xs
xsm
sm
md
lg

เตือนปี 52 รับมือ Deflation หุ้นจมกองเลือด ศก.เผาจริง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นายกสมาคมโบรกต่างชาติ เตือนรับมือพิษเงินฝืด คาดระดับราคาสินค้าและบริการ จะลดต่ำลงเรื่อยๆ เนื่องมาจากอุปสงค์รวมมีน้อยเกินไป ไม่เพียงพอที่จะซื้อสินค้า ผู้ผลิตแข่งลดราคาสินค้าเพื่อทำยอดขาย ก่อนลดกำลังการผลิต-การจ้างงาน มาตรฐานความเป็นอยู่ของประชาชนจะตกต่ำชัดเจน

วันนี้ ( 25 พ.ย.) มล.ทองมกุฏ ทองใหญ่ ผู้บริหารฝ่ายค้าหลักทรัพย์ บล.ซิตี้ คอร์ป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะนายกสมาคมโบรกเกอร์ต่างประเทศ เปิดเผยว่า ทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นปี 2552 น่าจะยังผันผวนหนัก จากผลกระทบของวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่จะทวีความรุนแรงขึ้นและส่งผลเสียหายกับธุรกิจทุกภาคส่วน

"เราประเมินว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับระบบการเงินและตลาดสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ในปี 2551 เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ซึ่งจากปัญหาสินเชื่อที่เข้าทำลายสภาพคล่องของสถาบันการเงิน ทำให้สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่หลายแห่งล้มละลาย ซึ่งกระทบต่อเม็ดเงินในการลงทุนรวมถึงเม็ดเงินที่หมุนเวียนในระบบ นักลงทุนและประชาชนขาดความเชื่อมั่นจึงพากันถอนเงินและสำรองเงินสด กองทุนรวมจึงต้องเทขายหุ้นรองรับการไถ่ถอนหน่วยลงทุน"

ขณะนี้ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ถดถอยทำให้ดีมานด์ (อุปสงค์) ในการบริโภคลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ภาคการผลิตที่แท้จริงเริ่มประสบปัญหา อุตสาหกรรมต้องลดกำลังการผลิต ลดต้นทุนโดยปรับลดคนงาน ทำให้ตัวเลขผู้ตกงานสูงขึ้น ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการชำระหนี้ของประชาชนโดยรวมลดลง มีความเสี่ยงต่อการเกิดหนี้เสียมากขึ้น สถาบันการเงินต้องเข้มงวดกับการปล่อยกู้ เงินในระบบจึงลดลง ประชาชนที่มีเงินก็ไม่กล้าจับจ่ายใช้สอย ทำให้ในปี 2552 อาจเกิดภาวะเงินฝืด หรือเงินฝืด (Deflation)

มล.ทองมกุฏ ระบุว่า ภาวะเงินฝืด เป็นภาวะที่ระดับราคาสินค้าและบริการทั่วไปลดต่ำลงเรื่อยๆ อันเนื่องมาจากอุปสงค์รวมมีน้อยเกินไป ไม่เพียงพอที่จะซื้อสินค้าและบริการ ทำให้ผู้ผลิตต้องลดราคาสินค้าเพื่อที่จะทำให้ขายได้ และลดการผลิตลง เพราะว่าถ้าผลิตออกมาเท่าเดิมก็ขายได้น้อย ผลที่ตามมาจะก่อให้เกิดผลเลวร้ายต่อเศรษฐกิจเพราะการจ้างงานจะลดลงตามไปด้วย ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อมาตราฐานความเป็นอยู่ของประชาชน และกระทบกับความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนเช่นกัน

นอกจากนี้ ความเสี่ยงทางการเมืองที่รัฐบาลนอมินีใช้ความรุนแรงต่อการชุมนุมที่สงบสันติของประชาชน ยังซ้ำเติมการลงทุนในประเทศให้ถดถอยลงกว่าตลาดอื่นในภูมิภาค นักลงทุนต่างชาติจึงไม่กล้าเข้ามาลงทุนแม้ราคาหุ้นจะถูกมาก หรืออัตตรา P/E เรโชต่ำ

ดังนั้น การจะเห็นการแรลลี่ของตลาดหุ้นในช่วงสิ้นปีแบบ December Effect หรือ January Effect เหมือนที่ผ่านมาคงจะเป็นไปได้ยาก และเป้าหมายดัชนีฯคงประเมินได้ลำบาก แต่จากคงจะไม่เลวร้ายถึงขั้นไประดับ 200 จุด อย่างที่มีการคาดการณ์เอาไว้ เพราะราคาหุ้นที่พื้นฐานดีปรับลงไปมากจนน่าจะจูงใจให้มีแรงซื้อกลับ
กำลังโหลดความคิดเห็น