ผู้จัดการรายวัน - นักลงทุนต่างชาติ ขายต่อเนื่อง 2 วันติด ทิ้งหุ้นพลังงาน-แบงก์ เพื่อทำกำไรหลังจากราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น บวกกับปัจจัยการเมืองเริ่มคุกรุ่น กดดันดัชนีตลาดหุ้นติดลบกว่า 12.36 จุด ต่างชาติขายสุทธิเกือบ 1 พันล้านบาท ด้านโบรกเกอร์ประเมินแนวโน้มปรับตัวอยู่ในกรอบแคบๆ แนวต้านสำคัญที่ระดับ 850 จุด
ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้ (23เม.ย.) ดัชนีปรับตัวลงแรงในช่วงบ่ายจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคารพาณิชย์ และสื่อสาร เนื่องจากนักลงทุนกังวลปัจจัยทางการเมืองที่เริ่มคุกรุ่นขึ้นมากอีกระลอก กดดัชนีปิดที่ 873.66 จุด ลดลง 12.36 จุด หรือลดลง 1.45% ปรับตัวสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 852.45 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดระหว่างวันที่ระดับ 837.52 จุด มูลค่าการซื้อขาย 25,762.96 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 995.04 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 192.01 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 803.03 ล้านบาท โดยเมื่อวันที่ 22 เมษายน นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 201.13 ล้านบาท
นางสาววิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ (บล.) เกียรตินาคิน จำกัด กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับลดลงแรงในช่วงบ่ายจากนักลงทุนมีการขายทำกำไรหุ้นกลุ่มพลังงาน เพราะ กังวลในเรื่องราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงที่จะมีการพักฐานที่ราคา 120 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล นักลงทุนจึงมีการขายหุ้นออกมาก่อน
ประกอบกับมีแรงเทขายทำกำไรหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ หลังจากที่หุ้นดังกล่าวมีการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/51 ออกมาแล้ว โดยจากหุ้น 2 กลุ่มนี้มีน้ำหนักที่สูงต่อตลาดหุ้นไทย เมื่อมีแรงขายออกมาจึงฉุดดัชนีปรับตัวลดลง ขณะเดียวกันมีกระแสข่าวว่าตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการตรวจสอบหุ้นเก็งกำไรทำให้หุ้นเก็งกำไรในตลาดหุ้นไทยในวันนี้ปรับตัวไม่มากนัก
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (24 เม.ย.) นักลงทุนจะต้องติดตามตลาดหุ้นในแถบภูมิภาค การลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ และราคาน้ำมันดิบโลก ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงไม่มาก เชื่อว่าจะทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 835-850 จุด
นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ในช่วงเช้าและมีการปรับตัวลดลงแรงในช่วงบ่ายจากนักลงทุนขายทำกำไรหุ้นขนาดใหญ่ออกมา คือ พลังงาน แบงก์ และสื่อสาร จากนักลงทุนกังวลในเรื่องการชะลอตัวเศรษฐกิจจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่แบงก์ปรับตัวลดลงจากนักลงทุนรับรู้ผลประกอบการที่ประกาศออกมาแล้ว และมีความกังวลในเรื่องปัจจัยทางการเมือง จากที่มีข่าวลือความรุนแรงทางการเมือง
ทั้งนี้ หากปัจจัยการเมืองไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เชื่อว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย จากที่เข้าใกล้วันสุดสัปดาห์และจะมีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่เชื่อว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯไม่น่าจะมีอะไร เพราะที่ผ่านมานั้นก็เป็นการอภิปราย โดยประเมินแนวรับที่ระดับ 833-835 จุด แนวต้านที่ระดับ 845-847 จุด
นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรหุ้นธรรรดา ในหุ้นกลุ่มพลังงาน แบงก์ จากที่ก่อนหน้านี้ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง และยังได้รับความกดดันในเรื่องปัจจัยทางการเมืองในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ทำให้ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลดลง 1.45% ซึ่งปรับตัวสวนทางกับตลาดหุ้นในแถบภูมิภาคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.5%
ทั้งนี้ เชื่อว่าในวันนี้นักลงทุนจะกลับเข้ามาลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน จากเก็งกำไรผลประกอบการที่จะประกาศออกมาในต้นเดือนถึงกลาวเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะออกมาดี และซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์จากผลประกอบการที่ออกมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยคาดว่าแนวรับจะอยู่ที่ระดับ 835 จุด แนวต้านที่ระดับ 845 จุด
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.พัฒนสิน กล่าวว่า จากราคาหุ้นกลุ่มปตท.ปรับตัวสูงขึ้นในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมาทำให้นักลงทุนมีการขายทำกำไรออกมาในระยะสั้น และนักลงทุนต่างประเทศยังคงมีการขายสุทธิต่อเนื่อง ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมาก โดยถือว่าในช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนปรับตัวเพิ่มขึ้น สลับกับปรับตัวลดลง ในช่วง 4-5 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้เมื่อราคาหุ้นปรับตัวลดลงมากก็สามารถที่จะเข้าไปซื้อลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานและ แบงก์ได้ โดยประเมินแนวรับที่ระดับ 830 จุด แนวต้านที่ระดับ 845-850 จุด
ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยวานนี้ (23เม.ย.) ดัชนีปรับตัวลงแรงในช่วงบ่ายจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคารพาณิชย์ และสื่อสาร เนื่องจากนักลงทุนกังวลปัจจัยทางการเมืองที่เริ่มคุกรุ่นขึ้นมากอีกระลอก กดดัชนีปิดที่ 873.66 จุด ลดลง 12.36 จุด หรือลดลง 1.45% ปรับตัวสูงสุดระหว่างวันที่ระดับ 852.45 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดระหว่างวันที่ระดับ 837.52 จุด มูลค่าการซื้อขาย 25,762.96 ล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 995.04 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 192.01 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 803.03 ล้านบาท โดยเมื่อวันที่ 22 เมษายน นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 201.13 ล้านบาท
นางสาววิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ (บล.) เกียรตินาคิน จำกัด กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับลดลงแรงในช่วงบ่ายจากนักลงทุนมีการขายทำกำไรหุ้นกลุ่มพลังงาน เพราะ กังวลในเรื่องราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงที่จะมีการพักฐานที่ราคา 120 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล นักลงทุนจึงมีการขายหุ้นออกมาก่อน
ประกอบกับมีแรงเทขายทำกำไรหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ หลังจากที่หุ้นดังกล่าวมีการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/51 ออกมาแล้ว โดยจากหุ้น 2 กลุ่มนี้มีน้ำหนักที่สูงต่อตลาดหุ้นไทย เมื่อมีแรงขายออกมาจึงฉุดดัชนีปรับตัวลดลง ขณะเดียวกันมีกระแสข่าวว่าตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการตรวจสอบหุ้นเก็งกำไรทำให้หุ้นเก็งกำไรในตลาดหุ้นไทยในวันนี้ปรับตัวไม่มากนัก
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (24 เม.ย.) นักลงทุนจะต้องติดตามตลาดหุ้นในแถบภูมิภาค การลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศ และราคาน้ำมันดิบโลก ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงไม่มาก เชื่อว่าจะทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบ 835-850 จุด
นายโกสินทร์ ศรีไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบๆ ในช่วงเช้าและมีการปรับตัวลดลงแรงในช่วงบ่ายจากนักลงทุนขายทำกำไรหุ้นขนาดใหญ่ออกมา คือ พลังงาน แบงก์ และสื่อสาร จากนักลงทุนกังวลในเรื่องการชะลอตัวเศรษฐกิจจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่แบงก์ปรับตัวลดลงจากนักลงทุนรับรู้ผลประกอบการที่ประกาศออกมาแล้ว และมีความกังวลในเรื่องปัจจัยทางการเมือง จากที่มีข่าวลือความรุนแรงทางการเมือง
ทั้งนี้ หากปัจจัยการเมืองไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เชื่อว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย จากที่เข้าใกล้วันสุดสัปดาห์และจะมีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่เชื่อว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯไม่น่าจะมีอะไร เพราะที่ผ่านมานั้นก็เป็นการอภิปราย โดยประเมินแนวรับที่ระดับ 833-835 จุด แนวต้านที่ระดับ 845-847 จุด
นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงจากแรงขายทำกำไรหุ้นธรรรดา ในหุ้นกลุ่มพลังงาน แบงก์ จากที่ก่อนหน้านี้ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง และยังได้รับความกดดันในเรื่องปัจจัยทางการเมืองในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ทำให้ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวลดลง 1.45% ซึ่งปรับตัวสวนทางกับตลาดหุ้นในแถบภูมิภาคที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.5%
ทั้งนี้ เชื่อว่าในวันนี้นักลงทุนจะกลับเข้ามาลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน จากเก็งกำไรผลประกอบการที่จะประกาศออกมาในต้นเดือนถึงกลาวเดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะออกมาดี และซื้อหุ้นกลุ่มแบงก์จากผลประกอบการที่ออกมาอยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยคาดว่าแนวรับจะอยู่ที่ระดับ 835 จุด แนวต้านที่ระดับ 845 จุด
นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.พัฒนสิน กล่าวว่า จากราคาหุ้นกลุ่มปตท.ปรับตัวสูงขึ้นในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมาทำให้นักลงทุนมีการขายทำกำไรออกมาในระยะสั้น และนักลงทุนต่างประเทศยังคงมีการขายสุทธิต่อเนื่อง ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมาก โดยถือว่าในช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวผันผวนปรับตัวเพิ่มขึ้น สลับกับปรับตัวลดลง ในช่วง 4-5 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้เมื่อราคาหุ้นปรับตัวลดลงมากก็สามารถที่จะเข้าไปซื้อลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงานและ แบงก์ได้ โดยประเมินแนวรับที่ระดับ 830 จุด แนวต้านที่ระดับ 845-850 จุด