บลจ.ทิสโก้ลั่นปีเสือกำไรโต20% เตรียมเดินหน้าลุยต่อ เน้นขยายฐานลูกค้าผ่านไพรเวทแบงก์เพิ่มขึ้น ชูจุดยืนเน้นผลกำไรมากกว่าการขยายขนาดสินทรัพย์รวม พร้อมเล็งหาภูมิภาคใหม่โยกเงินเข้าลงทุน หลังพบบางแห่งมีผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่าในประเทศ ฟุ้งผลงานปี52 สุดหรูกองหุ้นฟันกำไรกว่า 90% ส่วนกองน้ำมันเตรียมเพิ่มทุนอีกพันล้าน
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า การดำเนินงานธุรกิจกองทุนรวม (Mutual Fund) ของ บลจ.ทิสโก้ ในช่วงปี 2552 ที่ผ่านมานั้นถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แม้ภาพรวมในการขยายตัวของกองทุนรวมที่บริษัทดูแลอยู่จะต่ำกว่าภาพรวมการเติบโตของอุตสาหกรรม เนื่องจากมีกองทุนตราสารหนี้ครบอายุโครงการเป็นจำนวนหลายพันล้านบาทก็ตาม
สำหรับในปี 2553 นั้น บริษัทจะเน้นการบริหารงานตามแผนของเครือธนาคารทิสโก้ เพื่อตอบโจทย์ 3 ข้อด้วยกันคือ 1.การสร้างผลการดำเนินงานที่ดี 2. การสร้างผลกำไรและผลประกอบการที่ดีแก่ผู้ถือหุ้น 3.พัฒนาบุคคลากรภายในบริษัทเพื่อประโยชน์ของนักลงทุน
"ในส่วนของมาร์เก็ตแชร์เราก็ให้ความสำคัญแต่จะให้ความสำคัญกับผลกำไรเป็นอันดับแรกก่อน ซึ่งในปีนี้ผลกำไรที่บลจ.คาดว่าจะทำได้ก็ประมาณ 20% ส่วนเรื่องไซด์กองทุนก็ยังเน้นแต่มันตอบยาก และกำไรน่าจะเป็นเรื่องอะไรที่สำคัญมากกว่า"นายธีรนาถกล่าว
นายธีรนาถ กล่าวต่อว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าในปีที่ผ่านมา บริษัทเน้นขยายฐานลูกค้าที่ค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม ซึ่งจะเป็นส่วนที่มีความรู้ด้านการลงทุนพอสมควร ทำให้มีความแตกต่างจากบลจ.ที่มีฐานลูกค้าจากธนาคารพาณิชย์ที่เน้นการสร้างผลตอบแทนเทียบเคียงกับอัตราดอกเบี้ย ส่วนในปีนี้บริษัทจะเน้นขยายลูกค้าในส่วนของ ไพรเวทแบงก์มากขึ้นเนื่องจากเป็นสวนที่เราสามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากที่สุด
สำหรับการเปิดขายกองทุนในปีนี้ บริษัทคงจะต้องดำเนินการหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มาเพิ่มเต็มมากขึ้น ซึ่งในส่วนการลงทุนต่างประเทศยังมีบ้างภูมิภาคที่บริษัทยังไม่ออกไปลงทุน แต่อาจให้ผลตอบแทนระดับสูงตรงนี้ก็น่าสนใจ ส่วนการลงทุนในหุ้นเองก็คงต้องดูสถาการณ์ เพราะเชื่อว่าภาวะตลาดปีนี้คงไม่ใช่ขาขึ้นอย่างเดียวแบบปีที่แล้ว ซึ่งการจัดพอร์ตจะเป็นกุญแจสำคัญในช่วงที่ตลาดแบบนี้
อย่างไรก็ตาม ในปี 2553 นี้ ยังถือเป็นปีที่ยังต้องจับตาดูว่าเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจของประเทศไทยจะสามารถฟื้นตัวได้ต่อเนื่องหรือไม่ โดยในส่วนของภูมิภาคเอเซียน่าจะมีการปรับตัวที่ดีขึ้นค่อนข้างมาก โดยบางประเทศ เช่น จีนและอินเดีย น่าจะเห็นตัวเลขการเติบโตถึงสองหลัก ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกก็คงจะเป็นขาขึ้น แต่คงจะเริ่มเห็นการทยอยปรับขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
ทั้งนี้หากเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้น การลงทุนที่น่าใจสนใจปีนี้ ก็ยังคงเป็นการลงทุนทั้งในหุ้นของไทย เอเชีย สหรัฐอเมริกา รวมถึงสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะน้ำมันและทองคำ จึงยังเป็นส่วนที่น่าลงทุนอยู่ เพราะจะมีปัจจัยบวกมาสนับสนุนอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ในส่วนของหุ้นในยุโรปและตลาดเกิดใหม่ในแถบเอเชียตะวันออกกลางนั้น ยังคงต้องมีความระมัดระวังเพราะยังมีปัจจัยลบกดดันอยู่ ดังนั้นกองทุนที่ บลจ.ทิสโก้จะนำเสนอนั้นจะยังมุ่งเน้นตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนที่เหมาะสมกับภาวะในตลาดเป็นหลัก
นายธีรนาถ กล่าวอีกว่า กองทุนรวมที่ บลจ.ทิสโก้ เปิดขายในปีที่ผ่านมามีจำนวน 23 กองทุน ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นตอบสนองความต้องการของนักลงทุนอย่างครบถ้วนตามระดับความเสี่ยงที่ต่างกัน โดยทุกกองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ กองทุนน้ำมันที่มีขนาดของกองทุนน้ำมันใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และมีแนวโน้มจะมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทาง บลจ.ทิสโก้ ได้เตรียมรองรับความต้องการของนักลงทุนด้วยการเพิ่มทุน กองทุนเปิด ทิสโก้ ออยล์ ฟันด์ อีก 1,000 ล้านบาท พร้อมประเมินว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปี 2553 นี้ จะอยู่ที่ประมาณ 80 – 85 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล