xs
xsm
sm
md
lg

พุทธบริษัทเมินเฉย : เหตุเกิดพระตุ๊ดเณรแต๋ว

เผยแพร่:   โดย: สามารถ มังสัง

ในขณะที่ข่าวเจ้าอาวาสแห่งหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช ชักชวนชายหนุ่มมาดื่มสุราและมีเพศสัมพันธ์ถึงในกุฏิ จนเป็นเหตุให้ขาประจำเกิดอาการหึงหวงเกิดปากเสียงกัน และจบลงด้วยคู่ขาถูกทำร้ายร่างกาย ยังไม่ทันจะจางหายไปจากความทรงจำของคนทำสื่อ และคนบริโภคสื่อ ข่าวเจ้าอาวาสแห่งหนึ่งในจังหวัดลำพูน แปลงเพศเป็นหญิงและแต่งตัวออกไปท่องราตรีซื้อบริการทางเพศจากนักศึกษาหนุ่ม และได้ตกเป็นข่าวทางสื่อ เนื่องจากไปติดใจนักศึกษาหนุ่มถึงขนาดใช้หนี้การพนันให้เป็นเงินจำนวนหลายหมื่น

จากข่าวที่ปรากฏทั้งในส่วนที่เกี่ยวกับเจ้าอาวาสที่นครศรีธรรมราช และจังหวัดลำพูน ได้บ่งบอกถึงความเหมือนกันของเหตุที่ทำให้เกิดเป็นข่าวคือ เป็นกะเทยมาบวช และครั้นบวชแล้วก็แสดงพฤติกรรมของความเป็นกะเทยออกมาในทำนองเดียวกับที่คนประเภทนี้แสดง คือ มีพฤติกรรมสนองความต้องการทางเพศกับคนประเภทเดียวกัน อันถือได้ว่าเป็นพฤติกรรมที่ผิดปกติในบุคคลทั่วไป และนี่เองคือจุดที่ทำให้ตกเป็นข่าว

อันที่จริงถ้ามีการยึดถือพระวินัยอย่างเคร่งครัด คนที่เป็นกะเทยไม่สามารถบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาได้ และถ้าปรากฏว่ามีพระอุปัชฌาย์รูปใดรูปหนึ่งบวชให้โดยไม่รู้ ในทันทีที่รู้จะต้องให้สึกออกไป และในการให้มีการลงโทษถึงขั้นให้สึกออกไปมีความเหมือนระหว่างพระภิกษุกับสามเณร ดังนี้

โทษสำหรับสามเณรที่ล่วงละเมิดแล้วจะต้องให้สึกออกไปมี 10 ประการ คือ

1) ฆ่าสัตว์ 2) ลักทรัพย์ 3) ประพฤติผิดในกาม 4) พูดปด 5) ดื่มสุราเมรัย 6) ติเตียนพระพุทธ 7) ติเตียนพระธรรม 8) ติเตียนพระสงฆ์ 9) มีความเห็นผิด 10) ประทุษร้าย (ข่มขืน) นางภิกษุณี

โทษ 10 ประการที่กล่าวมาข้างต้นนี้ บัญญัติไว้สำหรับผู้ที่ได้บรรพชาเป็นสามเณรแล้ว แต่สำหรับผู้ที่จะได้รับการบรรพชาเป็นสามเณร และอุปสมบทเป็นพระภิกษุนั้น จะต้องไม่ขัดต่อข้อห้าม 11 ประการดังต่อไปนี้

1. เป็นกะเทย

2. เป็นคนที่ลักเพศ (คือบวชเองโดยไม่ถูกต้อง)

3. เป็นภิกษุที่เข้ารีตเดียรถีย์

4. เป็นสัตว์เดรัจฉาน

5. ฆ่ามารดา

6. ฆ่าบิดา

7. ฆ่าพระอรหันต์

8. ข่มขืนนางภิกษุณี

9. ทำสงฆ์ให้แตกกัน

10. ประทุษร้ายพระพุทธเจ้าถึงยังพระโลหิตให้ห้อ (ช้ำเลือด)

11. คนมีอวัยวะ 2 เพศ (อุภโตพยัญชนก)

จากข้อห้ามทั้ง 11 ข้อ จะเห็นได้ว่าในข้อที่ 1 และข้อที่ 11 คือข้อห้ามที่ปรากฏว่ามีพระอุปัชฌาย์หลายรูปได้ละเลยไม่ใส่ใจ รวมไปถึงอุบาสกและอุบาสิกาไม่รู้ ไม่เข้าใจ หรือรู้แต่เมินเฉย จึงทำให้มีเจ้าอาวาสทั้งที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดลำพูน เข้ามาบวชได้ ทั้งอยู่นานจนเป็นถึงเจ้าอาวาสได้ด้วย

ในทางวินัย คำว่า กะเทย และคนมีสองเพศ หมายถึงคนประเภทไหน และที่ห้ามบวชด้วยเหตุผลอะไร?

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าย้อนไปที่มาที่ไปของข้อห้าม รวมไปถึงเปรียบเทียบกับพฤติกรรมที่คนซึ่งเป็นกะเทยแสดงออกเฉกเช่นที่เกิดขึ้นกับเจ้าอาวาสทั้ง 2 แห่งดังกล่าวข้างต้นแล้ว ก็พอจะอธิบายขยายได้

แต่ขอเริ่มด้วยประเด็นแรกแห่งคำถามที่ว่า กะเทย หรือที่เรียกว่า บัณเฑาะก์ ในภาษาบาลีหมายถึงคนที่มีพฤติกรรมตรงกันข้ามกับเพศของตัวเอง อันได้แก่ ชายมีพฤติกรรมเป็นหญิง และน่าจะรวมถึงหญิงที่มีพฤติกรรมเป็นชายด้วย คนประเภทนี้ในอรรถกถาเรียกว่า กะเทยเทียม ส่วนที่เรียกว่า กะเทยแท้ ได้แก่คนที่มี 2 เพศอยู่ในคนคนเดียวกัน หรือที่เรียกว่า อุภโตพยัญชนก ในข้อห้ามที่ 11 นั่นเอง ทั้งกะเทยแท้และกะเทยเทียมทางพุทธศาสนาห้ามบวชทั้งพระภิกษุ และสามเณร

ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมจึงห้ามนั้น น่าจะมาจากว่าเมื่อบวชแล้วจะไม่เป็นที่ตั้งแห่งศรัทธาของผู้ที่ได้พบเห็น และที่สำคัญที่สุดก็คือ การทำให้เกิดความวุ่นวาย และเป็นที่รังเกียจในหมู่ภิกษุและสามเณรด้วยกันจนถึงขั้นนำไปสู่ความแตกแยกเกิดขึ้นได้นั่นเอง และเมื่อมีการห้ามบวชแล้วก็มีการกำหนดแนวทางแก้ไขสำหรับผู้ให้บวชโดยไม่รู้ได้ว่า เมื่อรู้ในภายหลังต้องให้สึกออกไป และถ้ารู้ก่อนแล้วยังบวชให้หรือรู้ภายหลังแล้วยังให้อยู่ต่อไป อุปัชฌาย์ผู้ให้บวชต้องอาบัติทุกกฎ

พูดง่ายๆ ก็คือ ในทางพระวินัยพระพุทธเจ้าไม่ทรงอนุญาตให้สงฆ์รับบุคคลที่เป็นกะเทย ทั้งกะเทยเทียมตามข้อห้ามที่ 1 และกะเทยแท้ตามข้อห้ามที่ 11 เข้ามาบวช และถ้าให้บวชแล้วด้วยความไม่รู้ เมื่อใดที่รู้ก็จะต้องจัดการให้สึกออกไป

แต่วันนี้และเวลานี้ ในสังฆมณฑลแห่งประเทศไทยมีพระตุ๊ดเณรแต๋วให้เห็นอยู่บ่อยๆ และที่น่าสังเกตก็คือ มีบ่อยครั้งที่พระตุ๊ดเณรแต๋วที่ว่านี้ออกมาทำเรื่องไม่ดีไม่งาม ตกเป็นข่าวฉาวโฉ่เป็นการทำลายพุทธศาสนา ทั้งในสายตาของชาวพุทธเอง และที่สำคัญเป็นเหตุอ้างในคนต่างศาสนาหยิบยกขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์โจมตีเพื่อหวังผลในการทำลายศรัทธาด้วย

ด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ทางมหาเถรสมาคม และสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ จะได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาแก้ไขอย่างจริงจัง โดยยึดพระวินัยเป็นหลักในการออกกฎมหาเถรสมาคมเป็นการตอกย้ำเพื่อเกื้อกูลพระวินัย ด้วยการลงโทษพระอุปัชฌาย์ที่บวชบุคคลต้องห้ามตามหลักแห่งวินัย 10 ประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประการที่ 1 คือกะเทยที่เป็นต้นเหตุแห่งพฤติกรรมฉาวโฉ่ดังที่เกิดขึ้นกับเจ้าอาวาสแห่งหนึ่งในจังหวัดลำพูนรายล่าสุด แต่คงมิใช่รายสุดท้ายแน่นอน ถ้าทางฝ่ายที่รับผิดชอบไม่ร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหาที่ว่านี้อย่างจริงจัง

อันที่จริง ถ้ามีความจริงจังและจริงใจในการแก้ไขปัญหานี้ ผู้เขียนเชื่อว่าทำได้ไม่ยาก เพราะเชื่อว่าไม่มีใครที่เห็นแล้วไม่รู้ และไม่เข้าใจว่าคนที่มีพฤติกรรมตรงกันข้ามกับเพศ คือ บุคคลต้องห้ามบวชเป็นพระภิกษุและสามเณรในพุทธศาสนา
กำลังโหลดความคิดเห็น