“เป็ดเหลิม” คุยโวเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อใดเอกสารต้องชัด เล็งซักฟอกทั้งคณะ เสียดสี “เทพเทือก” ยิ่งใหญ่กว่านายกฯ โว ข้อมูลเจ๋งกว่าสมัย ส.ป.ก.4-01 ฟุ้งหลักฐานไม่น้ำเน่าแน่
วันนี้ (2 ก.พ.) ที่โรงแรมกรีนเนอรี่ รีสอร์ท เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวก่อนเข้าร่วมการสัมมนาพรรคเพื่อไทย ถึงความคืบหน้าในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการพิจารณา การทำหน้าที่ฝ่ายค้านนั้น อย่ากำหนดเวลาให้กับรัฐบาล ต้องดูสถานการณ์ ถ้าควรยื่นญัตติก็จะพิจารณาใน 2 ภาคส่วน คือ รายบุคคลหรือทั้งคณะ การเมืองวันนี้ไม่ใช่ดูเฉพาะการบริหารประเทศ ว่า เสียหายมากน้อยเพียงใด ต้องดูพฤติกรรมของบางพรรคในอดีตด้วยว่า กระทำการให้เกิดความเสียหายหรือไม่ เอาทรัพย์สินราชการไปใช้หรือเกิดความเสียหายอย่างไรบ้าง ที่สำคัญคือ เอกสารหลักฐานต่างๆ ต้องชัด
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า รัฐมนตรี 2-3 คน ที่มีข่าวว่าอาจถูกปรับออกนั้นก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่เมื่อเช้านี้เห็นข่าวว่า สุเทพ (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี) ลั่น ไม่ปรับ ครม.ถ้าจริงฝ่ายค้านก็งานเข้า เพราะแสดงว่าวันนี้ นายสุเทพ ใหญ่กว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี การปรับ ครม.ต้องเป็นหน้าที่ของนายกฯ ส่วนกรณีที่นายกฯ ระบุว่า อีก 2-3 วันจะมีความชัดเจนในเรื่องการปรับ ครม.นั้น รัฐบาลจะปรับ ครม.หรือไม่เป็นเรื่องของรัฐบาล แต่หลักฐานของเราจะต้องดูว่าถึงใคร ข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายเป็นอย่างไร ซึ่งตนก็มีส่วนในการตรวจสอบหลักฐานด้วย
“ข้อมูลที่มีตอนนี้ไม่ใช่แค่รายบุคคล แต่ทั้งคณะ เป้าหมายหลัก คือ ทั้งคณะก็ต้องมีนายกฯอยู่แล้ว ส่วนพวกแจกของ พวกปลากระป๋อง แค่ของแถม เรากำลังรวบรวมเป็นเมนครอส” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การปรับ ครม.จะไม่ส่งผลต่อการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจใช่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่มี ขอเวลาอีกนิด ตนเป็นมืออภิปรายคนหนึ่งในสภา เท่าที่ดูหลักฐานมันชัดเจน ทางการเมืองแค่มีพฤติกรรมส่อ แล้วหลักฐานลงลึก ลงชัดก็พอแล้ว ตนมีทั้งพยานบุคคล พยานเอกสาร พยานบุคคลนั้นจะพยายามเอ่ยถึงให้น้อยที่สุด เพราะอาจะจะถูกบีบคั้นขู่เข็นได้
ส่วนจะถึงขั้นเมื่อครั้ง ส.ป.ก.4-01 หรือไม่นั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ครั้งนี้จะหนักกว่า พรรคร่วมรัฐบาลเห็นข้อมูลของฝ่ายค้านมีเหตุผล เถียงไม่ได้ อาจจะโหวตให้เรา มันก็จะหนักกว่า ยื่นญัตติแล้วจะยุบสภาก็ไม่ได้ นายอภิสิทธิ์ ก็ต้องไป
สำหรับจำนวนผู้ที่จะอภิปรายนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ก็ต้องดูหลักฐาน กรณีปลากระป๋อง กรณียึดสนามบินสุวรรณภูมิ รัฐมนตรีทำผิดกฎหมาย ก็ต้องดูว่าใครเป็นเจ้าของเรื่อง และการสัมมนาในวันนี้ก็ไม่ใช่การติวเข้ม เพราะพรรคนี้ระดับอาวุโส พรรษาแก่ทั้งนั้น
ส่วนมองว่า ควรมีผู้อภิปรายกี่คน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ต้องเป็น 10 คน แต่จะเอารูปแบบใหม่ การสรุปจะไม่สรุปแบบระยะเวลากระชั้นชิด ฝ่ายค้านในอดีตจะสรุปประมาณ 5 ทุ่ม มีเวลาชั่วโมงเดียว แต่ครั้งนี้อาจจะเป็นหลังข่าวภาคค่ำ แข่งกับละครหลังข่าว ประชันกันไปเลยจะได้ไม่ต้องเร่ง เอาเนื้อหาสาระ ไม่โหวกเหวกแล้วฝ่ายรัฐบาลนั่งอมยิ้ม รอบนี้นายกฯจะบอกว่าไม่ตอบ มีคำตอบอยู่ในใจไม่ได้เด็ดขาด
“ถ้ามอบหมายให้ผมเป็นคนสรุป จะสรุปทีละเรื่อง คนฟังจะได้เข้าใจชัดเจน จะพูดแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว จากนี้มาถามเรื่องนี้จะไม่พูดอีกแล้ว เดี๋ยวจะหาว่าไปขู่เขา” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอ้าง ไม่รีบยื่นญัตติ เพราะข้อมูลทางเทคนิคต้องละเอียด ส่วนหากมั่นใจในข้อมูล เหตุใดจึงไม่รีบยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ข้อมูลทางเทคนิคต้องศึกษาข้อมูลและรายละเอียดเพื่อให้ประชาชนเข้าใจ เพราะถ้าประชาชนไม่เข้าใจมันก็ไม่มีน้ำหนัก
สำหรับการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีทั้งคณะนั้น ต้องแนบชื่อบุคคลที่พร้อมจะเป็นนายกฯไปด้วยนั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า นี่แหละปัญหาเลยต้องช้า ถ้ารัฐบาลแพ้โหวตคนที่ใส่ชื่อไว้มันจะออโตเมติคทันที เป็นนายกฯทันทีโดยไม่ต้องโหวต ซึ่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยนั้นไม่สามารถทำได้
ส่วนหากมีการใส่ชื่อ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง นั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า คนมีอีกเยอะ อาวุโสก็เยอะ ถามว่าตนเป็นได้หรือไม่ ถ้าใช้ส่วนสูงก็ถึง สำหรับกรณีที่เคยระบุว่ารอเอกสารเพียงแผ่นเดียวนั้นขณะนี้ได้หรือยัง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ได้แล้ว กำลังทำความเข้าใจอยู่ ถ้าเอกสารไหนเด็ดขาดก็ต้องพูดเพียงคนเดียว หากพูดหลายคนน้ำหนักมันจะลด จะนำเสนอให้ประชาชนเข้าใจให้ดีที่สุด และมันต้องทั้งคณะ และน่าจะสมัยประชุมนี้
ส่วนการอภิปรายแข่งกับช่วงเวลาละครนั้น กลัวรัฐบาลจะหาว่าน้ำเน่าเหมือนละครหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า อยู่ที่การนำเสนอหลักฐาน ถ้าสื่อลงข่าวไปแล้วก็ถือว่าไม่ใหม่ แต่ของตนไม่ใช่แน่นอน