xs
xsm
sm
md
lg

บลจ.ชี้การเมือง-ตปท.ปัจจัยฉุดหุ้นตก มองโอกาสดีช้อนของถูกถือยาวรับยิลด์สูง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บลจ.ยืนยัน ปัญหาการเมือง ไม่ใช่ชนวนฉุดภาวะหุ้นโดยตรง ชี้ปัจจัยจากต่างประเทศ ยังเป็นอีกส่วนที่มีผลกระทบดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย พร้อมระบุถือเป็นโอกาสดีสำหรับผู้รักการลงทุนระยะยาว ในการช้อนหุ้นถือพื้นฐานดีเข้าพอร์ต คาดหลังภาวะวิกฤตในประเทศเริ่มมีหนทางคลี่คลาย จะทำให้นักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับเข้ามา ส่วนคนไทยความเชื่อมั่นฟื้นจนหยุดขาย

นายอรุณศักดิ์ จรูญวงศ์นิลมล ผู้อำนวยการสายงานจัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอสซีบี ควอนท์ จำกัด กล่าวว่า นอกจากนี้โดยรวมบริษัทมองว่าแนวโน้มหุ้นไทยยังดี บริษัทมองว่าการที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่เกือบ 650 จุด แต่ถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสดไว้ในมือ จะได้เข้าไปทำการซื้อหน่วยลงทุนราคาถูกมาเก็บไว้ทำกำไร ส่วนคนที่ถือหน่วยลงทุนอยู่แล้วหากจะมีการขายคืนบริษัทมองว่าค่อนข้างที่จะมีความเสี่ยง

อย่างไรก็ตาม สำหรับเดือนกันยายนนี้ ยังมีปัจจัยสำคัญ 2 อย่างด้วยกัน คือ ปัจจัยทางด้านการเมือง ที่เริ่มเห็นชัดเจนว่าจะไปในทิศทางไหน ซึ่งจะทำให้นักลงทุนมองเห็นว่าเศรษฐกิจดำเนินไปในทิศทางใด เมื่อสามารถรู้จุดจบของปัญหาทางการเมืองว่าเป็นอย่างไร เพราะสามารถที่เห็นความแน่นอนในการลงทุนได้

ขณะที่ ปัจจัยที่สอง คือปัจจัยภายนอก โดยจะต้องนำผลข้อมูลผลประกอบการของไตรมาสที่ 3 ของสถาบันการเงินต่างประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ ยุโรป มาพิจารณา หากผลประกอบการออกมามีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น จะทำให้นักลงทุนมีความสนใจที่จะเข้าไปลงทุนเพิ่มขึ้นด้วย โดยที่นักลงทุนเหล่านั้นจะหยุดเทขายหุ้น แล้วหันกลับไปซื้อหน่วยลงทุนกลับมา แต่เมื่อมองในอีกมุมจะพบว่าเดือนกันยายน เป็นเดือนที่เศรษฐกิจมีความผันผวนมาก ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าสังเกต และคอยจับตายิ่ง

“ หากทุกอย่างกลับสู่ภาวะปกติ และนักลงทุนชาวต่างชาติมีความมั่นใจในเศรษฐกิจไทย จะกลับมาลงทุนอย่างแน่นอน และจะทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ดีดตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว”นายอรุณศักดิ์ กล่าว

ขณะเดียวกัน สาเหตุที่ทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์มีการปรับตัวลดลง ผู้อำนวยการสายงานจัดการกองทุน บลจ.เอสซีบี ควอนท์ กล่าวว่านอกจากปัจจัยการเมืองแล้ว ยังประกอบไปด้วยปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ตลาดหุ้นยุโรปที่ดัชนีมีการปรับตัวลดลง ทำให้นักลงทุนมีการเทขายหุ้น และหันไปลงทุนในค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมากกว่าการถือค่าเงินสกุลอื่นที่มีความเสี่ยง ดังนั้น บริษัทมองว่าหากไม่มีปัญหาทางการเมืองดัชนีตลาดหุ้นไทยก็ยังคงปรับตัวลดลงเหมือนเดิม

ด้านนายพนุกร จันทรประภาพ ผู้อำนวยการฝ่ายตราสารทุน บลจ.แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) กล่าวว่าบริษัทมองว่า ที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้เกิดจากปัจจัยทางการเมืองเป็นหลัก แต่เพราะดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น ตลาดสหรัฐฯ ตลาดยุโรป หรือแม้แต่ตลาดเอเชียโดยเฉพาะภาวะตลาดสหรัฐฯ ที่มีปัญหาเกี่ยวกับสถาบันการเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ หากมีการหาข้อสรุปเกี่ยวกับปัญหาทางด้านการเมือง หรือการเมืองมีความชัดเจนมากกว่านี้ บริษัทเชื่อว่าจะทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นกลับเข้ามาลงทุนอย่างแน่นอน ซึ่งตรงนี้จะส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวไปในทิศทางบวก แต่ทั้งนี้จะต้องมองว่าสภาพเเวดล้อมรอบด้านในขณะนั้นเป็นไปในทิศทางใด หากสภาพแวดล้อมทั่วไปไม่ได้เป็นไปในทางที่ดีโอกาสที่เศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้นคงเป็นไปได้ยาก

นอกจากนี้ ส่วนตัวมองว่าโดยพื้นฐานของคนไทยที่มีความประนีประนอม คาดว่าอนาคตเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้น บริษัทจึงมองว่าเป็นโอกาสอันดีสำหรับนักลงทุนที่เลือกลงทุนในระยะยาว เพราะสามารถที่จะเข้าไปทำการซื้อหุ้นที่ราคาถูกเข้ามาไว้ในพอร์ตการลงทุนได้ เพราะมองว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไม่น่าจะปรับตัวลดลงมาถึง 650 จุด แต่สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในระยะสั้นถือว่าเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงมากในช่วงนี้ จึงควรระมัดระวังมากเป็นพิเศษ

ขณะที่ นาย กรวุฒิ ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ. ยูโอบี (ไทย) จำกัด ให้ความเห็นว่าราคาน้ำมัน เงินเฟ้อ ที่ปรับตัวลดลง บริษัทถือว่าเป็นผลดีในระยะสั้นสำหรับนักลงทุน เพราะน้ำมันเป็นความต้องการหลักสำหรับคนไทย ซึ่งมีการนำเข้าจากต่างประเทศในแต่ละปีจำนวนมาก อย่างไรราคาน้ำมันหรือเงินเฟ้อมีการปรับขึ้นลงได้ตลอดเวลา ดังนั้นการปรับพอร์ตการลงทุนของบริษัท คือการเลือกขายหุ้นที่คิดว่าไม่เหมาะสมออกไป แล้วเลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร และพลังงานเพิ่มขึ้น เพราะมองว่ายังเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพ และมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี

“ในส่วนของบริษัทจะเน้นออกกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ แทนการออกกองทุนที่ลงทุนในตราสารทุน เนื่องจากภาวะตลาดหลักทรัพย์ขณะนี้ ทำให้การซื้อขายตราสารทุนค่อนข้างยากลำบาก"นายกรวุฒิ กล่าว

ส่วนการคาดการณ์ว่านักลงทุนชาวต่างชาติจะหันไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านแทน บริษัทคาดว่ามีความเป็นไปได้ แต่จะต้องมองว่าบรรดานักลงทุนจะเข้าไปลงทุนในระยะสั้นหรือระยะยาว อย่างไรก็ตามบริษัทมองว่าการลงทุนในเมืองไทยยังมีศักยภาพในการลงทุนมากกว่าประเทศอื่น ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ สภาพภูมิอากาศ แรงงาน ความเสี่ยงในการลงทุน
กำลังโหลดความคิดเห็น