xs
xsm
sm
md
lg

แจกปลากระป๋องเน่า : พฤติกรรมดำแลกขาวใน ปชป.

เผยแพร่:   โดย: สามารถ มังสัง

ในการค้นหาความจริงโดยปกติจะกระทำได้ในรูปแบบ คือ

1. ความจริงซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต กระทำได้โดยการคาดการณ์ในปัจจุบันด้วยการตั้งสมมติฐาน และหาความจริง โดยการคาดการณ์ตามกระบวนการทางตรรกศาสตร์ หรือที่เรียกว่า พยากรณ์เหตุการณ์

2. ความจริงเกิดขึ้นแล้วอันเป็นผลสืบเนื่องจากเหตุอันใดอันหนึ่ง ถ้าต้องการจะหาความจริงอันเป็นเหตุให้เกิดผลที่ว่านี้สามารถกระทำได้ด้วยการสอบสวนจากผลไปหาเหตุ โดยอาศัยกระบวนการทางตรรกศาสตร์ในทำนองเดียวกัน แต่กระทำในลักษณะตั้งสมมติฐานในสิ่งที่คาดว่าจะเป็นเหตุ และหาตัวเชื่อมโยงระหว่างผลกับสิ่งที่คาดว่าจะเป็นเหตุ เมื่อมีความลงตัวก็เป็นอันยุติว่าสิ่งนี้คือเหตุแห่งผลที่เกิดนั้น

วันนี้ และเวลานี้สังคมไทยกำลังมีเรื่องที่ผู้คนในสังคมต้องการทราบความจริง อันเป็นเหตุอยู่เรื่องหนึ่ง คือ การนำปลากระป๋องไปแจกผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่จังหวัดพัทลุงเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2551 และเมื่อผู้ประสบภัยรับไปแล้วปรากฏว่าไม่สามารถบริโภคได้เนื่องจากเนื้อปลามีกลิ่นเหม็นเน่าเปื่อย และเมื่อลองชิมดูปรากฏว่าทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน จนกลายเป็นข่าว และนำมาสู่กระบวนการหาความจริง ทั้งในส่วนของสื่อ และในส่วนของการเมือง

ในส่วนของสื่อ ได้มีการเผยแพร่และขุดคุ้ยที่ไปที่มาของปลากระป๋องที่ว่านี้อย่างกว้างขวาง จนถึงขั้นวิเคราะห์เจาะลึกลงไปว่าปลากระป๋องที่ว่านี้ผลิตที่โรงงานแห่งหนึ่งในจังหวัดสมุทรสาคร และเป็นโรงงานที่ผลิตปลากระป๋องโดยไม่มีเครื่องหมาย อย. และมีการลงข่าวพาดพิงถึงนักการเมืองด้วย และนักการเมืองคนที่ว่านี้สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งมีตำแหน่งทางการเมืองสูงขั้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวง

ด้วยเหตุที่เรื่องการแจกปลากระป๋องพัวพันกับนักการเมืองในระดับรัฐมนตรี จึงมีผลกระทบโดยตรงต่อผู้นำรัฐบาล ทั้งในแง่ของการบริหารจัดการด้านบุคลากร และในด้านคุณธรรม จริยธรรม รวมไปถึงการรักษาไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย ทั้งนี้เนื่องจากปัจจัยและภาวะแวดล้อมทางการเมืองดังต่อไปนี้

1. รัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เกิดขึ้นในท่ามกลางความหวังของผู้คนในประเทศที่จะได้เห็นนักการเมืองซื่อสัตย์ จริงจัง และจริงใจในการบริหารบ้านเมืองเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติอันเป็นส่วนรวม หลังจากที่ผู้คนส่วนใหญ่ได้พบกับความผิดหวังกับพฤติกรรมนักการเมืองในระบอบทักษิณที่บริหารบ้านเมืองด้วยนโยบาย และการแสวงหาประโยชน์ให้แก่ตนเองและพวกพ้องด้วยการกระทำอันมิชอบ

และนี่เองจะเป็นจุดเปราะบางของการแจกปลากระป๋องเน่าในครั้งนี้ เพราะเมื่อคนให้ความหวังไว้มากก็จะคอยจับตาดูอย่างใกล้ชิด และหากมีการกระทำผิดในทำนองเดียวกับที่รัฐมนตรีในระบอบทักษิณเคยกระทำผิด ก็จะทำให้เกิดความผิดหวัง และเมื่อผิดหวังการลุกขึ้นต่อต้านก็จะเริ่มขึ้น

2. เมื่อมองย้อนหลังไปดูพฤติกรรมทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ในรูปแบบของพฤติกรรมองค์กรโดยรวม ก็จะเห็นว่าพรรคนี้ยึดถือความซื่อสัตย์ โปร่งใสมาตลอด โดยเฉพาะในยุคที่โดดเด่นในทางการเมือง เช่น ยุคของนายควง อภัยวงศ์ ยุคของนายเสนีย์ ปราโมช และยุคของนายชวน หลีกภัย เป็นต้น

ดังนั้น ในยุคนี้อันเป็นยุคที่สังคมเรียกหาความซื่อสัตย์ โปร่งใสยิ่งกว่ายุคใดๆ ที่ผ่านมาด้วยแล้ว นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะต้องรับภาระหนักในการอนุรักษ์ภาพลักษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ที่ว่านี้ ทั้งเพื่อพรรคและเพื่อวงศ์ตระกูลของตนเอง และที่สำคัญที่สุดเพื่ออนาคตทางการเมืองของตนเองที่ยังเหลืออยู่อีกยาวนานให้จงได้

ถ้าทำได้ คนหนึ่งที่ภูมิใจและดีใจไม่น้อยหรืออาจมากกว่าตัวนายอภิสิทธิ์เองก็คือ นายชวน หลีกภัย ในฐานะผู้เป็นแบบอย่างในทางการเมืองให้นายอภิสิทธิ์ เดินตามมาตลอด และในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคที่ว่านี้ด้วย

ด้วยเหตุ 2 ประการที่ว่ามานี้ ผู้เขียนเชื่อว่าหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะผู้นำรัฐบาลคงต้องตัดสินใจแก้ไขปัญหาความไม่โปร่งใสในกรณีของปลากระป๋องเน่าโดยเร็ว และเด็ดขาดเข้าตาประชาชนที่คอยเอาใจช่วยเพื่อต้องการเห็นการเมืองโปร่งใส

แต่อย่างไรก็ตาม ลำพังผู้นำรัฐบาลก็คงจะแก้ไขปัญหาที่ว่านี้ได้ไม่ง่ายนัก ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากพรรคร่วมรัฐบาล และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทุกคน เพราะจะต้องไม่ลืมว่ารัฐบาลผสมที่มีเสียงไม่มากพออย่างเช่นในขณะนี้ โอกาสที่พบกับปัญหาสะดุดในสภาฯ เกิดขึ้นได้ทุกขณะที่ ส.ส.ในพรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมรัฐบาลไม่ให้ความร่วมมือ จะเห็นได้จากการที่สภาฯ ล่ม เนื่องจากไม่ครบองค์ประชุมที่ผ่านมา

ไม่ว่าจะยากหรือไม่ยาก ในการแก้ไขปัญหาปลากระป๋องเน่าที่เกิดขึ้นกับคนของพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และหัวหน้ารัฐบาล จะต้องใช้ความเด็ดขาดแก้ไขปัญหาให้ได้ ทั้งจะต้องเร็วด้วย

ทางออกที่ดีสำหรับการแก้ปัญหานี้ ถ้าทางคนของพรรคประชาธิปัตย์เห็นแก่อนาคตของพรรค และเห็นแก่หน้าหัวหน้าพรรค ก็ควรที่จะผลักดันให้รัฐมนตรีเจ้าปัญหาคือ นายวิฑูรย์ นามบุตร ลาออกก่อนเพื่อเปิดโอกาสให้มีการปรับ ครม.และในขณะเดียวกันให้นายกรัฐมนตรีมีความอิสระในการเลือกบุคคลที่เหมาะสมมาแทน

ถ้าหากคนในพรรคประชาธิปัตย์ทำได้เยี่ยงนี้ ก็เชื่อได้ว่าความพร้อมของพรรคประชาธิปัตย์ในยุคของคนรุ่นใหม่คงก้าวต่อไปด้วยความสง่างาม และมองเห็นการเป็นรัฐบาลพรรคเดียวในอนาคตอันใกล้นี้

แต่ถ้ามีการแก่งแย่งหรือขัดขวางมิให้มีการปรับ ครม.เพื่อเอาคนมีปัญหาออกไป ก็จะได้เห็นพรรคประชาธิปัตย์กลับไปเป็นฝ่ายค้านอย่างเดิมในการเลือกตั้งครั้งต่อไปก็เป็นได้
กำลังโหลดความคิดเห็น