BAT-3K ปรับลดเป้ารายได้ปีนี้ลงอีก 10% จากเดิมที่ตั้งไว้ 5,500 ล้านบาทเมื่อต้นปี เหตุพิษเศรษฐกิจราคาน้ำมันและปัญหาการเมืองในประเทศไม่คลี่คลาย ความระมัดระวังในการใช้จ่ายของลูกค้า ส่งผลให้ยอดขายลดและต้นทุนพุ่งสูง เพราะราคาตะกั่วที่สูงและผันผวนหนัก
นายวีรวัฒน์ ขอไพบูลย์ กรรมการ บริษัท ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ จำกัด ( มหาชน) (BAT-3K ) เปิดเผยว่าหลังภาวะเศรษฐกิจและความผันผวนของราคาวัตถุดิบคือตะกั่ว รวมทั้งราคา น้ำมันที่ปรับสูงขึ้น ส่งผลให้ความต้องการใช้รถยนต์ลดลง เนื่องจากผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้เงินมากขึ้น ทำให้ยอดจำหน่ายแบตเตอรี่มีน้อยลง ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทไตรมาส 2 ปีนี้อย่างเห็นได้ชัด เพราะบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 220.02 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 78.45 ล้านบาท หรือขาดทุน 380.46%
การขาดทุนดังกล่าวเป็นผลจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือลดลง 107.92 ล้านบาท คิดเป็น 5.89% ของมูลค่า สินค้าคงเหลือก่อนปรับลดเนื่องจากราคาตะกั่วบริสุทธิ์ ในตลาด London Metal Exchange (LME) มีการปรับตัวลด ลงมาก ในไตรมาสที่ 2/2551 รวมทั้งมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นผลจากการบันทึกตามมาตรฐานการ บัญชี 84.56 ล้านบาท เนื่องจากความผันผวนของค่าเงินบาทและการปรับมูลค่าเจ้าหนี้ที่เป็นเงินตราต่าง ประเทศ ประกอบกับที่ความผันผวนของราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น กระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ ทำให้รายได้จากการขาย ลดลง 29.16% ในไตรมาสที่ 2/2551 ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น ไตรมาสที่ 2 ปีนี้มี 13.31 % เนื่องจากราคาขายที่ลดลงสัมพันธ์ตามราคาตะกั่วโลก ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบยังคงสูง
" เราคงต้องปรับเป้ารายได้ของเราลงตามที่เราเคยบอกไว้ เพราะหลังงบไตรมาส 2 ออกมาแล้วไม่ดี คงจะคงเป้ารายได้ปีนี้ที่ตั้งไว้ 5,500 ล้านบาท โดยเป้ารายได้ปีนี้จะปรับลดลงจากเดิม 10 % เพราะปัจจัยทางด้านการเมืองในประเทศ รวมทั้งตลาดต่างประเทศก็ไม่ต่างกันมาก " นายวีรวัฒน์ กล่าว
โดยเชื่อว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ ส่งผลให้ประชาชนยังกังวลกับเรื่องปัญหาการเมือง ตลอดจนราคาน้ำมันที่ผันผวน แม้ระยะนี้ราคาอ่อนตัวลงมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังถือว่าประเมินได้ยาก เพราะราคาน้ำมันคงจะไม่กลับไปสู่ระดับราคาถูกเหมือนก่อนหน้าแล้ว ประกอบกับการใช้จ่ายสำหรับรถยนต์มีน้อยลง ส่งผลให้ผู้ผลิตรถยนต์ต่างหันมาปรับเปลี่ยนวิธีการผลิต เพื่อใช้เชื้อเพลิงอื่นมากขึ้นและลดกำลังการผลิตลง ทำให้ความต้องการใช้แบตเตอรี่ลดลงตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ผลงานไตรมาส 3 ของบริษัทก็คงจะเป็นอีกหนึ่งไตรมาสที่ผลงานจะต่ำกว่างวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากไตรมาส 3 โดยปกติแล้วเป็นช่วงโลว์ซีซั่น และเมื่อบวกกับภาพรวมปีนี้แล้ว แต่ตลาดต่างประเทศเป็นช่วงไฮซีซั่น แม้กระนั้น ก็ยอมรับว่าตลาดต่างประเทศเองก็ไม่ได้สวยหรูเหมือนที่ผ่านมานัก และประเมินยาก เพราะราคาน้ำมันกระทบทั่วโลก
" แต่ไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซั่นของเรา แต่ก็ประเมินยากปีนี้ เพราะปัญหาการเมืองถือว่าเป็นตัวแปรที่สำคัญ หากการเมืองจบได้ในปีนี้ ก็น่าจะส่งผลต่อภาพรวม ไม่เพียงแต่เรา ผมว่าทุกคนคงเหมือนกันหมด ที่ได้รับผลกระทบไปทั่วถ้วนหน้า" นายวีรวัฒน์กล่าว
นอกจากนี้ ต้นทุนราคาวัตถุดิบอย่างตะกั่วก็ถือว่าผันผวนปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 4,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และต้นปี 51 ปรับลงมาที่ 1,500 ดอลลาร์ต่อตัน ขณะที่ปัจจุบันอยู่ที่ 2,200 ดอลลาร์ต่อตัน ซึ่งส่งผลให้ยากต่อการประเมินในภาวะเช่นปัจจุบัน
" ปีหน้าคงยากต่อการประเมิน แต่ผมว่าเราต้องหันมาคงบคุมการผลิตและบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการขึ้นลงของราคาน้ำมัน เหมือนเป็นไซเคิล ที่จะเวียนกลับมาเป็นช่วง ๆ ปีหน้าหากราคาน้ำมันไปที่ 40 บาท ก็จะมีการวางแผนการแก้ปัญหากันได้ เพราะปีนี้ประสบไปแล้ว " นาย
วีรวัฒน์กล่าว
นอกจากนี้ พิษเศรษฐกิจที่ส่งผลรวมทั่วประเทศ ส่งผลให้ BAT-3K ตัดงบโฆษณาลง หันไปเข้าหาลูกค้าแบบสายตรงมากขึ้น เพราะข้าถึงและให้ข้อมูลกับลูกค้าได้ชัดเจนมากกว่า รวมทั้งการขายแบบเครดิตระยะสั้นแทนการขายแบบระยะยาว เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการเกิดหนี้สูญ และแม้ว่าปัจจุบัน BAT-3K มีกำลังการผลิต 3.5 แสนลูกต่อเดือน แม้ตลาดจะซบเซาลง แต่ยอดการจำหน่ายของแบตเตอรี่นินจาที่เปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ก็ได้ รับการตอบรับอย่างดี
นายวีรวัฒน์ ขอไพบูลย์ กรรมการ บริษัท ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ จำกัด ( มหาชน) (BAT-3K ) เปิดเผยว่าหลังภาวะเศรษฐกิจและความผันผวนของราคาวัตถุดิบคือตะกั่ว รวมทั้งราคา น้ำมันที่ปรับสูงขึ้น ส่งผลให้ความต้องการใช้รถยนต์ลดลง เนื่องจากผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้เงินมากขึ้น ทำให้ยอดจำหน่ายแบตเตอรี่มีน้อยลง ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทไตรมาส 2 ปีนี้อย่างเห็นได้ชัด เพราะบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 220.02 ล้านบาท ขณะที่งวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 78.45 ล้านบาท หรือขาดทุน 380.46%
การขาดทุนดังกล่าวเป็นผลจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือลดลง 107.92 ล้านบาท คิดเป็น 5.89% ของมูลค่า สินค้าคงเหลือก่อนปรับลดเนื่องจากราคาตะกั่วบริสุทธิ์ ในตลาด London Metal Exchange (LME) มีการปรับตัวลด ลงมาก ในไตรมาสที่ 2/2551 รวมทั้งมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นผลจากการบันทึกตามมาตรฐานการ บัญชี 84.56 ล้านบาท เนื่องจากความผันผวนของค่าเงินบาทและการปรับมูลค่าเจ้าหนี้ที่เป็นเงินตราต่าง ประเทศ ประกอบกับที่ความผันผวนของราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น กระทบต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ ทำให้รายได้จากการขาย ลดลง 29.16% ในไตรมาสที่ 2/2551 ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น ไตรมาสที่ 2 ปีนี้มี 13.31 % เนื่องจากราคาขายที่ลดลงสัมพันธ์ตามราคาตะกั่วโลก ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบยังคงสูง
" เราคงต้องปรับเป้ารายได้ของเราลงตามที่เราเคยบอกไว้ เพราะหลังงบไตรมาส 2 ออกมาแล้วไม่ดี คงจะคงเป้ารายได้ปีนี้ที่ตั้งไว้ 5,500 ล้านบาท โดยเป้ารายได้ปีนี้จะปรับลดลงจากเดิม 10 % เพราะปัจจัยทางด้านการเมืองในประเทศ รวมทั้งตลาดต่างประเทศก็ไม่ต่างกันมาก " นายวีรวัฒน์ กล่าว
โดยเชื่อว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ ส่งผลให้ประชาชนยังกังวลกับเรื่องปัญหาการเมือง ตลอดจนราคาน้ำมันที่ผันผวน แม้ระยะนี้ราคาอ่อนตัวลงมาบ้างแล้ว แต่ก็ยังถือว่าประเมินได้ยาก เพราะราคาน้ำมันคงจะไม่กลับไปสู่ระดับราคาถูกเหมือนก่อนหน้าแล้ว ประกอบกับการใช้จ่ายสำหรับรถยนต์มีน้อยลง ส่งผลให้ผู้ผลิตรถยนต์ต่างหันมาปรับเปลี่ยนวิธีการผลิต เพื่อใช้เชื้อเพลิงอื่นมากขึ้นและลดกำลังการผลิตลง ทำให้ความต้องการใช้แบตเตอรี่ลดลงตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ผลงานไตรมาส 3 ของบริษัทก็คงจะเป็นอีกหนึ่งไตรมาสที่ผลงานจะต่ำกว่างวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากไตรมาส 3 โดยปกติแล้วเป็นช่วงโลว์ซีซั่น และเมื่อบวกกับภาพรวมปีนี้แล้ว แต่ตลาดต่างประเทศเป็นช่วงไฮซีซั่น แม้กระนั้น ก็ยอมรับว่าตลาดต่างประเทศเองก็ไม่ได้สวยหรูเหมือนที่ผ่านมานัก และประเมินยาก เพราะราคาน้ำมันกระทบทั่วโลก
" แต่ไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซั่นของเรา แต่ก็ประเมินยากปีนี้ เพราะปัญหาการเมืองถือว่าเป็นตัวแปรที่สำคัญ หากการเมืองจบได้ในปีนี้ ก็น่าจะส่งผลต่อภาพรวม ไม่เพียงแต่เรา ผมว่าทุกคนคงเหมือนกันหมด ที่ได้รับผลกระทบไปทั่วถ้วนหน้า" นายวีรวัฒน์กล่าว
นอกจากนี้ ต้นทุนราคาวัตถุดิบอย่างตะกั่วก็ถือว่าผันผวนปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 4,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และต้นปี 51 ปรับลงมาที่ 1,500 ดอลลาร์ต่อตัน ขณะที่ปัจจุบันอยู่ที่ 2,200 ดอลลาร์ต่อตัน ซึ่งส่งผลให้ยากต่อการประเมินในภาวะเช่นปัจจุบัน
" ปีหน้าคงยากต่อการประเมิน แต่ผมว่าเราต้องหันมาคงบคุมการผลิตและบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการขึ้นลงของราคาน้ำมัน เหมือนเป็นไซเคิล ที่จะเวียนกลับมาเป็นช่วง ๆ ปีหน้าหากราคาน้ำมันไปที่ 40 บาท ก็จะมีการวางแผนการแก้ปัญหากันได้ เพราะปีนี้ประสบไปแล้ว " นาย
วีรวัฒน์กล่าว
นอกจากนี้ พิษเศรษฐกิจที่ส่งผลรวมทั่วประเทศ ส่งผลให้ BAT-3K ตัดงบโฆษณาลง หันไปเข้าหาลูกค้าแบบสายตรงมากขึ้น เพราะข้าถึงและให้ข้อมูลกับลูกค้าได้ชัดเจนมากกว่า รวมทั้งการขายแบบเครดิตระยะสั้นแทนการขายแบบระยะยาว เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการเกิดหนี้สูญ และแม้ว่าปัจจุบัน BAT-3K มีกำลังการผลิต 3.5 แสนลูกต่อเดือน แม้ตลาดจะซบเซาลง แต่ยอดการจำหน่ายของแบตเตอรี่นินจาที่เปิดตัวไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ก็ได้ รับการตอบรับอย่างดี