BAT-3K เล็งปรับลดเป้ารายได้ปีนี้จากเดิมที่ตั้งไว้ 5,500 ล้านบาท หลังพิษเศรษฐกิจและราคาน้ำมันพุ่ง ขณะที่ราคาตะกั่วผันผวนหนัก ส่งผลกระทบต่อต้นทุน เผยขอดูทิศทางตลาดต่างประเทศจะซบเซาหรือรุ่ง เพื่อประกอบการตัดสินใจ ปรับการขายด้วยเงินสดหรือเครดิตระยะสั้นเพื่อลดความเสี่ยงหนี้สูญ
นายวีรวัฒน์ ขอไพบูลย์ กรรมการ บริษัท ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ จำกัด ( มหาชน) (BAT-3K ) เปิดเผยว่าหลังเกิดผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและความผันผวนของราคาวัตถุดิบคือตะกั่ว รวมทั้งราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น ส่งผลให้ความต้องการใช้รถยนต์น้อยลง เนื่องจากผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้เงินมากขึ้น ส่งผลต่อยอดจำหน่ายแบตเตอรี่มีน้อยลง ทำให้บริษัทอาจปรับลดเป้ารายได้ปีนี้ลงจากเดิม
" เรากำลังมองว่าจะปรับลดเป้าปีนี้หรือเปล่า เพราะแนวโน้มอ่อนตัวลงมาก ราคาน้ำมันพุ่งต่อเนื่องแม้ว่าราคาจะเริ่มปรับลด แต่ก็เป็นการลดลงที่น้อยมากถ้าเทียบกับเมื่อก่อน และคงไม่ลงไปที่ราคาเดิมจากก่อนหน้าที่น้ำมันถูกกว่านี้มาก " นายวีรวัฒน์กล่าว
โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์เริ่มส่งสัณญานลดกำลังการผลิต ส่งผลกระทบต่อการใช้แบตเตอรี่อย่างมาก ทำให้เป้าหมายของยอดขายที่บริษัทตั้งไว้ประมาณ 5,500 ล้านบาทปีนี้อาจต่ำกว่าที่ตั้งเป้าไว้ ดังนั้น ซึ่งบริษัทจะรอดูงบการเงินไตรมาส 2 ที่กำลังจะประกาศออกมารวมทั้งแนวโน้มของไตรมาส 3
" ผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 3 นี้ในประเทศเป็นช่วงที่โลวซีซั่น แต่ตลาดต่างประเทศเป็นช่วงไฮซีซั่น เราต้องมองก่อนว่าจะเป็นอย่างไร จึงจะทำให้เราตัดสินใจได้ว่าเราจะปรับลดหรือไม่ อย่างไร เพราะตลาดต่างประเทศเราก็ประเมินยาก เนื่องจากราคาน้ำมันเป็นเหตุ ราคาสูงต่อเนื่องและกระทบทั่วโลก ซึ่งขณะนี้เราส่งออกและขายในประเทศพออย่างละ 50% " นายวีรวัฒน์กล่าว
อย่างไรก็ดี BAT-3K เชื่อว่าปีนี้ความผันผวนของราคาน้ำมันและราคาต้นทุนวัตถุดิบอย่างตะกั่ว ส่งผลกระทบต่อการผลิตของบริษัท โดยราคาตะกั่วเมื่อกลางปี 50 ทะยานไปที่ระดับ 4,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และต้นปี 51 ปรับลดลงมาที่ระดับ 1,500 ดอลลาร์ต่อตัน ขณะที่ปัจจุบันปรับมาอยู่ที่ 2,200 ดอลลาร์ต่อตัน ซึ่งส่งผลให้ยากต่อการประเมินในภาวะเช่นปัจจุบัน
นอกจากนี้ แนวโน้มและทิศทางการปรับเปลี่ยนการใช้น้ำมัน มาใช้แก๊สของผู้บริโภค ยังมีทีท่าลังเล เพราะประเมินยากว่าอย่างไหนจะคุ้มค่ามากกว่าและมาตรการของรัฐบาลและอื่น ๆ ที่จะมาช่วยรองรับก็ยังไม่ชัดเจนนัก หลังจากราคาน้ำมันพุ่งต่อเนื่องมาจากปี 50 การใช้รถยนต์ก็ระวังมากขึ้น ผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งเงินเฟ้อ ราคาน้ำมัน ซึ่งกระทบไปทั่วโลก รวมทั้งการเมืองในประเทศ ส่งผลให้การใช้รถยนต์ลดลง เพราะผู้บริโภคเน้นความประหยัดจากวิกฤตเช่นปัจจุบัน ทำให้ผู้บริโภคจับจ่ายใช้สอยอย่างรอบคอบ
นายวีรวัฒน์กล่าวว่า ปีนี้ บริษัทตัดงบลงทุนเพื่อโฆษณาลง จากเดิมที่ใช้อยู่เกือบ 50 ล้านบาท ลงเหลือเพียงครึ่งหนึ่ง และใช้วิธีเข้าหาลูกค้าโดยตรง ซึ่ง BAT-3K มุ่งทำกิจกรรมทางการตลาดในห้างสรรพสินค้าต่างๆ แทนการโฆษณาทางสื่อโทรทัศน์ เพราะมองว่าเข้าถึงและให้ข้อมูลกับลูกค้าได้ชัดเจนมากกว่า
นอกจากนี้ ยังหันมาใช้การขายเครดิตแบบระยะสั้นมากขึ้น กล่าวคือเป็นการขายและจ่ายเงินภายในเวลาไม่เกิน 15 วัน พร้อมกับการหันมาใช้วิธีการซื้อขายแบบเงินสดแทนการซื้อขายแบบต้องใช้เครดิตในการซื้อขาย เพื่อความปลอดภัยและไม่ก่อให้เกิดหนี้สูญ
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา บริษัทเร่งหาตลาดทั้งในและต่างประเทศ พร้อมกับขายผ่านตัวแทนจำหน่ายที่มี 170 สาขาทั่วประเทศ ขณะที่มีมาร์เกตแชร์กว่า 35 % และปัจจุบัน BAT-3K มีกำลังการผลิต 3.5 แสนลูกต่อเดือน แม้ตลาดจะซบลงบ้าง แต่ยอดการจำหน่ายของแบตเตอรี่นินจาที่เปิดตัวไปเมื่อปีก่อน ก็ได้รับการตอบรับอย่างดี
นายวีรวัฒน์กล่าวถึงแผนการผลิตแบตเตอรี่สำรองไฟขนาดใหญ่ เช่น โรง ไฟฟ้า โรง พยาบาล และสถานที่ที่มีความต้องการใช้ไฟสำรองที่ไม่สามารถขาดไฟฟ้าได้ เพื่อ เจาะกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ พับแผนไว้ก่อนเพราะเป็นโครงการขนาดใหญ่ ใช้งบลงทุนสูงและต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ บวกกับภาวะไม่เอื้ออำนวย ทำให้บริษัทต้องพับแผนงานไว้ก่อน
นายวีรวัฒน์ ขอไพบูลย์ กรรมการ บริษัท ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ จำกัด ( มหาชน) (BAT-3K ) เปิดเผยว่าหลังเกิดผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและความผันผวนของราคาวัตถุดิบคือตะกั่ว รวมทั้งราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น ส่งผลให้ความต้องการใช้รถยนต์น้อยลง เนื่องจากผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้เงินมากขึ้น ส่งผลต่อยอดจำหน่ายแบตเตอรี่มีน้อยลง ทำให้บริษัทอาจปรับลดเป้ารายได้ปีนี้ลงจากเดิม
" เรากำลังมองว่าจะปรับลดเป้าปีนี้หรือเปล่า เพราะแนวโน้มอ่อนตัวลงมาก ราคาน้ำมันพุ่งต่อเนื่องแม้ว่าราคาจะเริ่มปรับลด แต่ก็เป็นการลดลงที่น้อยมากถ้าเทียบกับเมื่อก่อน และคงไม่ลงไปที่ราคาเดิมจากก่อนหน้าที่น้ำมันถูกกว่านี้มาก " นายวีรวัฒน์กล่าว
โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์เริ่มส่งสัณญานลดกำลังการผลิต ส่งผลกระทบต่อการใช้แบตเตอรี่อย่างมาก ทำให้เป้าหมายของยอดขายที่บริษัทตั้งไว้ประมาณ 5,500 ล้านบาทปีนี้อาจต่ำกว่าที่ตั้งเป้าไว้ ดังนั้น ซึ่งบริษัทจะรอดูงบการเงินไตรมาส 2 ที่กำลังจะประกาศออกมารวมทั้งแนวโน้มของไตรมาส 3
" ผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 3 นี้ในประเทศเป็นช่วงที่โลวซีซั่น แต่ตลาดต่างประเทศเป็นช่วงไฮซีซั่น เราต้องมองก่อนว่าจะเป็นอย่างไร จึงจะทำให้เราตัดสินใจได้ว่าเราจะปรับลดหรือไม่ อย่างไร เพราะตลาดต่างประเทศเราก็ประเมินยาก เนื่องจากราคาน้ำมันเป็นเหตุ ราคาสูงต่อเนื่องและกระทบทั่วโลก ซึ่งขณะนี้เราส่งออกและขายในประเทศพออย่างละ 50% " นายวีรวัฒน์กล่าว
อย่างไรก็ดี BAT-3K เชื่อว่าปีนี้ความผันผวนของราคาน้ำมันและราคาต้นทุนวัตถุดิบอย่างตะกั่ว ส่งผลกระทบต่อการผลิตของบริษัท โดยราคาตะกั่วเมื่อกลางปี 50 ทะยานไปที่ระดับ 4,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และต้นปี 51 ปรับลดลงมาที่ระดับ 1,500 ดอลลาร์ต่อตัน ขณะที่ปัจจุบันปรับมาอยู่ที่ 2,200 ดอลลาร์ต่อตัน ซึ่งส่งผลให้ยากต่อการประเมินในภาวะเช่นปัจจุบัน
นอกจากนี้ แนวโน้มและทิศทางการปรับเปลี่ยนการใช้น้ำมัน มาใช้แก๊สของผู้บริโภค ยังมีทีท่าลังเล เพราะประเมินยากว่าอย่างไหนจะคุ้มค่ามากกว่าและมาตรการของรัฐบาลและอื่น ๆ ที่จะมาช่วยรองรับก็ยังไม่ชัดเจนนัก หลังจากราคาน้ำมันพุ่งต่อเนื่องมาจากปี 50 การใช้รถยนต์ก็ระวังมากขึ้น ผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งเงินเฟ้อ ราคาน้ำมัน ซึ่งกระทบไปทั่วโลก รวมทั้งการเมืองในประเทศ ส่งผลให้การใช้รถยนต์ลดลง เพราะผู้บริโภคเน้นความประหยัดจากวิกฤตเช่นปัจจุบัน ทำให้ผู้บริโภคจับจ่ายใช้สอยอย่างรอบคอบ
นายวีรวัฒน์กล่าวว่า ปีนี้ บริษัทตัดงบลงทุนเพื่อโฆษณาลง จากเดิมที่ใช้อยู่เกือบ 50 ล้านบาท ลงเหลือเพียงครึ่งหนึ่ง และใช้วิธีเข้าหาลูกค้าโดยตรง ซึ่ง BAT-3K มุ่งทำกิจกรรมทางการตลาดในห้างสรรพสินค้าต่างๆ แทนการโฆษณาทางสื่อโทรทัศน์ เพราะมองว่าเข้าถึงและให้ข้อมูลกับลูกค้าได้ชัดเจนมากกว่า
นอกจากนี้ ยังหันมาใช้การขายเครดิตแบบระยะสั้นมากขึ้น กล่าวคือเป็นการขายและจ่ายเงินภายในเวลาไม่เกิน 15 วัน พร้อมกับการหันมาใช้วิธีการซื้อขายแบบเงินสดแทนการซื้อขายแบบต้องใช้เครดิตในการซื้อขาย เพื่อความปลอดภัยและไม่ก่อให้เกิดหนี้สูญ
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา บริษัทเร่งหาตลาดทั้งในและต่างประเทศ พร้อมกับขายผ่านตัวแทนจำหน่ายที่มี 170 สาขาทั่วประเทศ ขณะที่มีมาร์เกตแชร์กว่า 35 % และปัจจุบัน BAT-3K มีกำลังการผลิต 3.5 แสนลูกต่อเดือน แม้ตลาดจะซบลงบ้าง แต่ยอดการจำหน่ายของแบตเตอรี่นินจาที่เปิดตัวไปเมื่อปีก่อน ก็ได้รับการตอบรับอย่างดี
นายวีรวัฒน์กล่าวถึงแผนการผลิตแบตเตอรี่สำรองไฟขนาดใหญ่ เช่น โรง ไฟฟ้า โรง พยาบาล และสถานที่ที่มีความต้องการใช้ไฟสำรองที่ไม่สามารถขาดไฟฟ้าได้ เพื่อ เจาะกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ พับแผนไว้ก่อนเพราะเป็นโครงการขนาดใหญ่ ใช้งบลงทุนสูงและต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ บวกกับภาวะไม่เอื้ออำนวย ทำให้บริษัทต้องพับแผนงานไว้ก่อน