xs
xsm
sm
md
lg

แนวรบสื่อ

เผยแพร่:   โดย: วริษฐ์ ลิ้มทองกุล

ปีใหม่ 2552 เป็นต้นไป หลังการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของรัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเสร็จสิ้น ผมอยากให้ท่านผู้อ่านลองจับตาแวดวงสื่อสารมวลชนของไทยให้ดี เพราะเชื่อว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงในแวดวงสื่อครั้งใหญ่หลังยุคล่มสลายของระบอบทักษิณ

ระยะเวลา 7-8 ปีที่ผ่านมา สื่อมวลชนไทยทั้ง โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ ต่างพึ่งพิงและอาศัยอยู่กับทุนนิยมสามานย์ที่ครองอำนาจรัฐเสียจนเคยตัว

เป็นความเคยตัวของ “สื่อ” ที่ชีวิตวนเวียนอยู่กับการประจบสอพลอนายทุน-ผู้มีอำนาจ ที่ไม่เพียงใช้อำนาจรัฐและอำนาจเงินเข้าบีบ แต่ยังกระโดดลงมาสร้าง “สื่อเทียม” และยึดครอง “สื่อรัฐ” เป็นสมบัติของตนเอง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์

อิทธิพลของกลุ่มทุนสามานย์ดังกล่าว มากมายมหาศาลถึงขนาดที่ว่า ครั้งหนึ่งสื่อมวลชนไทยจำนวนไม่น้อยเคยวาดฝันว่านายทุนคนนี้จะครองประเทศไทยอยู่ถึง 20 ปี

ทว่าระยะเวลา 20 ปีที่เคยวาดฝันไว้ก็สั้นกว่าที่ใครหลายคนคิด …

ธรรมชาติของสื่อมวลชนไทยนั้น จริงๆ แล้วก็ไม่ได้แตกต่างไปจากนิทานอีสปเรื่อง “อึ่งอ่างกับวัว” เลยคือ สื่อมักจะสำคัญตัวผิด ยิ่งสื่อที่อยู่ใกล้ชิดหรือสนิทสนมกับนักการเมือง-ผู้มีอำนาจมากก็ยิ่งสำคัญตัวเองผิดมาก และนึกว่าตัวเองเป็นผู้มีอำนาจเสียเอง โดยหารู้ตัวไม่ว่าตัวเองนั้นถูกเขา “หลอกใช้” ส่วนผลประโยชน์ที่ได้รับก็เป็นเพียงแค่เศษกระดูกที่เขาโยนมาให้เท่านั้น

การเปลี่ยนขั้วการเมืองจากรัฐบาลในระบอบทักษิณ เป็นพรรคประชาธิปัตย์ ทำให้สื่อหลายสำนัก ผู้ประกาศข่าว คอลัมนิสต์ บรรณาธิการข่าว นักวิเคราะห์ข่าว จำนวนมาก (รวมถึงผู้บริหารสมาคมสื่อฯ) ทำตัวไม่ถูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อโทรทัศน์ฟรีทีวี และหนังสือพิมพ์หัวสีจำนวนมากที่ต้องแอบอิงอยู่กับผู้มีอำนาจและอาศัยงบประมาณจากภาครัฐ

หลังจากที่คุณอภิสิทธิ์ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรี โทรทัศน์และหนังสือพิมพ์หลายฉบับที่เดิมด่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เว้นแต่ละวัน มาวันนี้ก็เริ่มทำเป็นญาติดี บางส่วนเปลี่ยนสีหรือเปลี่ยนท่าทีจากหลังเท้าเป็นหน้ามือได้อย่างหน้าไม่อาย

การที่พรรคประชาธิปัตย์โดยคุณสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ประกาศออกมาเมื่อวันอังคารที่ 23 ธันวาคมว่า งานแรกๆ ที่ตนเองจะทำหลังการแถลงนโยบายก็คือ การล้างบางทาสระบอบทักษิณที่เข้าไปครองตำแหน่งในคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท อสมท จำกัด, การปรับเปลี่ยน สถานีเอ็นบีที คืนมาเป็น ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ดังเดิม รวมถึงการฟื้นรายการ “นายกฯ พบประชาชน” กลับมาด้วยนั้น ผมถือว่าเป็นท่าทีที่เข้มแข็งและชาญฉลาดของคุณอภิสิทธิ์ คุณสาทิตย์ และพรรคประชาธิปัตย์

คุณอภิสิทธิ์และคุณสาทิตย์คงรู้ดีว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่มีเวลาในการทำตัวหน่อมแน้มเหมือน “รัฐบาลฤๅษีเลี้ยงเต่า” และไม่มีเวลาประนีประนอมกับสื่อมวลชนที่ทำตัวเป็นลิ่วล้อและแอบอิงอยู่กับระบอบทักษิณ

เพราะในสงครามการเมืองครั้งนี้ การตัดสินแพ้-ชนะ นั้นนอกจากการพูดดี-คิดดี-ทำดี ปกป้องสถาบัน ทำเพื่อประชาชนและบ้านเมืองโดยรวมแล้ว ผู้กุมอำนาจรัฐจำต้องมี “สื่อ” เป็นเครื่องมือ และใช้ “สื่อ” ให้เป็นด้วย

การใช้สื่อแบบฉาบฉวยอย่างกรณียิง SMS จาก yourPM ไปแนะนำตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่นั้นสามารถทำได้ แต่ก็ทำได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราวเพื่อเป็นสีสันเท่านั้น ทว่าก็ต้องระมัดระวังตัวมิให้เกิดช่องโหว่กลายเป็นที่ครหาของสังคม หรือเป้าโจมตีจากฝ่ายตรงข้าม

สำหรับการเข้าไปเปลี่ยนบอร์ด อสมท แน่นอนว่าต้องเป็นไปตามธรรมเนียมปฏิบัติและอยู่ในกรอบระเบียบของตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจาก อสมท วันนี้ไม่ใช่รัฐวิสาหกิจในความควบคุมของรัฐอย่างสมบูรณ์เหมือนแต่ก่อน แต่กลายสภาพเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่มีกฎเกณฑ์ เงื่อนไขและรายละเอียดประกอบอีกมาก

กระนั้น ความยากของคุณสาทิตย์ในการเปลี่ยน อสมท ผมเห็นว่าไม่ได้อยู่ที่การล้างบอร์ดชุดเก่า แต่คือการต้องรับมือกับสหภาพแรงงาน อสมท ที่ผู้นำสหภาพและสมาชิกซึ่งเคยได้รับผลประโยชน์จากการแปรรูปองค์กรในสมัยระบอบทักษิณ ในยุคที่ ผอ.ชื่อมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ไปเต็มๆ

ทั้งนี้ทั้งนั้น ภารกิจที่ยากกว่า อสมท และลักลั่นเป็นอย่างยิ่งในความเห็นของผม ก็คือ เอ็นบีที!

ดังที่ทุกคนทราบ ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ถูกปรับโฉมให้เป็นเอ็นบีที เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2551 ในยุคที่นายจักรภพ เพ็ญแข ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนั้นนายจักรภพอาศัยมือไม้เป็น “สื่อเทียม” ในเครือข่ายของนายเนวิน ชิดชอบ ที่ผ่านประสบการณ์มาแล้วทั้งสื่อบนดินและสื่อใต้ดิน ขณะที่อีกส่วนก็อาศัยบุคลากรเบื้องหน้า-เบื้องหลัง จากช่องไอทีวีเดิม (ซึ่งเคยเป็นของเครือชินคอร์ป) และยังจงรักภักดีอยู่กับระบอบทักษิณ

ตลอดระยะเวลา 8-9 เดือนที่ผ่านมา ช่องเอ็นบีทีปฏิบัติตนเป็นเครื่องมือของ “ระบอบทักษิณ” อย่างสมบูรณ์แบบ โดยใช้วิธีการบิดเบือนข่าวสารแต่อาศัยคำว่า “ข่าว” บังหน้า ตีข่าวเล็กให้เป็นข่าวใหญ่ ย่อข่าวใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก เพื่อมุ่งตอบสนองผลประโยชน์ทางการเมืองของตน และทำลายศัตรูทางการเมืองอย่างไม่แยแสถึงเงินภาษีของประชาชนที่ใช้ก่อตั้งและหล่อเลี้ยงสถานี

นอกจากนี้ยังมีรายการที่จงใจสร้างขึ้นเพื่อโจมตีศัตรูทางการเมืองของพรรคพลังประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตรฯ นายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ ที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือ รายการความจริงวันนี้ ซึ่งมีความพยายามในการนำเสนอเนื้อหาที่ทำลายความน่าเชื่อถือของสถาบันต่างๆ ในบ้านเมืองอย่างต่อเนื่อง เช่น สตง. ป.ป.ช. สถาบันตุลาการ ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นต้น

ใจความสำคัญอยู่ที่ว่า ในเมื่อก่อนหน้านี้คุณอภิสิทธิ์ไปกอดกับนายเนวิน ชิดชอบ เพื่อขอเสียงจากกลุ่มเพื่อนเนวินให้ช่วยเลือกตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว รัฐบาลประชาธิปัตย์จะจัดการอย่างไรกับเอ็นบีที และ ดิจิตอล มีเดีย โฮลดิ้งส์?

หรือประชาธิปัตย์จะปล่อยให้ “เครือข่ายเนวิน” ครองสถานีแห่งนี้ต่อไป เช่นเดียวกับการปล่อยตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ตำแหน่งประธานรัฐสภา ให้เนวิน เพื่อนเนวิน และพ่อเนวินครอบครองไปแล้ว

ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง ก็ฟันธงไว้ล่วงหน้าได้เลยว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์ และฝันหวานคราวนี้ของประชาชนอายุสั้นแน่นอน!
กำลังโหลดความคิดเห็น