บลจ.มองหุ้นกลุ่มพลังงานยังไม่น่าสนใจช้อนเก็บเข้าพอร์ต แม้ราคาจะปรับตัวลดลงจากแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติ ชี้แนวโน้มราคาน้ำมันอาจปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย หลังการประชุมกลุ่มโอเปกมีแนวโน้มลดกำลังการผลิต พร้อมมองอนาคตหุ้นกลุ่มนี้ยังไม่สดใสเท่าที่ผ่านมา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว
นายกรวุฒิ ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่ลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน( บลจ.)ยูโอบี (ไทย)จำกัด เปิดเผยว่า จากกรณีที่นักลงทุนชาวต่างชาติได้เทขายหุ้นขนาดใหญ่และมีพื้นฐานดี (หุ้นบลูชิพ) รวมถึงหุ้นในกลุ่มพลังงาน ออกมาอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมานั้น ส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริษัทมองว่าจากการเทขายของต่างชาติ บลจ.ไม่เห็นถึงความสำคัญที่จะต้องเข้าไปร่วมซื้อหุ้นในกลุ่มนี้เข้ามาเก็บไว้ในพอร์ตลงทุน หรือปรับพอร์ตลงทุนแต่อย่างใด ซึ่งการลงทุนนักลงทุนจะมองที่สินทรัพย์ที่ลงทุนมากกว่ามองที่กำลังการเทขายของนักลงทุนต่างชาติ โดยกองทุนจะเข้าไปลงทุนเมื่อเห็นว่าราคาของสินทรัพย์มีความเหมาะสม
"บริษัทมองว่าสำหรับการลงทุนในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์นั้น เป็นการลงทุนที่ไม่สามารถคาดเดาราคาของสินค้ากลุ่มได้ เนื่องจากสินค้ากลุ่มนี้ค่อนข้างจะมีความผันผวนสูง อีกทั้งยังมีหลายปัจจัยเข้ามามีส่วนร่วมทำให้ราคาสินค้ากลุ่มนี้เคลือนไหวอยู่ตลอดเวลา"นายกรวุฒิ กล่าว
โดยการลงทุนในกลุ่มโภคภัณฑ์ในระยะยาว อาจส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในหุ้นกลุ่มพลังงานอาจปรับตัวสูงขึ้นกว่าเดิม แต่การลงทุนในระยะสั้นนั้น บริษัทมองไม่เห็นภาพการลงทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้สักเท่าไหร่ อีกทั้งราคาดัชนีของกลุ่มนี้คงไม่ดีดตัวเพิ่มขึ้นสูงจากปัจจุบันมากนัก
นายเจิดพันธ์ นิธยายน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ด้านจัดการลงทุน บลจ.บีที กล่าวว่า สำหรับการเทขายหุ้นในครั้งนี้ โดยส่วนตัวไม่รู้รายละเอียดในเรื่องการเทขายหุ้นของต่างชาติมากนัก เพราะการเข้าซื้อหรือการเทขายหุ้นของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติมีการซื้อขายตลอดทั้งปีอยู่แล้วจึงถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่มีการซื้อขายหุ้นในตลาด แต่การเทขายหุ้นในครั้งนี้ อาจจะส่งผลกระทบให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากว่าการเทขายหุ้นในกลุ่มพลังงานหรือกลุ่มบลูชิพนั้นได้เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว จึงทำให้การเทขายในครั้งนี้ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อกองทุนมากนัก อีกทั้งบลจ.มองว่าแนวโน้มราคาน้ำมันขณะนี้สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ตลอดเวลา ดังนั้นการลงทุนในหุ้นพลังงาน มองว่าหากเป็นการลงทุนในระยะยาวหุ้น ก็สามารถทำกำไรให้แก่นักลงทุนได้มาก แต่การลงทุนช่วงสั้นอาจจะมีความเสี่ยงในการลงทุนมากกว่า แต่โอกาสที่จะทำกำไรก็มีมากเหมือนกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนักลงทุนจะยอมรับความเสี่ยงได้มากหรือน้อยแค่ไหน หรือขึ้นอยู่กับการจับจังหวะในการลงทุน
ส่วนแนวโน้มของอุตสาหกรรมดังกล่าวในปี 2552 การใช้พลังงานยังมีแนวโน้มปรับตัวลดลงเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการใช้ในกลุ่มนี้ลดลงไปด้วย
นอกจากนี้ จากแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติ ส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนเข้าไปซื้อหุ้นกลุ่มนี้เข้ามาเก็บไว้ในพอร์ตการลงทุน จึงทำให้ในระยะ1-2 วันที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มพลังงานไม่ได้ปรับตัวลดลงตามแรงขาย แต่กลับดีดตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนไม่สามารถคาดการทิศทางและแนวโน้มหุ้นกลุ่มนี้ได้
ด้าน นายวรรธนะ วงศ์สีนิล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ฟิลลิป จำกัด กล่าวว่า หุ้นกลุ่มพลังงานที่นักลงทุนเทขายออกมานั้น บริษัทมองว่าเป็นเรื่องธรรมดามาก เนื่องมาจากนักลงทุนจะมองถึงการประชุมของกลุ่มโอเปกที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 17 ธันวาคม 2551 ที่ไม่สามารถคาดการณ์ถึงทิศทางการประชุมในครั้งนี้ได้ แต่เนื่องจากราคาน้ำมันมีการปรับตัวลดลงอย่างหนักจึงทำให้โอเปกอาจจะต้องลดกำลังการผลิตลงอีกครั้งหนึ่ง
ขณะเดียวกัน ประเมินว่า การลดกำลังการผลิตจะไม่ช่วยให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนกับช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากขณะนี้ทั่วโลกต่างประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจถดถอย ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันหรือพลังงานลดน้อยตามไปด้วย นอกจากนี้ที่ผ่านสาเหตุที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากมีการลงทุนของกลุ่มเฮดจ์ฟันด์ เข้ามาลงทุนทำให้ราคาน้ำมันมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 147 เหรียญต่อบาเรล แต่จากเหตุการณ์วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นส่งผลให้ กลุ่มเฮดจ์ฟันด์ที่เข้าลงทุนในน้ำมันได้รับผลกระทบจนถึงขั้นปิดกิจการไปหลายบริษัทด้วยกัน
โดยในส่วนของแนวโน้มราคาน้ำมันในระยะสั้น ประเมินว่าอาจมีการปรับตัวลดลง หรืออาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นแต่บลจ.มองว่าเป็นการปรับเพิ่มเพียงเล็กน้อย บริษัทจึงไม่มีแนวโน้มที่จะปรับพอร์ตการลงทุนหรือเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานแต่อย่างใด
"บลจ.มองว่าจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้หุ้นกลุ่มพลังงานไม่เป็นหุ้นกลุ่มนำของตลาด แต่หุ้นกลุ่มนี้ยังเป็นหุ้นที่นักลงทุนมีความต้องการที่จะเข้าไปลงทุน เพราะหุ้นกลุ่มพลังงานถือเป็นหุ้นกลุ่มหลักของตลาดอีกทั้งยังเป็นหุ้นกลุ่มพื้นฐานดี แต่ทั้งนี้ บริษัทมองว่าในอนาคตหุ้นกลุ่มพลังงานยังสามารถให้ผลตอบแทนที่ดี แต่จะไม่มีความสดใสเท่ากับช่วงที่ผ่านมาที่หุ้นกลุ่มนี้สามารถทำกำไรให้กับนักลงทุนเป็นกอบเป็นกำ"
นายกรวุฒิ ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่ลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน( บลจ.)ยูโอบี (ไทย)จำกัด เปิดเผยว่า จากกรณีที่นักลงทุนชาวต่างชาติได้เทขายหุ้นขนาดใหญ่และมีพื้นฐานดี (หุ้นบลูชิพ) รวมถึงหุ้นในกลุ่มพลังงาน ออกมาอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมานั้น ส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ บริษัทมองว่าจากการเทขายของต่างชาติ บลจ.ไม่เห็นถึงความสำคัญที่จะต้องเข้าไปร่วมซื้อหุ้นในกลุ่มนี้เข้ามาเก็บไว้ในพอร์ตลงทุน หรือปรับพอร์ตลงทุนแต่อย่างใด ซึ่งการลงทุนนักลงทุนจะมองที่สินทรัพย์ที่ลงทุนมากกว่ามองที่กำลังการเทขายของนักลงทุนต่างชาติ โดยกองทุนจะเข้าไปลงทุนเมื่อเห็นว่าราคาของสินทรัพย์มีความเหมาะสม
"บริษัทมองว่าสำหรับการลงทุนในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์นั้น เป็นการลงทุนที่ไม่สามารถคาดเดาราคาของสินค้ากลุ่มได้ เนื่องจากสินค้ากลุ่มนี้ค่อนข้างจะมีความผันผวนสูง อีกทั้งยังมีหลายปัจจัยเข้ามามีส่วนร่วมทำให้ราคาสินค้ากลุ่มนี้เคลือนไหวอยู่ตลอดเวลา"นายกรวุฒิ กล่าว
โดยการลงทุนในกลุ่มโภคภัณฑ์ในระยะยาว อาจส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในหุ้นกลุ่มพลังงานอาจปรับตัวสูงขึ้นกว่าเดิม แต่การลงทุนในระยะสั้นนั้น บริษัทมองไม่เห็นภาพการลงทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้สักเท่าไหร่ อีกทั้งราคาดัชนีของกลุ่มนี้คงไม่ดีดตัวเพิ่มขึ้นสูงจากปัจจุบันมากนัก
นายเจิดพันธ์ นิธยายน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ด้านจัดการลงทุน บลจ.บีที กล่าวว่า สำหรับการเทขายหุ้นในครั้งนี้ โดยส่วนตัวไม่รู้รายละเอียดในเรื่องการเทขายหุ้นของต่างชาติมากนัก เพราะการเข้าซื้อหรือการเทขายหุ้นของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติมีการซื้อขายตลอดทั้งปีอยู่แล้วจึงถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่มีการซื้อขายหุ้นในตลาด แต่การเทขายหุ้นในครั้งนี้ อาจจะส่งผลกระทบให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากว่าการเทขายหุ้นในกลุ่มพลังงานหรือกลุ่มบลูชิพนั้นได้เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว จึงทำให้การเทขายในครั้งนี้ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อกองทุนมากนัก อีกทั้งบลจ.มองว่าแนวโน้มราคาน้ำมันขณะนี้สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ตลอดเวลา ดังนั้นการลงทุนในหุ้นพลังงาน มองว่าหากเป็นการลงทุนในระยะยาวหุ้น ก็สามารถทำกำไรให้แก่นักลงทุนได้มาก แต่การลงทุนช่วงสั้นอาจจะมีความเสี่ยงในการลงทุนมากกว่า แต่โอกาสที่จะทำกำไรก็มีมากเหมือนกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนักลงทุนจะยอมรับความเสี่ยงได้มากหรือน้อยแค่ไหน หรือขึ้นอยู่กับการจับจังหวะในการลงทุน
ส่วนแนวโน้มของอุตสาหกรรมดังกล่าวในปี 2552 การใช้พลังงานยังมีแนวโน้มปรับตัวลดลงเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลให้ความต้องการใช้ในกลุ่มนี้ลดลงไปด้วย
นอกจากนี้ จากแรงเทขายของนักลงทุนต่างชาติ ส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนเข้าไปซื้อหุ้นกลุ่มนี้เข้ามาเก็บไว้ในพอร์ตการลงทุน จึงทำให้ในระยะ1-2 วันที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มพลังงานไม่ได้ปรับตัวลดลงตามแรงขาย แต่กลับดีดตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนไม่สามารถคาดการทิศทางและแนวโน้มหุ้นกลุ่มนี้ได้
ด้าน นายวรรธนะ วงศ์สีนิล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ฟิลลิป จำกัด กล่าวว่า หุ้นกลุ่มพลังงานที่นักลงทุนเทขายออกมานั้น บริษัทมองว่าเป็นเรื่องธรรมดามาก เนื่องมาจากนักลงทุนจะมองถึงการประชุมของกลุ่มโอเปกที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 17 ธันวาคม 2551 ที่ไม่สามารถคาดการณ์ถึงทิศทางการประชุมในครั้งนี้ได้ แต่เนื่องจากราคาน้ำมันมีการปรับตัวลดลงอย่างหนักจึงทำให้โอเปกอาจจะต้องลดกำลังการผลิตลงอีกครั้งหนึ่ง
ขณะเดียวกัน ประเมินว่า การลดกำลังการผลิตจะไม่ช่วยให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเหมือนกับช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากขณะนี้ทั่วโลกต่างประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจถดถอย ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันหรือพลังงานลดน้อยตามไปด้วย นอกจากนี้ที่ผ่านสาเหตุที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเนื่องจากมีการลงทุนของกลุ่มเฮดจ์ฟันด์ เข้ามาลงทุนทำให้ราคาน้ำมันมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 147 เหรียญต่อบาเรล แต่จากเหตุการณ์วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นส่งผลให้ กลุ่มเฮดจ์ฟันด์ที่เข้าลงทุนในน้ำมันได้รับผลกระทบจนถึงขั้นปิดกิจการไปหลายบริษัทด้วยกัน
โดยในส่วนของแนวโน้มราคาน้ำมันในระยะสั้น ประเมินว่าอาจมีการปรับตัวลดลง หรืออาจจะปรับตัวเพิ่มขึ้นแต่บลจ.มองว่าเป็นการปรับเพิ่มเพียงเล็กน้อย บริษัทจึงไม่มีแนวโน้มที่จะปรับพอร์ตการลงทุนหรือเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานแต่อย่างใด
"บลจ.มองว่าจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้หุ้นกลุ่มพลังงานไม่เป็นหุ้นกลุ่มนำของตลาด แต่หุ้นกลุ่มนี้ยังเป็นหุ้นที่นักลงทุนมีความต้องการที่จะเข้าไปลงทุน เพราะหุ้นกลุ่มพลังงานถือเป็นหุ้นกลุ่มหลักของตลาดอีกทั้งยังเป็นหุ้นกลุ่มพื้นฐานดี แต่ทั้งนี้ บริษัทมองว่าในอนาคตหุ้นกลุ่มพลังงานยังสามารถให้ผลตอบแทนที่ดี แต่จะไม่มีความสดใสเท่ากับช่วงที่ผ่านมาที่หุ้นกลุ่มนี้สามารถทำกำไรให้กับนักลงทุนเป็นกอบเป็นกำ"
