ASTVผู้จัดการรายวัน-บลจ.ทิสโก้ ระบุราคาน้ำมันช่วงนี้เหมาะแก่การลงทุน หลังปรับตัวลดลงอยู่ในระดับต่ำจนใกล้ต้นทุนของผู้ผลิต เชื่อปีหน้าราคาปรับตัวขึ้น แม้เศรษฐกิจชะลอตัว พร้อมเล็งปัดฝุ่นกอง“ทิสโก้ ออยล์ ลิ้งค์ ฟันด์”สร้างผลตอบแทนให้นักลงทุน แต่อาจมีการเปลี่ยนเงินไขจ่ายยิลด์อิงราคาน้ำมันขาขึ้นอย่างเดียว
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส รองกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ เปิดเผยว่า การลงทุนเกี่ยวกับน้ำมันในปัจจุบันน่าจะเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุน เนื่องจากราคามีการปรับตัวลดลงมาอย่างมาก ส่วนการที่บริษัทจะออกกองทุนที่มีการลงทุนเกี่ยวกับน้ำมันนั้น คงต้องจับตาดูสถาการณ์อีกครั้งหนึ่งว่าจะเหมาะสมในช่วงเวลาใด
“ตอนนี้น่าจะเป็นโอกาสดี เพราะราคาลงไปเยอะแล้ว แต่ว่าต้องดูช่วงเวลาให้เหมาะสมก่อน เพราะนักลงทุนตอนนี้ส่วนใหญ่ก็ยังไม่ต้องการเสี่ยง และระมัดระวังมากขึ้น ทำให้อาจไม่ได้รับการตอบรับมากนัก”นายธีรนาถกล่าว
ทั้งนี้ หากจะมีทำการออกกองทุนที่เกี่ยวของกับราคาน้ำมัน บริษัทคงจะนำกองทุนเปิด“ทิสโก้ ออยล์ ลิ้งค์ ฟันด์”ที่ได้เลื่อนกำหนดการเปิดขายในช่วงที่ผ่าน ออกมาเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนก่อน เนื่องจากเป็นกองทุนที่น่าจะสร้างผลตอบแทนได้ทั้งขาขึ้นและขาลง
โดยกองทุนนี้จะลงทุนในตราสารหนี้ที่มีเงื่อนไขในการจ่ายผลตอบแทนนั้น การปรับขึ้นของราคาน้ำมันที่อ้างอิงในตราสารหนี้ที่เข้าไปลงทุนจะต้องอยู่ในกรอบที่กำหนดไว้ คือ ราคาน้ำมันจะต้องปรับขึ้นไม่เกิน 30% หรือลดลงไม่เกิน 30% เท่านั้นในระหว่างอายุโครงการ
อย่างไรก็ตาม การออกกองทุนดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงการจ่ายผลตอบแทนได้ หากมีการพิจารณาพบว่าแนวโน้มราคาน้ำมันจะอยู่ในช่วงขาขึ้นมากกว่าขาลง หรืออาจต้องดูเรื่องของช่วงห่างของการปรับตัว ซึ่งการลงทุนอาจจะให้น้ำหนักการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันมากกว่าได้เช่นกัน
นายธีรนาถ กล่าวอีกว่า แนวโน้มราคาน้ำมันในปีหน้าคงมีความผันผวนอยู่ เนื่องจากเป็นธรรดาของสินค้าโภคภัณฑ์ที่มักจะปรับขึ้นลงตามความต้องการและกำลังการผลิต แต่คงจะไม่ผันผวนสูงเท่ากับปีที่ผ่านมา
“ราคาที่ผ่านมามันขึ้นลงจนหน้าตกใจคือ 140 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์ แล้วมาอยู่ที่ 30 กว่าๆ ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์ แต่หลังจากนี้คงไม่หวือหวาขนาดนั้น ซึ่งถ้าจะปรับขึ้นคงจะอยู่ในระดับประมาณ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์ก็น่าจะเยอะแล้ว”นายธีรนาถกล่าว
ทั้งนี้ แนวโน้มราคาน้ำมันที่กล่าวข้างต้นจะเกี่ยวข้องกับราคาในปัจจุบันซึ่งไม่น่าจะลดต่ำลงไปกว่านี้แล้ว เนื่องจากจากเข้าใกล้ต้นทุนในระดับต่ำที่สุดแล้ว ซึ่งหากมีการหยุดการผลิตบางส่วนจริงก็น่าจะทำให้ราคามีการปรับตัวขึ้นได้บ้าง
อย่างไรก็ตามการปรับตัวของราคาน้ำมันในรอบนี้ คงจะไม่สูงมากนักเนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคอาจจมีไม่มากนัก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
“ราคาคงได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกอยู่แล้ว แต่อย่าลืมว่าที่ผ่านมาคนบริโภคน้ำมันจนเสพติดไปแล้ว คือยังไงก็ต้องใช้อยู่ดีถึงแม้ของจะขาด และปัจจัยแบบนี้เองที่เป็นตัวกำหนดราคาและมูลค่าของมัน ซึ่งถามว่ามีคนมาให้น้ำมันเราตอนนี้ คงจะไม่มีใครปฏิเสธไม่รับเพราะมันยังมีมูลค่าอยู่”นายธีรนาถกล่าว
นายธีรนาถ กล่าวอีกว่า ในช่วงสิ้นปีนี้บริษัทคงไม่มีการนำเสนอกองทุนใหม่ๆ ให้กับนักลงทุนเพิ่มเติมอีก เนื่องจากเหลือเวลาอีกไม่มากนัก และลูกค้าส่วนใหญ่คงจะหันไปให้ความสนใจกับการผักผ่อนช่วงสิ้นปีมากกว่า โดยกองทุนที่จะกระตุ้นการลงทุนในช่วงสุดท้ายคงจะเป็นกองทุน แอลทีเอฟ และอาร์เอ็มเอฟ เท่านั้นที่มักจะมีเม็ดเงินเข้ามาในช่วงปลายปี
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส รองกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ เปิดเผยว่า การลงทุนเกี่ยวกับน้ำมันในปัจจุบันน่าจะเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุน เนื่องจากราคามีการปรับตัวลดลงมาอย่างมาก ส่วนการที่บริษัทจะออกกองทุนที่มีการลงทุนเกี่ยวกับน้ำมันนั้น คงต้องจับตาดูสถาการณ์อีกครั้งหนึ่งว่าจะเหมาะสมในช่วงเวลาใด
“ตอนนี้น่าจะเป็นโอกาสดี เพราะราคาลงไปเยอะแล้ว แต่ว่าต้องดูช่วงเวลาให้เหมาะสมก่อน เพราะนักลงทุนตอนนี้ส่วนใหญ่ก็ยังไม่ต้องการเสี่ยง และระมัดระวังมากขึ้น ทำให้อาจไม่ได้รับการตอบรับมากนัก”นายธีรนาถกล่าว
ทั้งนี้ หากจะมีทำการออกกองทุนที่เกี่ยวของกับราคาน้ำมัน บริษัทคงจะนำกองทุนเปิด“ทิสโก้ ออยล์ ลิ้งค์ ฟันด์”ที่ได้เลื่อนกำหนดการเปิดขายในช่วงที่ผ่าน ออกมาเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนก่อน เนื่องจากเป็นกองทุนที่น่าจะสร้างผลตอบแทนได้ทั้งขาขึ้นและขาลง
โดยกองทุนนี้จะลงทุนในตราสารหนี้ที่มีเงื่อนไขในการจ่ายผลตอบแทนนั้น การปรับขึ้นของราคาน้ำมันที่อ้างอิงในตราสารหนี้ที่เข้าไปลงทุนจะต้องอยู่ในกรอบที่กำหนดไว้ คือ ราคาน้ำมันจะต้องปรับขึ้นไม่เกิน 30% หรือลดลงไม่เกิน 30% เท่านั้นในระหว่างอายุโครงการ
อย่างไรก็ตาม การออกกองทุนดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงการจ่ายผลตอบแทนได้ หากมีการพิจารณาพบว่าแนวโน้มราคาน้ำมันจะอยู่ในช่วงขาขึ้นมากกว่าขาลง หรืออาจต้องดูเรื่องของช่วงห่างของการปรับตัว ซึ่งการลงทุนอาจจะให้น้ำหนักการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันมากกว่าได้เช่นกัน
นายธีรนาถ กล่าวอีกว่า แนวโน้มราคาน้ำมันในปีหน้าคงมีความผันผวนอยู่ เนื่องจากเป็นธรรดาของสินค้าโภคภัณฑ์ที่มักจะปรับขึ้นลงตามความต้องการและกำลังการผลิต แต่คงจะไม่ผันผวนสูงเท่ากับปีที่ผ่านมา
“ราคาที่ผ่านมามันขึ้นลงจนหน้าตกใจคือ 140 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์ แล้วมาอยู่ที่ 30 กว่าๆ ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์ แต่หลังจากนี้คงไม่หวือหวาขนาดนั้น ซึ่งถ้าจะปรับขึ้นคงจะอยู่ในระดับประมาณ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์ก็น่าจะเยอะแล้ว”นายธีรนาถกล่าว
ทั้งนี้ แนวโน้มราคาน้ำมันที่กล่าวข้างต้นจะเกี่ยวข้องกับราคาในปัจจุบันซึ่งไม่น่าจะลดต่ำลงไปกว่านี้แล้ว เนื่องจากจากเข้าใกล้ต้นทุนในระดับต่ำที่สุดแล้ว ซึ่งหากมีการหยุดการผลิตบางส่วนจริงก็น่าจะทำให้ราคามีการปรับตัวขึ้นได้บ้าง
อย่างไรก็ตามการปรับตัวของราคาน้ำมันในรอบนี้ คงจะไม่สูงมากนักเนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคอาจจมีไม่มากนัก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
“ราคาคงได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกอยู่แล้ว แต่อย่าลืมว่าที่ผ่านมาคนบริโภคน้ำมันจนเสพติดไปแล้ว คือยังไงก็ต้องใช้อยู่ดีถึงแม้ของจะขาด และปัจจัยแบบนี้เองที่เป็นตัวกำหนดราคาและมูลค่าของมัน ซึ่งถามว่ามีคนมาให้น้ำมันเราตอนนี้ คงจะไม่มีใครปฏิเสธไม่รับเพราะมันยังมีมูลค่าอยู่”นายธีรนาถกล่าว
นายธีรนาถ กล่าวอีกว่า ในช่วงสิ้นปีนี้บริษัทคงไม่มีการนำเสนอกองทุนใหม่ๆ ให้กับนักลงทุนเพิ่มเติมอีก เนื่องจากเหลือเวลาอีกไม่มากนัก และลูกค้าส่วนใหญ่คงจะหันไปให้ความสนใจกับการผักผ่อนช่วงสิ้นปีมากกว่า โดยกองทุนที่จะกระตุ้นการลงทุนในช่วงสุดท้ายคงจะเป็นกองทุน แอลทีเอฟ และอาร์เอ็มเอฟ เท่านั้นที่มักจะมีเม็ดเงินเข้ามาในช่วงปลายปี
