xs
xsm
sm
md
lg

BAT-3Kลดกำลังผลิตหลังส่งออกวูบ ปีหน้าเน้นขายสดหลังวิกฤติเงินลาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ไทยสโตเรจแบตเตอรี่ ลดกำลังผลิตแบตเตอรี่ เชื่อปีหน้าเศรษฐกิจโลกซบ มีผลต่อยอดส่งออก เชื่อลดลงจาก 60% เหลือ 50% หลังไตรมาส 4 ปีนี้ยอดส่งออกวูบ ส่งผลให้การดำเนินงานขาดทุนต่อ เผยปรับแผนปีหน้าเน้นรักษาสภาพคล่องทางการเงิน หันขายตรงร้านค้ารับเงินสด ชะลอให้สินเชื่อ

นายวีรวัฒน์ ขอไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยสโตเรจแบตเตอรี่ จำกัด (มหาชน)(BAT-3K ) เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการปรับแผนปีหน้าโดยเน้นในการจำหน่ายสินค้าด้วยเงินสดมากขึ้น และลดการปล่อยสินเชื่อ และจะมุ่งเน้นในการจำหน่ายสินค้าให้กับร้านค้าโดยตรงมากขึ้น เนื่องจาก ปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวกระทบต่อเศรษฐกิจไทยและปัญหาทางการเมืองทำให้ต้องระมัดระวังในการใช้จ่าย ธนาคารพาณิชย์มีการระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ ทำให้บริษัทจะต้องพยายามรักษาให้มีกระแสเงินสดของบริษัทอยู่ในระดับที่ดี

ทั้งนี้ จากภาวะเศรษฐกิจปีหน้าไม่ดีนั้นทำให้บริษัทจะมีการลดกำลังการผลิตแบตเตอรี่ 15-20% เหลือ 2.5 แสนลูกต่อเดือน จาก 3.5 แสนลูกต่อเดือน หรือลดลงประมาณ 20% ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ของบริษัทในปีหน้าปรับตัวลดลง ในระดับดังกล่าวเช่นกัน หากปัญหาการเมืองและปัญหาวิกฤตการเงินโลกยังไม่คลี่คลายและแม้บริษัทเน้นขายสินค้าโดยตรงกับร้านค้า แต่บริษัทก็ยังคงมีการขายส่งกับร้านค้าต่างๆแต่จะไม่เร่งให้ร้านค้าต่างๆให้มียอดจำหน่ายที่สูง

"บริษัทมีการปรับแผนเน้นรักษาสภาพกระแสเงินสดของบริษัทให้อยู่ในระดับที่ดี โดยจะเน้นขายสินค้าด้วยเงินสด และขายโดยตรงต่อร้านค้าโดยตรง แต่บริษัทก็ยังไม่ทิ้งขายส่ง ซึ่งยอดขายของบริษัทในปีหน้าจะปรับตัวลดลงจากเศรษฐกิจปีหน้า การเมืองไม่ดี ทำให้ยอดการขายสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศลดลง " นายวีรวัฒน์ กล่าวว่า

สำหรับ ผลการดำเนินงานปีนี้ของBAT-3K จะยังคงขาดทุนอยู่แต่ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะขาดทุนเพิ่มเท่าไรจาก 9 เดือนแรก มีผลขาดทุน 147 ล้านบาท ซึ่งบริษัทเริ่มรับรู้ผลขาดทุนในไตรมาส2/51 จากการสต๊อกสินค้าราคาตะกั่วผันผวน แต่บริษัทคาดว่าปีหน้าจะไม่มีผลขาดทุนจากสต๊อกตะกั่ว ซึ่งเป็นวัตถุดิบเพราะ มองว่าจะทรงตัวในระดับ 1.2-1.3 พันเหรียญสหรัฐฯต่อตัน

นายวีรวัฒน์ กล่าวว่า จากการที่บริษัทมีสัดส่วนการส่งออก 60% ของรายได้รวมนั้น จากปัญหาวิกฤตการเงินโลกนั้น ทำให้ยอดการส่งออกของบริษัทลดลง โดยคาดว่าปีหน้าสัดส่วนการส่งออกเหลือ 50% และอีก 50% จำหน่ายในประเทศ ซึ่งผลกระทบดังกล่าวนั้นจะเริ่มส่งผลอย่างชัดเจนในไตรมาส4/51ปีนี้ อันจะเป็นเหตุให้บริษัทมีผลขาดทุนอีกไตรมาส

ทั้งนี้ จากการที่ผลประกอบการของBAT-3K ปีนี้มีผลขาดทุนนั้น การจ่ายเงินปันผลขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะต้องรอประเมินสถานการณ์ก่อนว่าจะเป็นอย่างไร โดยบริษัทประชุมคณะกรรมการบริษัท ในเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคมปีหน้า ซึ่งหากสถานการณ์การเมืองและวิกฤตเศรษฐกิจคลี่คลายอาจจะมีการจ่ายเงินปันผลได้ ขณะที่ไม่ว่ามติบอร์ดตัดสินใจออกมาแล้วเชื่อว่าผู้ถือหุ้นจะเข้าใจ โดยปัจจุบันถือว่าบริษัทมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีเพราะ มีกำไรสะสมถึง 700-800 ล้านบาท และมีวงเงินกู้จากสถาบันการเงินรวมประมาณ 2 พันล้านบาท

สำหรับ ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้BAT-3Kมีผลขาดทุนสุทธิ 68.40 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 83.25 ล้านบาท หรือ ลดลงเป็นเงิน 151.66 ล้านบาทหรือคิดเป็น 182.16 % จากกำไรสุทธิ 83.25 ล้านบาท ของไตรมาสที่ 3 ปี50 เนื่องจากไตรมาสนี้ บริษัทมี อัตรากำไรขั้นต้นของไตรมาสที่ 3 ปี 51 และ 50 มีอัตรา 13.62% และ 31.68 % ตามลำดับเนื่องจากราคาขายที่ลดลงสัมพันธ์ตามราคาตะกั่วโลก ขณะที่บริษัทมีต้นทุนวัตถุดิบมูลค่าสูงอยู่

นอกจากนี้ ยังขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือลดลง 76.09 ล้านบาท คิดเป็น 8.21%ของมูลค่าสินค้าคงเหลือก่อนปรับลด ซึ่งเป็นผลจากการบันทึกตามมาตรฐานการบัญชี เนื่องจากราคาตะกั่วบริสุทธิ์ ในตลาด London Metal Exchange (LME) มีการปรับตัวลดลงมาก ในไตรมาสที่ 3/2551

อย่างไรก็ตาม ผลงานไตรมาส 2 BAT-3K มีผลขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือลดลง 107.92 ล้านบาท คิดเป็น 5.89% ของมูลค่าสินค้าคงเหลือก่อนปรับลด เนื่องจากราคาตะกั่วบริสุทธิ์ ในตลาด London Metal Exchange (LME) มีการปรับตัวลดลงมาก ในไตรมาสที่ 2 ปีนี้ และยังขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นผลจากการบันทึกตามมาตรฐานการบัญชี 84.56 ล้านบาท เนื่องจากความผันผวนของค่าเงินบาทและการปรับมูลค่าเจ้าหนี้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศ รวมทั้ง ภาวะความผันผวนของราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น กระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ ทำให้รายได้จากการขาย มีมูลค่าลดลง
กำลังโหลดความคิดเห็น