รองนายกฯ เบอร์ 1 ไม่บ้าจี้ตามพรรคฝ่ายค้าน แต่ไม่นิ่งนอนใจคำนึงถึงความรู้ของ ปชช.ต่อกรณีปลากระป๋องเน่า ลั่นหลังนายกฯ กลับมาพร้อมพิจารณาความถูกผิด ผุดไอเดียยกเลิกระบบแจกของ เปลี่ยนมาแจกเงินสดแทนอ้างถึงมือ ปชช.เต็มร้อย หมดปัญหา “คอมมิชชัน”
วันนี้ (30 ม.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาปลากระป๋องเน่า ที่ฝ่ายค้านนำมาสอบถามกระทู้ในสภาเกี่ยวกับความไม่โปร่งใสของนายวิฑูรย์ นามบุตร รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ยังชี้แจงไม่กระจ่างว่า ได้ฟังนายวิฑูรย์ชี้แจงในสภา ก็เห็นว่าชี้แจงได้แข็งแรงดี ส่วนที่ฝ่ายค้านมองว่านายวิฑูรย์ชี้แจงไม่เคลียร์นั้นก็ต้องดูกันต่อไป
“ผมจะดูว่าเมื่อนายกฯ กลับมาจากดาวอสแล้วก็จะปรึกษาหารือกัน แต่เรื่องอย่างนี้ปล่อยไว้คาใจประชาชนไม่ได้ ต้องสะสางให้ชัดเจน ซึ่งจะผิดหรือไม่ผมยังไม่รู้ เพราะต้องดูจากพยานหลักฐานทั้งหลาย แต่สิ่งที่เสียหายแล้วขณะนี้คือมันเสียความรู้สึกของประชาชน โดยเฉพาะคนที่เขาเดือดร้อนอยู่” นายสุเทพ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายค้านมองว่ามาตรฐานของพรรคประชาธิปัตย์ในการตื่นตัวกับการจัดการเรื่องทุจริตต่างๆ น้อยลงกว่าก่อนที่จะเป็นรัฐบาล นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องนี้เพิ่งเกิดเรื่องขึ้นมาไม่นาน เราก็ต้องให้โอกาสผู้ที่ถูกกล่าวหาได้พิจารณาหาเอกสาร หลักฐานมาชี้แจง เพราะถ้าเราเล่นตามเกมฝ่ายค้าน เขาก็คงกล่าวหาได้ทุกวัน อีกหน่อยเราก็ต้องปรับ ครม.กันหมด ผิดก็ต้องเป็นผิด อย่ากังวลใจ ถ้าไม่ผิดก็ต้องไม่ผิด
สำหรับกรณีของนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย ที่มีปัญหาเรื่องการแจกเงินนั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ กล่าวว่า เรื่องของนายบุญจง ซึ่งอยู่กลุ่มเพื่อนเนวินนั้น ส่วนตัวยังคิดว่าการกระทำดังกล่าวยังไม่ชัดเจน เพราะจากที่สื่อมาถามหรือที่ฝ่ายค้านออกมาพูดมันยังห่างจากความเป็นจริงที่นายบุญจง ได้ออกมายืนยัน ดังนั้นเมื่อมีการเสนอให้ ป.ป.ช.และกกต.ไปตรวจสอบ ก็เป็นสิ่งที่ดีแล้ว ซึ่งตนว่า 2 องค์กรนี้เป็นองค์กรกลางที่เป็นอิสระและดีที่สุด
เมื่อถามว่ามีการเปิดข้อมูลใหม่ว่านอกจากแจกนามบัตรแล้ว ยังมีการแนบใบสมัครสมาชิกพรรคภูมิใจไทยด้วย นายบุญจงได้อธิบายเรื่องนี้หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ได้อธิบาย และตนก็เพิ่งได้ยินเรื่องนี้ เมื่อถามว่าการมอบเงินดังกล่าวนี้จะถูกมองว่านำงบประมาณของรัฐไปสร้างความนิยมให้ตัวเองหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น
“ส่วนตัวผมมีความคิดมาตลอดว่ากระบวนการซื้อของไปแจกให้ประชาชนนั้นควรจะเลิกได้แล้ว ถ้าจะช่วยเหลือประชาชนที่ประสบความเดือดร้อนในกรณีต่างๆ ผมว่าช่วยไปเป็นเงินเลยดีกว่า ประชาชนจะได้ใช้เงินนั้นไปซื้อหาสิ่งที่เป็นความจำเป็นกับเขาจริงๆ แล้วมันไม่รั่วไหลด้วย สมมติถ้าให้ 1 พัน เงินก็จะถึงมือประชาชน 1 พัน แต่ถ้าเป็นของก็อาจจะมีค่าคอมมิชชันเข้ามา ทำให้เหลือถึงประชาชนไม่เท่าไหร่ โดยเงินนี้อาจจะมีผู้ไปมอบให้หรือโอนไปให้ แต่การไปมอบเงินให้ประชาชนอย่างนี้ จะเอามาเป็นข้อกล่าวหาว่าเป็นการสร้างความนิยมให้ตัวเองคงไม่ได้ ส่วนที่เป็นของก็ยิ่งแล้วไปใหญ่” รองนายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่าแสดงว่าหลังจากนี้นโยบายของรัฐบาลการที่จะแจกสิ่งของนั้นจะเปลี่ยนมาให้เป็นเงินแทนใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า นี่เป็นความคิดของตนแต่คงต้องคุยกันในพรรคร่วมรัฐบาล