xs
xsm
sm
md
lg

ราคาน้ำมันตกไม่กระทบ"K-MENA" มั่นใจศักยภาพดี-เหมาะช้อนทำกำไร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการกองทุน K-MENA แจงวิกฤตเศรษฐกิจโลก กระทบเอ็นเอวี หลังฝรั่งเทขายเพื่อรักษาสภาพคล่อง แต่มั่นใจศักยภาพตะวันออกลางดี การใช้จ่ายและบริโภคในประเทศยังสูง แม้ราคาน้ำมันตกฮวบ เหตุสมมุติฐานราคาขั้นต่ำอยู่แค่ 40 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลล์ แถมบริษัทที่ผลักดันการลงทุนส่วนใหญ่เป็นอสังหาริมทรัพย์ ไม่เกี่ยวข้องกับพลังงาน มั่นใจเอ็นเอวียืนราคาปัจจุบัน นักลงทุนเหมาะทำกำไร-เฉลี่ยต้นทุน

นายธนวัฒน์ รุ่งธนาภิรมย์ ผู้จัดการกองทุนฝ่ายจัดการกองทุนตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า การลงทุนของกองทุนเปิด K-MENA ของบริษัทในช่วงที่ผ่านมานั้น ได้รับผลกระทบจากวิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐเช่นเดียวกับกองทุนต่างประเทศอื่นๆ เป็นเหตุให้มูลค่าเอ็นเอวีในปัจจุบันปรับตัวลดลงอยู่ที่ประมาณ 4.6 บาท/หน่วย

“ผลกระทบตลาดหุ้นในตะวันออกกลางก็เหมือนกับที่ไทยโดน คือต่างชาติ รวมถึงเฮดจ์ฟันด์ที่ลงทุนในประเทศแถบนี้ได้มีการไถ่ถอนเงินลงทุนกลับออกไป เพื่อนำเงินไปรักษาสภาพคล่องของเขาเอง”นายธนวัฒน์กล่าว

อย่างไรก็ตาม การที่มีคนเชื่อมโยงสถาการณ์การลงทุนในประเทศแถบนี้กับราคาน้ำมันช่วงที่ผ่านมาเชื่อว่าคงจะไม่มีผลมากนัก เนื่องจากการเติบโตของตลาดทุนในตะวันออกกลางนั้นจะเหมือนกับประเทศไทยช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งมักจะพึ่งพาการเติบโตของ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ธนาคาร และวัสดุก่อสร้างเป็นหลัก

ทั้งนี้ แม้ราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลงเป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา แต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2551 บริษัทที่กองทุนมีการลงทุน อย่างเอมม่า พร็อพเพอร์ตี้ เอาด้า และอาหรับเทคที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้างนั้น กลับมีผลประกอบการออกมาเกินกว่าที่ประมาณการณ์ไว้ ทำให้เชื่อได้ว่าหุ้นเหล่านี้ ยังมีศักยภาพ และปัจจัยพื้นฐานที่ดีอยู่

นายธนวัฒน์ กล่าวอีกว่า การลงทุนในกองทุนเปิด K-MENA นั้นระยะยาวน่าจะมีผลดีจากการใช้จ่ายของภาครัฐ เพื่อก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคในประเทศนั้นๆ โดยถึงแม้ราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลงมาอยู่ในระดับ 40 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลล์ ก็คงจะไม่มีผลต่อการลงทุน เนื่องจากสมมุติฐานของราคาน้ำมันที่ประเทศเหล่านี้ตั้งไว้ต่ำที่สุดจะอยู่ที่ประมาณ 40 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรลล์

“ช่วง 10 ปีข้างหน้ากลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันบ้างประเทศตั้งการใช้จ่ายด้านสาธาณูปโภคไว้ถึง 1.4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และถึงแม้น้ำมันจะลดลงคงจะไม่มีผลกระทบ ซึ่งยังไงเขาก็ต้องทำเพราะเขาเองก็รู้ว่าน้ำมันจะหมด และเขาต้องหาอะไรมาเป็นที่พึ่งแทน และช่วงที่ขึ้นมาเยอะๆ นั้นทำให้เราเคยชินกับราคาระดับ 90-100 แต่จริงๆ แล้วคงไม่ใช่”นายธนวัฒน์กล่าว

นอกจากนี้ หากราคาน้ำมันปรับลดต่ำกว่าต้นทุนจริง ทางกลุ่มประเทศเหล่านี้คงจะมีมาตรการต่างๆ ออกมารองรับเช่น การลดกำลังการผลิต หรืออื่นๆ เพื่อพยุงราคาที่ควรจะเป็นเอาไว้อย่างแน่นอน

นายธนวัฒน์ กล่าวว่า ผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกหลังจากนี้คงจะส่งผลกระทบต่อประเทศในแถบนี้น้อยกว่า ประเทศในกลุ่มอื่น เนื่องจากดีมานด้านการบริโภคภายในประเทศยังคงมีอยู่มาก ซึ่งหากเทียบกับความต้องการของอสังหาริมทรัพย์ในประเทศดูไบ แล้วยังต้องใช้เวลาอีกกว่าถึง 3 ปีกว่าจะสามารถก่อสร้างได้เพียงพอต่อความต้องการ

นอกจากนี้ ในส่วนของการปลดพนักงานของบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกแล้วยังมีความแตกต่างจากประเทศในกลุ่มอื่นอีกด้วย โดยประเทศดูไบเองกลับมีการเพิ่มพนักงานในสาขาต่างๆ เพิ่มขึ้น และส่งผลดีต่อการลงทุน

“ศักยภาพของภูมิภาคนี้น่าจะยังดีอยู่ โดยIMF ยังคาดการจีดีพีไว้ที่ 5-6% ซึ่งสูงกว่าภูมิภาคอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีอีก 3 ประเทศได้แก่ การ์ต้า คูเวต และยูเออี ซึ่งกำลังจะได้รับเข้ามาอยู่ในดัชนี MSCI ของประเทศตลาดเกิดใหม่ในช่วงประมาณ ปลายไตรมาส 2 ของปี 2009 อีกด้วย ทำให้น่าจะส่งผลดีต่อการลงทุนในประเทศแถบนี้ได้”นายธนวัฒน์กล่าว

นายธนวัฒน์ กล่าวอีกว่า จากการคาดการณ์ดังกล่าว เชื่อว่าหากเป็นนักลงทุนที่สามารถลงทุนในระยะยาวได้ การลงทุนในกองทุนเปิด K-MENA ในช่วงนี้น่าจะเป็นจังหวะที่ดีในการซื้อเพื่อเฉลี่ยต้นทุน หรือ เป็นการซื้อเพื่อเก็งกำไรในอนาคต โดยคาดว่ามูลค่าเอ็นเอวีน่าจะยืนอยู่ในระดับราคาปัจจุบันได้
กำลังโหลดความคิดเห็น