เป็นเรื่องที่หนีไม่พ้น สำหรับผลกระทบจากวิกฤตสถาบักนการเงินสหรัฐ โดยเฉพาะในเรื่องความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ โดยเฉพาะหุ้น หลายคนคงจะมองเห็นถึงการดิ่งวูบของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ แม้บางวันอาจจะมีการรีบาวด์ปรับตัวขึ้นมาบ้างเล็กน้อย แต่วันต่อมาก็ดิ่งกลับไปอีกครั้ง สาเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้ หนีไม่พ้น การขาดความเชื่อมั่นในการลงทุน ที่ทำให้นักลงทุน ต่างทยอยเทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะขาดทุนก็ยอม
อย่างไรก็ตาม จากราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลง ทำให้นักลงทุนบางคนมองเห็นถึงโอกาสอันดีในการช้อนซื้อของถูก เพราะเป็นที่รู้ๆ กันอยู่ในหมู่ของกูรูทั้งหลายว่า ขณะนี้ราคาของหุ้นได้ปรับตัวต่ำกว่าราคาพื้นฐานมาก ไม่ว่าจะเป็นหุ้นในกลุ่มชั้นนำของตลาดอาทิ เครือปตท. ก็ปรับตัวลดลงมากแล้ว ทั้งนี้โดยทั่วไปพบว่า ยังมีนักลงทุนหลายรายไม่กล้าที่จะเข้าไปซื้อ สาเหตุเนื่องมาจาก นักลงทุนเหล่านั้นต้องการรอดูว่าเมื่อใดราคาหุ้นจะถึงจุดต่ำสุด เพื่อจะกลับเข้าไปลงทุนใหม่อีกรอบหลังจากเทขายไปก่อนหน้านี้ ซึ่งดูเหมือนเป็นเรื่องที่ยากลำบากเสียจริง
ที่ผ่านมา จากการให้สัมภาษณ์ และการแสดงความคิดเห็นของผู้จัดการกองทุน พบว่า การให้จุดต่ำสุดของราคาและดัชนีหุ้นขณะนี้เป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก โดย วิชชุ จันทาทับ ผู้อำนวยการฝ่ายตราสารทุน บลจ. ไทยพาณิชย์ จำกัด เล่าให้ฟังว่า จากเหตุการณ์ที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้มีการปรับพอร์ตการลงทุนบ้าง โดยเป็นการปรับสัดส่วนการถือครองหุ้นในภาพรวมๆไม่ได้เจาะจงไปที่การลงการถือหุ้นตัวใดตัวหนึ่งเป็นหลัก ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มธนาคารโดยก่อนหน้านี้บริษัทได้มีการลดน้ำหนักการถือหุ้นในกลุ่มพลังงานไปบ้าง แล้วหันมาถือเงินสดมากกว่าเดิม เพื่อรอเวลาที่เหมาะสมกลับเข้าไปลงทุนอีกครั้ง
ส่วนภาพรวมของตลาดขณะนี้มีความผันผวนสูง ทำให้การจับจังหวะการลงทุนจึงมีความยากลำบากมาก และสาเหตุหลักคงมาจากการแรงขายของนักลงทุนต่างชาติซึ่งจะมีต่อไปอีกสักระยะ อีกทั้ง ตอนนี้นักลงทุนที่เทขายหุ้นนั้นไม่ได้คำนึงถึงเรื่องของราคาหุ้นว่าจะถูกหรือแพง ต่อให้ขายไปแล้วขาดทุน นักลงทุนเหล่านี้ก็ขาย เนื่องจากนักลงทุนจะนำเงินไปใช้ในส่วนอื่นแทน
โดยมองว่าบรรยากาศการลงทุนน่าจะดีขึ้นในช่วงต้นปีหน้า แต่ทั้งนี้เราคาดว่าปลายปีนี้ก็น่าจะมีนักลงทุนบางส่วนกลับเข้าไปลงทุนบ้างแล้ว และคิดว่าค่าBEจะปรับลดลงมาอีก แต่ในเรื่องของความเสี่ยงในการลงทุนยังคงสูงอยู่ อีกทั้งตลาดตอนนี้เป็นตลาดในรูปแบบของการเทรดดิ้ง ซื้อมา-ขายไป ทำให้โอกาสที่ตลาดจะผันผวนจึงมีมาก และโอกาสในการทำกำไรก็มีมากเหมือนกันสำหรับนักลงทุนที่จับจังหวะการลงทุนในระยะสั้นๆ
"ส่วนตัวมองว่า บรรยากาศการลงทุนตอนนี้อยู่ในช่วงถูกไปจนถึงถูกที่สุด เพราะนักลงทุนจะขายหุ้นเพื่อนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่น จึงทำให้ตลาดตอนนี้ถูกลง อีกทั้งยังมีโอกาสปรับตัวลดลงมาอีก ทำให้หุ้นมีราคาถูกตามไปด้วย ซึ่งเรามองว่าเป็นช่วงที่น่าเข้าซื้อ แต่ก็มองว่าตลาดน่าจะปรับลดลงได้อีกกว่าที่เป็นอยู่ ดังนั้นจึงคิดว่าน่าจะรอเวลาอีกสักนิด เพื่อกลับเข้าไปลงทุนใหม่ โดยรวมดัชนียังแกว่งตัวอยู่ที่ประมาณ 20-30 จุด และยังจะแกว่งอย่างนี้อีกเป็นเดือน วิชชุ กล่าว
ปราณี ศรีมหาลาภ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ไทย) จำกัดให้ความเห็นว่า การที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงมามาก สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอะไรที่ไม่คาดคิดมาก่อน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ราคาหุ้นไทยเป็นอะไรที่น่าลงทุน แต่ทำไมตอนนี้ส่วนใหญ่นักลงทุนถึงขายออกมา โดยการเข้าไปลงทุนนั้นทุกคนต้องเข้าใจถึงมูลค่าพื้นฐานที่แท้จริงของหุ้นด้วย แต่จะซื้อตอนไหน ช่วงจังหวะเวลาไหนนักลงทุนต้องถามตัวเอง ยอมรับความเสี่ยงและพอใจกับผลตอบแทนในระดับใด
สำหรับจุดต่ำสุดของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น นางสาวปราณี กล่าวว่าไม่สามารถตอบได้ เนื่องจาก 5 ปีที่ผ่านมาไทยเหมือนลูกโป่งที่ถูกเงินจำนวนมากอัดเข้ามาซื้อ ดังนั้นจุดต่ำสุดเราต้องรอให้ลูกโป่งฟีบลงเสียก่อน ซึ่งเรื่องนี้ได้ทำให้เกิดความตื่นตระหนกจนเกิดการเทขายหุ้นแบบไม่สนใจราคาพื้นฐานที่แท้จริง เพราะบางตัวตอนนี้ราคาต่ำกว่าพื้นฐานที่แท้จริงมาก ซึ่งแต่เดิมเมื่อตลาดอยู่ในช่วงภาวะปกติหุ้นตัวนี้มีราคาที่สูงกว่าราคาที่แท้จริงถึง 2 เท่าคนยังแห่เข้าไปซื้อ แต่ตอนนี้กลับไม่มีคนสนใจ
ด้าน ธนากรณ์ พันธุ์พฤกษ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการลงทุนตราสารทุน บลจ.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่าตอนที่ดัชนีหุ้นแตะ 850 จุด ทุกคนก็ถามว่ามีโอกาสจะไปได้อีกแค่ไหนจะถึง 900 จุดหรือเปล่า เพราะสนใจอยากซื้อหุ้นและอยากจะมีกำไรจากตรงนี้ซึ่งความจริงจะสามารถทำกำไรจากการลงทุนได้เพียงประมาณ 5-6% แต่พอหุ้นลงมาแตะที่ 450 จุดทุกคนกลับตกใจกลัวทั้งๆ ที่หากเข้าลงทุนในช่วงนี้ เมื่อดัชนีหุ้นปรับตัวกลับไปจะทำให้ได้รับกำไรมากกว่า 100% แน่นอน
"มองกลับไปที่เมื่อช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ตอนนั้นดัชนีหุ้นไทยปรับลงมาต่ำสุดที่ 200 จุด แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน เราต้องคิดว่าทำไมเราถึงกลัวที่จะกลับมาซื้อ ทั้งที่ปัจจุบันพื้นฐานทางเศรษฐกิจบ้านเราดีขึ้นมากกว่าปี 2540 เยอะมาก โดยจุดต่ำสุดของไทย ส่วนตัวมองว่าไม่น่าจะถึง 200 จุดอย่างเช่นเมื่อปี 2540 และไม่น่าจะแย่ไปกว่านั้น แต่ตอนนี้เหมือนทุกคนกำลังหาจุดต่ำสุดอยู่ไหนเพียงอย่างเดียว ทั้งที่ควรพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานและความเป็นจริงมากกว่า ที่เราจะไปวิตกจนมีแต่การเทขาย ซึ่งเหมือนกับเรากำลังซ้ำเติมตัวเอง "
เช่นเดียวกับ ณัฐพัชร์ ลัคนาธรรมพิชิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ด้านวิจัยและบริหารความเสี่ยง บลจ.บีที จำกัด ให้ความเห็นว่า ราคาหุ้นที่ปรากฎอยู่นั้นไม่ใช่ราคาพื้นฐานที่แท้จริงของตลาดหุ้น แต่ราคาหุ้นที่เห็นอยู่ในประเทศต่ำกว่าราคามาตราฐานที่แท้จริงมาก เนื่องจากตอนนี้นักลงทุนไม่ได้มองในเรื่องของราคาพื้นฐาน แต่นักลงทุนมองหาว่าจุดต่ำสุดของราคาหุ้นว่าจะหยุดอยู่ที่ใด อย่างไรก็ตาม ในการลงทุนนักลงทุนจะต้องนำเอาผลประกอบการณ์มาร่วมในการพิจารณา จะพบว่าราคาหุ้นขณะนี้จะต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็น และอีกสาเหตุหนึ่งที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงเนื่องมาจากไม่มีเงินทุนใหม่เข้ามาลงทุน โดยนักลงทุนต่างชาติได้มองถึงแนวโน้มเศรษฐกิจในอีก 2-3 เดือนข้างหน้าว่ามีทิศทางไปในทางใด ซึ่งบริษัทคาดว่า ในระยะเวลา 2-3 เดือนข้างหน้าจะไม่มีเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาอย่างแน่นอน เนื่องจากเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อตลาดโลกและก่อปัญหาเป็นลูกโซ่ลามไปยังประเทศต่างๆด้วย
กรวุฒิ ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ. ยูโอบี (ไทย) จำกัด กล่าวว่า บริษัทยังไม่ได้มีการวางแผนปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนแต่อย่างได โดยขณะนี้กองทุนจะถือครองเงินเงินสดมากกว่าเมื่อก่อน โดยกองทุนได้มีสัดส่วนการลงทุนในหุ้น 90% และถือครองเงินสด 10% นอกจากนี้หุ้นกลุ่มหลักๆที่บริษัทถือครองอยู่ได้แก่หุ้นกลุ่มพื้นฐานทั่วไป เช่น หุ้นกลุ่มพลังงาน กลุ่มธนาคาร