ASTVผู้จัดการรายวัน-ซัสโก้หยุดขยายปั๊มน้ำมันและปั๊มแอลพีจี เหตุเศรษฐกิจชะลอตัวและไม่คุ้มลงทุนในช่วงน้ำมันถูก เบนเข็มขยายปั๊มเอ็นจีวีร่วมกับปตท.แทน ทางด้าน PT ขอชะลอเช่นกัน
นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามสหบริการ จำกัด (มหาชน)หรือซัสโก้ เปิดเผยว่า การลงทุนขยายสถานีบริการซัสโก้คงไม่มี ยกเว้นจะพบทำเลที่ดี แต่จะลงทุนปรับโฉมภาพลักษณ์ใหม่ให้ครบ ขณะเดียวกันได้ร่วมลงทุนกับบมจ.ปตท.ในการทำสถานีบริการเอ็นจีวีเพิ่มจากเดิมที่มี 6แห่งเป็น 12 แห่งภายในปี 2552 เน้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งเป็นไปตามแผนลงทุนเดิมอยู่แล้ว จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปีนี้บริษัทหยุดขยายสถานีให้บริการก๊าซแอลพีจีสำหรับรถยนต์ จากเดิมที่เปิดครบ 7 แห่ง เพราะเห็นว่าไม่คุ้มการลงทุน หลังราคาน้ำมันอ่อนตัวลงมากทำให้ผู้ใช้รถยนต์หันไปใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น จนกว่าราคาน้ำมันจะอยู่ที่ 24-25 บาท/ลิตร จึงจะจูงใจให้ลงทุนธุรกิจนี้อีกครั้ง
"จากราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลง ทางบริษัทคงต้องหารือกับปตท.ว่าจะมีนโยบายเอ็นจีวีอย่างไรในต้นปีนี้ โดยปตท.อาจจะชะลอการเปิดปั๊มเอ็นจีวีลง แต่ในส่วนตัวเห็นว่าเป็นจังหวะที่ดีที่ปตท.จะเร่งขยายปั๊ม เนื่องจากต้นทุนค่าวัสดุอุปกรณ์ถูกลง"นายชัยฤทธิ์กล่าว
นายชัยฤทธิ์ กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้รวม 7,000-7,500 ล้านบาท ลดลงจากปี2551 ที่คาดว่าจะมีรายได้รวมกว่า 9 พันล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันถูกลง ส่วนกำไรน่าจะดีขึ้นเป็นผลจากค่าการตลาดดีอยู่ ขณะเดียวกันบริษัทฯมีแผนจะส่งออกน้ำมันไปประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้น หลังจากที่ได้หยุดไปในช่วงราคาน้ำมันแพง ล่าสุดได้มีการประมูลขายน้ำมันให้ลาวในช่วง ต.ค.ที่ผ่านมา
"เดิมบริษัทฯตั้งเป้าว่าปี 51 มีรายได้แตะ 1หมื่นล้านบาท แต่ราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงในช่วงไตรมาส 4 ทำให้รายได้ไม่เข้าเป้า แต่เชื่อว่าทั้งปียังมีกำไรอยู่ ส่วนปีนี้รายได้น้อยอยู่ที่ 7-7.5 พันล้านบาท ลดลงจากปีก่อนแต่กำไรน่าจะดีขึ้น"
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ภาคใต้เชื้อเพลิง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทฯยังไม่มีแผนขยายสถานีบริการน้ำมัน PT แต่จะรอดูสถานการณ์ตลาดค้าปลีกน้ำมันในช่วงไตรมาสแรกก่อนว่าได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกมากน้อยเพียงใด โดยบริษัทฯกังวลว่าวิกฤตเศรษฐกิจดังกล่าวจะมีผลทำให้ความต้องการบริโภคน้ำมันในไทยลดน้อยลง หลังจากโรงงานบางแห่งปิดตัวหรือลดกำลังการผลิตลง ทำให้ยอดการใช้น้ำมันในโรงงานอุตสาหกรรมและลอจิสติกส์ลดลง หากการส่งออกของไทยไม่ดีขึ้น เชื่อว่าตัวเลขการใช้น้ำมันจะยิ่งปรับลดลงอีก
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯได้วางแผนรับมือวิกฤตเศรษฐกิจไว้ล่วงหน้ามา 2-3ปีแล้ว โดยมีการยกเลิกบางธุรกิจที่ไม่สร้างผลกำไร เช่น การยกเลิกขายส่งน้ำมันให้โรงงานอุตสาหกรรมและปั๊มน้ำมันที่ไร้แบรนด์จากเดิมมียอดขายน้ำมันเดือนละ 10 ล้านลิตร เนื่องจากช่วงไตรมาส2/2551 ราคาน้ำมันได้ปรับตัวสูงขึ้นมาก ทำให้มาร์จินการขายส่งน้ำมันน้อยมากจนแทบขาดทุน คงเหลือแต่การขายน้ำมันผ่านสถานีบริการPTเท่านั้น
ปัจจุบันบริษัทฯมียอดขายน้ำมันผ่านสถานีบริการอยู่เดือนละ 20 ล้านลิตร ลดลงจากเดิมที่ยอดขายเฉลี่ย 30 ล้านลิตร เนื่องจากประชาชนลดการใช้จ่ายลง แม้ว่าขณะนี้ราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลงแล้วก็ตาม ซึ่งปีนี้ก็ยังไม่รู้ว่าตลาดค้าปลีกน้ำมันจะลดลงมากน้อยแค่ไหน
นายพิทักษ์ กล่าวว่า ทุกปีบริษัทฯจะมีการเพิ่มสถานีบริการน้ำมันเดือนละ 3แห่ง แต่ปีนี้การขยายปั๊มคงไม่มากเหมือนทุกปี จากปัจจุบันที่สถานีบริการน้ำมันPTอยู่ 220 แห่งทั่วประเทศ โดยต้นปีนี้จะยังไม่มีการเพิ่มปั๊มน้ำมัน
นายชัยฤทธิ์ สิมะโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามสหบริการ จำกัด (มหาชน)หรือซัสโก้ เปิดเผยว่า การลงทุนขยายสถานีบริการซัสโก้คงไม่มี ยกเว้นจะพบทำเลที่ดี แต่จะลงทุนปรับโฉมภาพลักษณ์ใหม่ให้ครบ ขณะเดียวกันได้ร่วมลงทุนกับบมจ.ปตท.ในการทำสถานีบริการเอ็นจีวีเพิ่มจากเดิมที่มี 6แห่งเป็น 12 แห่งภายในปี 2552 เน้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งเป็นไปตามแผนลงทุนเดิมอยู่แล้ว จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปีนี้บริษัทหยุดขยายสถานีให้บริการก๊าซแอลพีจีสำหรับรถยนต์ จากเดิมที่เปิดครบ 7 แห่ง เพราะเห็นว่าไม่คุ้มการลงทุน หลังราคาน้ำมันอ่อนตัวลงมากทำให้ผู้ใช้รถยนต์หันไปใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น จนกว่าราคาน้ำมันจะอยู่ที่ 24-25 บาท/ลิตร จึงจะจูงใจให้ลงทุนธุรกิจนี้อีกครั้ง
"จากราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลง ทางบริษัทคงต้องหารือกับปตท.ว่าจะมีนโยบายเอ็นจีวีอย่างไรในต้นปีนี้ โดยปตท.อาจจะชะลอการเปิดปั๊มเอ็นจีวีลง แต่ในส่วนตัวเห็นว่าเป็นจังหวะที่ดีที่ปตท.จะเร่งขยายปั๊ม เนื่องจากต้นทุนค่าวัสดุอุปกรณ์ถูกลง"นายชัยฤทธิ์กล่าว
นายชัยฤทธิ์ กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้รวม 7,000-7,500 ล้านบาท ลดลงจากปี2551 ที่คาดว่าจะมีรายได้รวมกว่า 9 พันล้านบาท เนื่องจากราคาน้ำมันถูกลง ส่วนกำไรน่าจะดีขึ้นเป็นผลจากค่าการตลาดดีอยู่ ขณะเดียวกันบริษัทฯมีแผนจะส่งออกน้ำมันไปประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้น หลังจากที่ได้หยุดไปในช่วงราคาน้ำมันแพง ล่าสุดได้มีการประมูลขายน้ำมันให้ลาวในช่วง ต.ค.ที่ผ่านมา
"เดิมบริษัทฯตั้งเป้าว่าปี 51 มีรายได้แตะ 1หมื่นล้านบาท แต่ราคาน้ำมันที่อ่อนตัวลงในช่วงไตรมาส 4 ทำให้รายได้ไม่เข้าเป้า แต่เชื่อว่าทั้งปียังมีกำไรอยู่ ส่วนปีนี้รายได้น้อยอยู่ที่ 7-7.5 พันล้านบาท ลดลงจากปีก่อนแต่กำไรน่าจะดีขึ้น"
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ภาคใต้เชื้อเพลิง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทฯยังไม่มีแผนขยายสถานีบริการน้ำมัน PT แต่จะรอดูสถานการณ์ตลาดค้าปลีกน้ำมันในช่วงไตรมาสแรกก่อนว่าได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกมากน้อยเพียงใด โดยบริษัทฯกังวลว่าวิกฤตเศรษฐกิจดังกล่าวจะมีผลทำให้ความต้องการบริโภคน้ำมันในไทยลดน้อยลง หลังจากโรงงานบางแห่งปิดตัวหรือลดกำลังการผลิตลง ทำให้ยอดการใช้น้ำมันในโรงงานอุตสาหกรรมและลอจิสติกส์ลดลง หากการส่งออกของไทยไม่ดีขึ้น เชื่อว่าตัวเลขการใช้น้ำมันจะยิ่งปรับลดลงอีก
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯได้วางแผนรับมือวิกฤตเศรษฐกิจไว้ล่วงหน้ามา 2-3ปีแล้ว โดยมีการยกเลิกบางธุรกิจที่ไม่สร้างผลกำไร เช่น การยกเลิกขายส่งน้ำมันให้โรงงานอุตสาหกรรมและปั๊มน้ำมันที่ไร้แบรนด์จากเดิมมียอดขายน้ำมันเดือนละ 10 ล้านลิตร เนื่องจากช่วงไตรมาส2/2551 ราคาน้ำมันได้ปรับตัวสูงขึ้นมาก ทำให้มาร์จินการขายส่งน้ำมันน้อยมากจนแทบขาดทุน คงเหลือแต่การขายน้ำมันผ่านสถานีบริการPTเท่านั้น
ปัจจุบันบริษัทฯมียอดขายน้ำมันผ่านสถานีบริการอยู่เดือนละ 20 ล้านลิตร ลดลงจากเดิมที่ยอดขายเฉลี่ย 30 ล้านลิตร เนื่องจากประชาชนลดการใช้จ่ายลง แม้ว่าขณะนี้ราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลงแล้วก็ตาม ซึ่งปีนี้ก็ยังไม่รู้ว่าตลาดค้าปลีกน้ำมันจะลดลงมากน้อยแค่ไหน
นายพิทักษ์ กล่าวว่า ทุกปีบริษัทฯจะมีการเพิ่มสถานีบริการน้ำมันเดือนละ 3แห่ง แต่ปีนี้การขยายปั๊มคงไม่มากเหมือนทุกปี จากปัจจุบันที่สถานีบริการน้ำมันPTอยู่ 220 แห่งทั่วประเทศ โดยต้นปีนี้จะยังไม่มีการเพิ่มปั๊มน้ำมัน