ามีการใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งภาคเอกชนยืนยันว่า คนที่เอาเช็คมาใช้ จะมีส่วนลดให้ ตั้งแต่ร้อยละ 10-50 เท่ากับเป็นการช่วยเพิ่มยอดเงินที่จะไปถึงมือประชาชนได้"

***ธุรกิจท่องเที่ยวตีปีกรับเช็ค
ส่วนร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการมีหลากหลายทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค ห้างร้านต่างๆ รวมทั้งธุรกิจด้านการท่องเที่ยวที่มีการตื่นตัวเป็นพิเศษ นายอภิสิทธิ์ยืนยันว่า การจ่ายเช็ค 8 ล้านใบ จะเสร็จต้นเดือน เม.ย.ไม่ต้องมีหลายรอบมีรอบเดียว มี 8 ล้านคน อีกล้านคนอยู่ในระบบราชการอยู่แล้ว น่าจะได้พร้อมเงินเดือน ส่วนคนอื่นที่มีสิทธิ์ แต่ไม่มีสถานประกอบการในปัจจุบัน สำนักงานประกันสังคมที่มีอยู่ในพื้นที่ต่างๆ จะเป็นคนจ่าย โดยจะเริ่มจ่ายทันทีเมื่องบประมาณรายจ่ายผ่านสภาเรียบร้อย คงจะเป็นสัปดาห์หน้า และให้กฏหมายมีผลบังคับใช้
"คาดว่าค้นมี.ค. กระบวนการจัดทำเช็คจะเริ่มได้เลย และเริ่มจ่ายเช็คได้ปลายเดือน มี.ค. ส่วนผลที่ออกมาเมื่อเช็คไปเข้าบัญชี เราก็จะทราบว่าเงินที่จ่ายนี้มีการหมุนเวียนมากน้อยแค่ไหน อย่างไร ส่วนจะเห็นความแตกต่างอย่างไรคิดว่า ผลการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกไปคงจะเห็นบรรยากาศทางเศราฐกิจดีขึ้นในช่วงเดือน เม.ย.เป็นต้นไป"

***โรบินสัน-ท็อปส์ปงัดแคมเปญรองรับ
นางสาวสิรินิจ  โชคชัยฤทธิกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายการตลาด บริษัท ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โรบินสันได้ประชุมเตรียมความพร้อมรองรับนโยบายช่วยเหลือค่าครองชีพคนละ 2,000 บาท ของรัฐบาลตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยการขยายเวลาการจัดรายการส่งเสริมการขายต่างๆ  โดยหลังจากทราบว่า รัฐบาลจะจ่ายเช็ค ในช่วง 26 มี.ค.-8เม.ย. เราจึงเลื่อนระยะเวลาของแคมเปญหลักๆ ในช่วงเดือน มีนาคม-พฤษภาคม 2552 ให้ครอบคลุมช่วงเวลาดังกล่าว โดยแคมเปญแรก คือ แคมเปญ Robinson Sunflower Summer Spirit นำสินค้าแฟชั่นฤดูร้อน พร้อมมอบสิทธิ "ช้อปครบ 800 บาท แลกรับคูปองส่วนลด 10-50 % เริ่มตั้งแต่ วันที่ 2 มี.ค.-19 เม.ย.52 ที่โรบินสัน ทุกสาขา ทั่วไทย
สำหรับฮาร์ทเซลล์ ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือน คือ แคมเปญ Robinson Surprise Sale ลดราคาทุกชั้น ทุกแผนก 10-30 % จะเริ่มในวันรุ่งขึ้น หลังจากการจ่ายเงิน 2,000 บาท คือ เริ่มแคมเปญ วันที่ 27 มีนาคม-6 เมษายน 2552  นอกจากนี้ เพื่อกระตุ้นให้กลุ่มผู้ที่ได้รับเงิน 2,000 บาทออกมาจับจ่าย คือ  จะเพิ่มช่วงเวลาลดราคาพิเศษ ในช่วงเที่ยงวันและช่วงหลังเลิกงาน  เรียกว่า ช่วงเวลา Surprise Hours  คือ ช่วงเวลา 12.00-14.00 น. และ  18.00-20.00 น. ลดราคาพิเศษมากกว่าช่วงปกติ ร่วมมือกับซัปพลายเออร์รายใหญ่ (หลายค่าย) เพื่อช่วยกันมอบสิทธิพิเศษหรือออกคูปองส่วนลดพิเศษ โดยจะเน้นสินค้าที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวันและเป็นรายจ่ายหลักๆ ของครอบครัว   ซึ่งคาดว่าจะสามารถสรุปเงื่อนไขพิเศษได้เร็วๆ นี้
“คาดว่า แผนรองรับที่โรบินสันได้เตรียมไว้ จะช่วยสามารถกระตุ้นการจับจ่ายและช่วยให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอย่างแน่นอน" นางสาวสิรินิจกล่าว
นางสาวภัทรพร เพ็ญประพัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดใหญ่สายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้บริหาร ท็อปส์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลลูกค้าสมาชิก สปอต รีวอร์ด คาร์ด พบว่าลูกค้าสปอต รีวอร์ด คาร์ด ที่มีสิทธิรับเงินจำนวน 2,000 บาทจากรัฐบาลมีอยู่มากกว่า 500,000 ราย จึงจัดรายการ ลดแล้ว ลดเพิ่มอีก จากราคาโปรโมชั่น 5-30%, สิทธิประโยชน์ในการเพิ่มสปอต ผ่านแคมเปญ SPOT Money Back รายการลดราคาสินค้า Red Hot, Tops Saleจ ลดราคาเฉลี่ย 5-20%
นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวก่อนการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน หรือ กรอ. ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ภาคเอกชนจะหารือในการประชุมด้วยว่าจะมีส่วนช่วยเหลือได้อย่างไรบ้าง อย่างเช่นการลดราคาสินค้า เนื่องจากราคาน้ำมันและค่าขนส่งปรับตัวลงมากจนทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง และหากประชาชนนำเช็คมาใช้ซื้อของก็จะลดราคาสินค้าให้ โดยเฉพาะสินค้าประเภทอุปโภคบริโภค ที่ต้องหารือก่อนว่าจะลดราคาเฉพาะสินค้าบางประเภท หรือจะลดทุกชนิด

***อัด 2.2 ล้านล. กระตุ้น ศก.รอบใหม่
โดยนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.เศรษฐกิจ และการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและภาคเอกชน (กรอ.) ว่า ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจได้พิจารณาแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะต่อไป ในการลงทุนที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะกลางและยาว ซึ่งที่ประชุมได้เสนอแผนความจำเป็น และการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่าง ในช่วง 3-4 ข้างหน้า โดยมีการกำหนดกรอบยุทธศาสตร์ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะกลางและยาว เน้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น เรื่องน้ำเพื่อการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และการลงทุนด้านเครือข่ายสื่อสารคมนาคม รวมทั้งการมุ่งให้ภาคอุตสาหกรรมมีลักษณะอิงพื้นฐานความรู้ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อเพิ่มมูลค่ามากขึ้น และการฟื้นการท่องเที่ยว โดยจะมีเป้าหมายอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เช่น การที่ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตอาหารและพลังงานทดแทน รวมถึงภาพรวมทั้งหมด ซึ่งจะรับเข้าสู่เศรษฐกิจที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นายอภิสิทธิ์ระบุว่า มูลค่าการลงทุนทั้งหมดกว่า 2.2 ล้านล้านบาท ใช้วงเงินจากงบประมาณและเงินกู้ทั้งในและนอกประเทศ รวมไปถึงการร่วมเป็นหุ้นส่วนลงทุนกับภาคเอกชน
ขณะเดียวกันได้พิจารณากรอบการทำงานเรื่องของส่วนราชการกับภาคเอกชน หรือ ppp โดยมีนายกอร์ปศักดิ์ เป็นประธานคณะกรรมการ โดยมีหน้าที่ดูข้อกฎหมายให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมงานกับภาครัฐได้ราบรื่น ในการจัดทำบริการสาธารณะ นอกจากนี้ ยังจะดูหลักเกณฑ์และขั้นตอนวิธีการคัดเลือกโครงการที่จะเข้าร่วม ในลักษณะนี้
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้รับทราบตัวเลขค่าเงินบาทจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และปัญหาการร้องเรียนเรื่องเครดิตบูโร โดยปัญหาค่าเงินบาทในขณะนี้ ได้ถกเถียงเน้นขีดความสามารถของการแข่งขัน ส่วนการปรับค่าเงินบาทนั้นจะปรับด้วยอัตราเงินเฟ้อและคำนวนค่าเงินบาทที่ใช้การเฉลี่ยโดยคำนึงถึงค่าน้ำหนักตามประเทศคู่ค้า และเปรียบเทียบค่าเงินของประเทศในภูมิภาคด้วย พบว่าขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยมีไม่มาก โดยเฉพาะเมื่อเทียบในระยะสองปี อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทปรับเข้ามาสู่ภาวะที่มีความสมดุลมากขึ้น
"ปัญหาการส่งออกนั้นได้มีการทำแบบจำลอง พบว่าปัจจัยหลักเป็นเรื่องการหดตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า ธนาคารแห่งประเทศไทยคำนวนว่า ถ้าเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหดตัวร้อยละ1 เศรษฐกิจของไทยจะหดตัว 1.6 เท่า ขณะที่อัตราการตอบสนองแลกเปลี่ยนจะค่อนข้างต่ำกว่ามาก" นายกฯ ระบุ
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการประชุม กรอ. ว่า การประชุมวันนี้ได้มีการหารือภาคเอกชนในแง่การนำมาตราการฟื้นฟูเศรษฐกิจไปสู่การปฏิบัติ นอกจากโครงการเกี่ยวกับการจ่ายเงิน 2,000 บาท แล้ว ยังมีอีก 2 โครงการ คือ 1 โครงการเพิ่มศักยภาพผู้ว่างงาน ฝึกอบรมแรงงาน โดยการประสาน มีงบประมาณจำนวนหนึ่ง ประมาณ 1.5 พันล้านบาท จาก 6.9 พันล้านบาท ที่จะเป็นโครงการทำกับภาคเอกชน เพื่อฝึกอบรมและเพิ่มทักษะแก่คนที่ยังไม่ว่างงาน แต่มีความเสี่ยงโดยที่ภาคเอกชนจะต้องสมทบเงิน จัดวิทยากรและมข้อผูกมัดว่าจะไม่เลิกจ้างเป็นเวลา 1 ปี ในแง่ของการจัดกรองโครงการตรงนี้จะทำร่วมกันระหว่างภาครัฐโดยสำนักนายกฯ กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับภาคเอกชนที่มีการกลั่นกรองผ่านองค์กรเอกชนด้วย เช่น สภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม 2. โครงการของกระทรวงพาณิชย์ที่ช่วยเหลือประชาชนด้วยการลดค่าครองชีพ สินค้าราคาถูกได้รับรายงานจากภาคเอกชนว่ามีผู้สนใจและให้ความร่วมมือกับโครงการลักษณะนี้ ซึ่งไม่เป็นปัญหาอะไร โดยทางรัฐบาลได้ให้ข้อสังเกตว่า เวลานี้ยังมาสินค้าหลายรายการไม่ลดราคาอาจไม่ใช่สินค้าควบคุม ตามการลดลงมาของราคาน้ำมัน ขอให้ภาคเอกชนไปกำกับดูแลกันเองด้วย
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังมาตรการช่วยเหลือคนกลุ่มอื่น เช่นเกษตรกร ในวงเงิน 1.2 แสนล้านบาท ในส่วนผู้ว่างงานจะใช้งบ 6.9 พันล้านบาท นอกจากนี้รัฐบาลยังมีมาตรการชดเชยคนว่างงาน โดยยืดระยะเวลาเป็นสองเดือน จะเห็นได้ว่าครอบคลุมมากพอสมควร ส่วนที่ไม่ได้หรือยังไม่มีความชัดเจน คือคนที่มีรายได้เกิน 1.5 หมื่นบาท ที่ต้องยอมเสียสละให้คนที่มีรายได้น้อยก่อน
นายอภิสิทธิ์เปิดเผยว่า สัปดาห์ฯ หน้าจะเป็นการประชุมเรื่องการขนส่งหรือลอจิสติก ส่วนปัญหาที่เกรงกันว่าที่ต้องไปกู้เงินต่างชาติมาลงทุนนั้นและกระทบเงินกู้นั้น เรื่องนี้กระทรวงการคลังจะเป็นผู้เตรียมมาตรการ ซึ่งต้องยอมรับว่า ตัวเลขสองเดือนแรกของปีนี้จะหนักเกือบทุกภูมิภาค โดยเฉพาะตัวเลขการส่งออกทุกประเทศที่เป็นระบบเศรษฐกิจเปิดจะติดลบสองหลักขึ้นไป และอาจจะมากกว่าร้อยละ 20 ฉะนั้นรัฐบาลจะให้ความสำคัญการฝึกอบรมแรงงานมากว่าการท่องเที่ยวหรือส่งออก รวมถึงให้ความสำคัญต่อ เอสเอ็มอีด้วย
ส่วนกระบวนการลงทุนภาครัฐและเอกชนในขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนให้ นายกอร์ปศักดิ์ ไปศึกษาเพราะอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น แต่ที่ผ่านมารัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช เคยตั้งคณะกรรมการพิจารณาเรื่องนี้แล้วแต่ยังไม่คืบหน้า และความเข้าใจในเรื่องการทำโครงการพีพีพีของหน่วยราชการยังติดปัญหาพอสมควร และต้องดูข้อกฎหมายการลงทุน ปี 35 ด้วยต้องแก้ปัญหาเหล่านี้ให้หมดไปก่อน ซึ่งบางโครงการที่มีการลงทุนอยู่แล้วสามารถเดินหน้าไปได้ เช่นเรื่องการเดินรถ เป็นต้น.
กำลังโหลดความคิดเห็น