ASTV/ผู้จัดการรายวัน-เผยเอกสารลับผลสอบ “พัชรวาท” พันทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง ชะนักติดหลังที่ค้างคาใจคืนสู่เก้าอี้ผบ.ตร ด้าน "อภิสิทธิ์" ระบุหากพบผิดจริงเหตุนองเลือด 7 ตุลาฯพร้อมจัดการทันทีไม่สนเป็นญาติของใครในรัฐบาล ขณะที่ "ชวรัตน์"ปัดตอบเหตุโยกย้าย "สุเทพ"ยันไม่เกี่ยว"ประวิตร"
จากกรณี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ย้ายกลับเข้ารับตำแหน่งผบ.ตร. โดยถูกวิพากษ์วิจารณ์ ถึงความไม่เหมาะสม ทั้งจากการมีรายชื่อเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหน้ารัฐสภาจนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต และ ประการสำคัญถูกสอบกรณีทุจริตตามที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยในรายการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี NEWS1เมื่อคืนวันจันทร์(22ธ.ค.)ที่ผ่านมานั้น
ในประเด็นหลัง “ASTVผู้จัดการรายวัน” สืบค้นพบว่า มีเอกสารเป็นบันทึกสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 19 ธ.ค. 2551 ถึงนายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) ลงชื่อนายสุพล ฟองงาม รักษาการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ระบุถึงสาเหตุที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ถูกย้ายเข้าช่วยราชการสำนักนายกฯ ก่อนหน้านี้ พร้อมเสนอให้นายอภิสิทธิ์ ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน พล.ต.อ.พัชรวาท โดยมีนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ รองอัยการสูงสุด เป็นประธาน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2551 สมัย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เป็น ผบ.ตร.ได้รับหนังสือร้องเรียนมาจากคนที่เข้าประมูลงานในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่า พล.ต.อ.พัชรวาท และ พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ รอง ผบ.ตร. ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จึงตั้งคณะกรรมการสอบสวน ปรากฏว่ามีความผิดจริง ต่อมาจึงเสนอต่อนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ซึ่งเพิ่งจะย้าย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ออกไป และเพิ่งตั้ง พล.ต.อ.พัชรวาทเป็น ผบ.ตร. จึงเก็บเรื่องนี้ใส่ลิ้นชัก ทั้งที่ควรดำเนินการทันที และต้องไม่ตั้ง พล.ต.อ.พัชรวาท เป็น ผบ.ตร. แต่ควรย้ายเข้าสำนักนายกฯ ทันที
**ผลสรุปทำผิดชัดแจ้ง
เนื้อหาในหนังสือแนบได้บอกรายละเอียดเรื่องเดิมมี ว่าจากการตรวจสอบพบว่า ในปีงบประมาณ 2548 สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับงบประมาณค่าโฆษณาและเผยแพร่ จำนวนเงิน 114,000,000 บาท เพื่อใช้บริหารงานในหมวดการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและอำนวยการจราจร ซึ่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการจ้างผลิตรายการต่าง ๆ ไว้เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์มาโดยตลอด จนกระทั่งงบประมาณคงเหลือจำนวน 18,766,000 บาท พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ ผบก.พธ. (ขณะนั้น )จึงได้เสนอขอให้นำงบประมาณดังกล่าวมาดำเนินการจัดจ้างรายการใหม่จำนวน 3 รายการ ต่อ พล.ต.ท.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้ช่วยผบ.ตร.(บร 1) (ขณะนั้น) และพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. (ขณะนั้น) ซึ่งต่อมาในวันที่ 2 ก.ย. 2548 พล.ต.อ.โกวิทฯ ผบ.ตร. ได้อนุมัติหลักการให้นำงบประมาณดังกล่าวไปดำเนินการจัดจ้างรายการใหม่ จำนวน 3 รายการ ตามที่ พล.ต.ต.สัจจะฯ เสนอ
ต่อมาวันที่ 6 ก.ย.2548 ผบก.พธ. ได้เสนอต่อ พล.ต.อ.โกวิทฯ ผ่าน พล.ต.ท.พัชรวาทฯขออนุมัติจัดจ้างเอกชนโฆษณาและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์งานของตร.ด้วยงบประมาณ 187,766,000 บาทด้วยการจ้างโดยวิธีพิเศษ และขออนุมัติแต่งตั้ง พล.ต.ต.บุญเรือง ผลพานิชย์ เป็นประธานกรรมการจัดจ้างฯ ตามที่ พล.ต.ท.พัชรวาทฯ เห็นชอบเสนอ และพล.ต.อ.โกวิทฯ อนุมัติไว้ก่อนแล้ว ซึ่งในวันรุ่งขึ้น (7 ก.ย. 2548) พล.ต.ท.พัชรวาทฯ ได้ลงนามเสนอ พล.ต.อ.โกวิทฯ เพื่อขออนุมัติตามที่ผบก.พธ. เสนอ และในวันเดียวกัน พล.ต.อ.โกวิทฯ ก็ได้อนุมัติให้จัดจ้างด้วยวิธีพิเศษการดำเนินการตามเอกสารที่แนบจึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 18(6) และข้อ 21 ที่ได้กำหนดไว้ว่า การจัดจ้างซึ่งมีวงเงินรวมเกินกว่า 2 ล้านบาท ต้องดำเนินการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด จะดำเนินการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ ด้วยการอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ มิได้ เป็นการฝ่าฝืนระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมฯ โดยเฉพาะ พล.ต.ท.พัชรวาทฯ และพล.ต.อ.โกวิทฯ มีเจตนามาตั้งแต่ต้น ที่จะนำงบประมาณ จำนวน 18,766,000 บาท มาจัดจ้างผลิตรายการโฆษณาและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ จำนวน 3 รายการ ด้วยวิธีพิเศษ
สำหรับคณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษชุดดังกล่าว เมื่อได้รับทราบคำสั่งและมีเจตนาสุจริต ต้องรักษาผลประโยชน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบ สำนักนายกฯ ว่าด้วยการพัสดุ ปี 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม อย่างเคร่งครัด แต่ปรากฎว่าคณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษนอกจากจะไม่ได้เสนอความเห็นโต้แย้งแล้ว ยังได้เร่งรัดดำเนินการด้วยการมีหนังสือเชิญ บริษัท เอ็น เอส มีเดีย แอสโซซิเอทส์ จำกัด เพียงรายเดียวให้มายื่นเสนอราคา และเมื่อคณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ ได้รับเอกสารการเสนอราคาจากบริษัทดังกล่าวในวันที่ 13 ก.ย 2548 เวลา 10.00 -11.00 น. ในวันเดียวกันนั้นคณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษก็ได้จัดทำบันทึก รายงานผลการพิจารณาจัดจ้าวง ว่า เห็นควรจ้างบริษัทเอ็น เอส มีเดีย แอสโซซิเอทส์ จำกัด ดำเนินการโฆษณาและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ของตร. จำนวน 3 รายการ เป็นเงินทั้งสิ้น 18,697,000 บาท การกระทำของพล.ต.ต.บุญเรืองฯ และกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่ชอบด้วยระเบียบและกฎหมาย เพราะ พล.ต.อ.โกวิท ฯ ไม่มีอำนาจอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ เนื่องจากวงเงินรวมเกินกว่า 2 ล้านบาท และเมื่อพิจารณาลักษณะงานที่จะต้องจัดจ้างผลิตโฆษณาและเผยแพร่จำนวน 3 รายการดังกล่าวแล้ว ไม่ใช้เป็นงานที่จะต้องจ้างช่างฝีมือโดยเฉพาะหรือผู้เชี่ยวชาญเป็นพิเศษ หรือเป็นงานที่ต้องกระทำโดยเร่งด่วน หากล่าช้าจะเสียหายแก่ราชการแต่อย่างใด
การกระทำดังกล่าวของ พล.ต.ต.บุญเรืองฯ กับคณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ ได้กระทำโดยมิให้มีการแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม หรือเพื่อช่วยเหลือให้ผู้เสนอราคามา ( บริษัท เอ็น เอส มีเดีย แอสโซซิเอทส์ จำกัด ) เพียงรายเดียว มีสิทธิเข้าทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐโดยไม่เป็นธรรม หรือเพื่อกีดกัดผู้เสนอราคารายใด มิให้มีโอกาสเข้าแข่งขันในการเสนอราคา ถือเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 11
จากการพิจารณาและพยานหลักฐานต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น ปรากฎโดยชัดแจ้งว่า พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีต ผบ.ตร. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองผบตร.(มค) และ พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. ได้ร่วมกันกระทำการอันเป็นความผิด 1. ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฯ ข้อ 18 (6)และข้อ 2 2. ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องหลักเกณฑ์การซื้อและการจ้างโดยการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (ออกตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2547) ข้อ 6 ข้อ 12 ข้อ 13 และ ข้อ 16
3. พรบ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 10 มาตรา 11 และ มาตรา 12
4. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 มาตรา 157 ประกอบ มาตรา 83 ,84,86,90,91
5. พรบ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 86 และมาตรา 79(1)
ลงนามในบันทึกข้อความ โดย พล.ต.ท. ทวีพร นามเสถียร ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. (ทนท.บริหารและควบคุมให้เป็นไปตามนโยบาย ศปก.ตร.) ลงวันที่ 27 ก.พ. 2551
**อภิสิทธิ์ลั่นหากผิดเหตุ7ตุลาฯไม่สนเป็นญาติใคร
ส่วนประเด็นการมีรายชื่อเป็นหนึ่งในบุคคลที่ต้องรับผิดชอบต่อการสลายการชุมนุมหน้ารัฐสภาตามผลการสอบสวนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
วานนี้ (23 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะสอบถามเรื่องนี้ในที่ประชุม ครม.ถึงข้อกฎหมายต่างๆ ส่วนรายงานของคณะกรรมการสิทธิฯ ก็ต้องมาดูว่าได้มีข้อสรุปอย่างไร ขั้นตอนการดำเนินการต่อไปเป็นอย่างไร ขณะนี้คณะกรรมการสิทธิฯ ได้ส่งเรื่องมาให้ตนในฐานะ 1 ในผู้ที่ร้องให้มีการสอบในเรื่องนี้(อ่านล้อมกรอบ “เปิดหนังสือ"อภิสิทธิ์"เร่งรัดสอบ 7 ตุลาคม” ประกอบ)
เมื่อถามว่า หากพบว่าผิดจริง นายกฯจะกล้าจัดการหรือไม่ เนื่องจากเป็นคนในตระกูลเดียวกันกับรัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ นายกฯ กล่าวว่า การตัดสินใจต้องไม่เกี่ยวกับว่าเป็นญาติพี่น้องใครอยู่แล้ว แต่ต้องขึ้นอยู่กับว่าเมื่อบุคลากรมีการสอบข้อเท็จจริงต่างๆ แล้ว ดูรายงานข้อสรุปว่าได้มีการเสนอข้อคิดเห็นอย่างไร แล้วจะได้ดำเนินการตามความเหมาะสม ตนเป็นคนร้องเรื่องนี้ให้คณะกรรมการสิทธิฯเป็นผู้สอบ ขณะนี้คณะกรรมการสิทธิฯ ได้สอบมาแล้ว ตนกำลังดูรายละเอียดทั้งหมด และจะต้องดูข้อเสนอเพราะที่แจ้งมาที่ตน ขณะนี้มาในฐานะผู้ร้อง แต่ทางคณะกรรมการสิทธิฯ ต้องแจ้งมายังตนอีกครั้งในฐานะรัฐบาลว่า ข้อเสนอ คืออะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะให้ความมั่นใจกับผู้เสียหายได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “แน่นอนครับ ทุกอย่างต้องมีความเป็นธรรม ผมขอยืนยันว่า การตัดสินใจอะไร ต้องไม่เกี่ยวกับว่าท่านเป็นญาติพี่น้องกับใคร”นายกฯ กล่าว
**"ชวรัตน์"เซ็งตอบโยก"พัชรวาท"
นายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการรายงาน ครม.ให้ทราบเหตุผลกรณี ที่ลงนามในคำสั่งสำนักนายกฯส่ง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ที่มาช่วยราชการสำนักนายกฯในช่วงที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ดำรงตำแหน่งนายกฯ กลับไปเป็น ผบ.ตร. ว่าไม่ได้มีอยู่ในอาเจนดา หาก ครม.สอบถามก็ต้องรายงาน ส่วนเสียงวิจารณ์การส่ง พล.ต.อ.พัชรวาท กลับไปสตช.นั้น เป็นเพราะเงื่อนไขการตั้งรัฐบาลชุดนี้โดยทหารบางฝ่ายอยู่เบื้องหลังนั้น นายชวรัตน์ กล่าวว่า ขอเรียนว่าทำไมไม่มองในแง่ดี เพราะคนที่ไม่มีความผิดก็ต้องส่งกลับไปที่เดิม ส่วนเหตุผลที่รัฐบาลชุดที่แล้วเรียกตัว พล.ต.อ.พัชรวาท มาช่วยงานที่สำนักนายกฯนั้น ตนทราบว่าสำนักนายกฯขอตัวมาช่วยงาน ส่วนจะมาช่วยงานด้านใดบ้างนั้นตนไม่ทราบ
**“เทพเทือก”ปัดไร้เงื่อนไข“พัชรวาท”กลับตร.
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าวว่า พล.อ.ประ วิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม มีเงื่อนไขของการนำ พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ กลับมาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน ดูตามข่าวซึ่งนายชวรัตน์ ชาญวีระกุล เป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี เมื่อจะพ้นจากรักษาการก็ มีการส่งเรื่องการย้าย พล.ต.อ.พัชรวาท คืนมายังรัฐบาล เมื่อถามว่ากรณีของ พล.ต.อ.พัชรวาท และ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ มีการวิจารณ์กันมากว่ารัฐบาลนี้ ทหารให้การสนับสนุน และอยู่เบื้องหลัง อยากให้ชี้แจงตรงนี้ นายสุเทพ กล่าวว่า “ผมอยากกราบเรียนและชี้แจงหลายครั้งแล้วว่า ทหารไม่ได้เข้ามายุ่งในช่วงที่มีการจัดตั้งรัฐบาล ก็เห็นกันอยู่ ฝ่ายการเมืองทำเองทั้งนั้น กรณีของพล.อ.ประวิตร ตนนำเรื่องเข้าหารือกรรมการบริหารพรรค และทุกคนก็เห็นด้วย เป็นเอฉันท์ให้เชิญท่านมา ก็เท่านั้นเอง ไม่มีเงื่อนไขอะไร เชิญต่อหน้าสื่อมวลชน ประชุมต่อหน้าสื่อ ทุกอย่างไม่มีเงื่อนไข
เมื่อถามว่าแล้วเหตุผลที่คืนตำแหน่งให้กับ พล.ต.อ. พัชรวาท คืออะไร นายสุเทพ กล่าวว่า ผมก็อ่านหนังสือพิมพ์ ซึ่งนายชวรัตน์ รักษาการนายกฯ อยู่ รัฐบาลของท่านขอตัว พล.ต.อ.พัชรวาท มาช่วยงานที่ทำเนียบ เมื่อท่านจะพ้นจากหน้าที่ ก็ส่งเรื่องกลับไป มันก็จบ เมื่อถามว่าแต่ พล.ต.อ.พัชรวาท มีความผิดในเรื่องของการสลายการชุมนุม นายสุเทพ กล่าวว่า ก็ให้คนเป็นโจทย์ยื่นฟ้องมา ก็ต้องดำเนินคดี เมื่อถามว่าอย่างนี้ยังจะให้ พล.ต.อ.พัชรวาท อยู่ในตำแหน่ง ผบ.ตร.อยู่ต่อไปหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่าก็ต้องดูตามรูปคดี ถ้ามีความผิดก็ต้องดำเนินการตามความผิด ซึ่งในเบื้องต้นนี้ก็ต้องให้ทำหน้าที่ไปก่อน
จากกรณี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ย้ายกลับเข้ารับตำแหน่งผบ.ตร. โดยถูกวิพากษ์วิจารณ์ ถึงความไม่เหมาะสม ทั้งจากการมีรายชื่อเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหน้ารัฐสภาจนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต และ ประการสำคัญถูกสอบกรณีทุจริตตามที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยในรายการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี NEWS1เมื่อคืนวันจันทร์(22ธ.ค.)ที่ผ่านมานั้น
ในประเด็นหลัง “ASTVผู้จัดการรายวัน” สืบค้นพบว่า มีเอกสารเป็นบันทึกสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 19 ธ.ค. 2551 ถึงนายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) ลงชื่อนายสุพล ฟองงาม รักษาการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ระบุถึงสาเหตุที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ถูกย้ายเข้าช่วยราชการสำนักนายกฯ ก่อนหน้านี้ พร้อมเสนอให้นายอภิสิทธิ์ ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน พล.ต.อ.พัชรวาท โดยมีนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ รองอัยการสูงสุด เป็นประธาน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2551 สมัย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เป็น ผบ.ตร.ได้รับหนังสือร้องเรียนมาจากคนที่เข้าประมูลงานในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่า พล.ต.อ.พัชรวาท และ พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ รอง ผบ.ตร. ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จึงตั้งคณะกรรมการสอบสวน ปรากฏว่ามีความผิดจริง ต่อมาจึงเสนอต่อนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ซึ่งเพิ่งจะย้าย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ออกไป และเพิ่งตั้ง พล.ต.อ.พัชรวาทเป็น ผบ.ตร. จึงเก็บเรื่องนี้ใส่ลิ้นชัก ทั้งที่ควรดำเนินการทันที และต้องไม่ตั้ง พล.ต.อ.พัชรวาท เป็น ผบ.ตร. แต่ควรย้ายเข้าสำนักนายกฯ ทันที
**ผลสรุปทำผิดชัดแจ้ง
เนื้อหาในหนังสือแนบได้บอกรายละเอียดเรื่องเดิมมี ว่าจากการตรวจสอบพบว่า ในปีงบประมาณ 2548 สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับงบประมาณค่าโฆษณาและเผยแพร่ จำนวนเงิน 114,000,000 บาท เพื่อใช้บริหารงานในหมวดการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและอำนวยการจราจร ซึ่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ดำเนินการจ้างผลิตรายการต่าง ๆ ไว้เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์มาโดยตลอด จนกระทั่งงบประมาณคงเหลือจำนวน 18,766,000 บาท พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ ผบก.พธ. (ขณะนั้น )จึงได้เสนอขอให้นำงบประมาณดังกล่าวมาดำเนินการจัดจ้างรายการใหม่จำนวน 3 รายการ ต่อ พล.ต.ท.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้ช่วยผบ.ตร.(บร 1) (ขณะนั้น) และพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. (ขณะนั้น) ซึ่งต่อมาในวันที่ 2 ก.ย. 2548 พล.ต.อ.โกวิทฯ ผบ.ตร. ได้อนุมัติหลักการให้นำงบประมาณดังกล่าวไปดำเนินการจัดจ้างรายการใหม่ จำนวน 3 รายการ ตามที่ พล.ต.ต.สัจจะฯ เสนอ
ต่อมาวันที่ 6 ก.ย.2548 ผบก.พธ. ได้เสนอต่อ พล.ต.อ.โกวิทฯ ผ่าน พล.ต.ท.พัชรวาทฯขออนุมัติจัดจ้างเอกชนโฆษณาและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์งานของตร.ด้วยงบประมาณ 187,766,000 บาทด้วยการจ้างโดยวิธีพิเศษ และขออนุมัติแต่งตั้ง พล.ต.ต.บุญเรือง ผลพานิชย์ เป็นประธานกรรมการจัดจ้างฯ ตามที่ พล.ต.ท.พัชรวาทฯ เห็นชอบเสนอ และพล.ต.อ.โกวิทฯ อนุมัติไว้ก่อนแล้ว ซึ่งในวันรุ่งขึ้น (7 ก.ย. 2548) พล.ต.ท.พัชรวาทฯ ได้ลงนามเสนอ พล.ต.อ.โกวิทฯ เพื่อขออนุมัติตามที่ผบก.พธ. เสนอ และในวันเดียวกัน พล.ต.อ.โกวิทฯ ก็ได้อนุมัติให้จัดจ้างด้วยวิธีพิเศษการดำเนินการตามเอกสารที่แนบจึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 18(6) และข้อ 21 ที่ได้กำหนดไว้ว่า การจัดจ้างซึ่งมีวงเงินรวมเกินกว่า 2 ล้านบาท ต้องดำเนินการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด จะดำเนินการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ ด้วยการอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ มิได้ เป็นการฝ่าฝืนระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมฯ โดยเฉพาะ พล.ต.ท.พัชรวาทฯ และพล.ต.อ.โกวิทฯ มีเจตนามาตั้งแต่ต้น ที่จะนำงบประมาณ จำนวน 18,766,000 บาท มาจัดจ้างผลิตรายการโฆษณาและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ จำนวน 3 รายการ ด้วยวิธีพิเศษ
สำหรับคณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษชุดดังกล่าว เมื่อได้รับทราบคำสั่งและมีเจตนาสุจริต ต้องรักษาผลประโยชน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบ สำนักนายกฯ ว่าด้วยการพัสดุ ปี 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม อย่างเคร่งครัด แต่ปรากฎว่าคณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษนอกจากจะไม่ได้เสนอความเห็นโต้แย้งแล้ว ยังได้เร่งรัดดำเนินการด้วยการมีหนังสือเชิญ บริษัท เอ็น เอส มีเดีย แอสโซซิเอทส์ จำกัด เพียงรายเดียวให้มายื่นเสนอราคา และเมื่อคณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ ได้รับเอกสารการเสนอราคาจากบริษัทดังกล่าวในวันที่ 13 ก.ย 2548 เวลา 10.00 -11.00 น. ในวันเดียวกันนั้นคณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษก็ได้จัดทำบันทึก รายงานผลการพิจารณาจัดจ้าวง ว่า เห็นควรจ้างบริษัทเอ็น เอส มีเดีย แอสโซซิเอทส์ จำกัด ดำเนินการโฆษณาและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ของตร. จำนวน 3 รายการ เป็นเงินทั้งสิ้น 18,697,000 บาท การกระทำของพล.ต.ต.บุญเรืองฯ และกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่ชอบด้วยระเบียบและกฎหมาย เพราะ พล.ต.อ.โกวิท ฯ ไม่มีอำนาจอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ เนื่องจากวงเงินรวมเกินกว่า 2 ล้านบาท และเมื่อพิจารณาลักษณะงานที่จะต้องจัดจ้างผลิตโฆษณาและเผยแพร่จำนวน 3 รายการดังกล่าวแล้ว ไม่ใช้เป็นงานที่จะต้องจ้างช่างฝีมือโดยเฉพาะหรือผู้เชี่ยวชาญเป็นพิเศษ หรือเป็นงานที่ต้องกระทำโดยเร่งด่วน หากล่าช้าจะเสียหายแก่ราชการแต่อย่างใด
การกระทำดังกล่าวของ พล.ต.ต.บุญเรืองฯ กับคณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ ได้กระทำโดยมิให้มีการแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม หรือเพื่อช่วยเหลือให้ผู้เสนอราคามา ( บริษัท เอ็น เอส มีเดีย แอสโซซิเอทส์ จำกัด ) เพียงรายเดียว มีสิทธิเข้าทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐโดยไม่เป็นธรรม หรือเพื่อกีดกัดผู้เสนอราคารายใด มิให้มีโอกาสเข้าแข่งขันในการเสนอราคา ถือเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 11
จากการพิจารณาและพยานหลักฐานต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น ปรากฎโดยชัดแจ้งว่า พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีต ผบ.ตร. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองผบตร.(มค) และ พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. ได้ร่วมกันกระทำการอันเป็นความผิด 1. ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ฯ ข้อ 18 (6)และข้อ 2 2. ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องหลักเกณฑ์การซื้อและการจ้างโดยการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (ออกตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2547) ข้อ 6 ข้อ 12 ข้อ 13 และ ข้อ 16
3. พรบ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 10 มาตรา 11 และ มาตรา 12
4. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 มาตรา 157 ประกอบ มาตรา 83 ,84,86,90,91
5. พรบ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 86 และมาตรา 79(1)
ลงนามในบันทึกข้อความ โดย พล.ต.ท. ทวีพร นามเสถียร ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. (ทนท.บริหารและควบคุมให้เป็นไปตามนโยบาย ศปก.ตร.) ลงวันที่ 27 ก.พ. 2551
**อภิสิทธิ์ลั่นหากผิดเหตุ7ตุลาฯไม่สนเป็นญาติใคร
ส่วนประเด็นการมีรายชื่อเป็นหนึ่งในบุคคลที่ต้องรับผิดชอบต่อการสลายการชุมนุมหน้ารัฐสภาตามผลการสอบสวนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
วานนี้ (23 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะสอบถามเรื่องนี้ในที่ประชุม ครม.ถึงข้อกฎหมายต่างๆ ส่วนรายงานของคณะกรรมการสิทธิฯ ก็ต้องมาดูว่าได้มีข้อสรุปอย่างไร ขั้นตอนการดำเนินการต่อไปเป็นอย่างไร ขณะนี้คณะกรรมการสิทธิฯ ได้ส่งเรื่องมาให้ตนในฐานะ 1 ในผู้ที่ร้องให้มีการสอบในเรื่องนี้(อ่านล้อมกรอบ “เปิดหนังสือ"อภิสิทธิ์"เร่งรัดสอบ 7 ตุลาคม” ประกอบ)
เมื่อถามว่า หากพบว่าผิดจริง นายกฯจะกล้าจัดการหรือไม่ เนื่องจากเป็นคนในตระกูลเดียวกันกับรัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ นายกฯ กล่าวว่า การตัดสินใจต้องไม่เกี่ยวกับว่าเป็นญาติพี่น้องใครอยู่แล้ว แต่ต้องขึ้นอยู่กับว่าเมื่อบุคลากรมีการสอบข้อเท็จจริงต่างๆ แล้ว ดูรายงานข้อสรุปว่าได้มีการเสนอข้อคิดเห็นอย่างไร แล้วจะได้ดำเนินการตามความเหมาะสม ตนเป็นคนร้องเรื่องนี้ให้คณะกรรมการสิทธิฯเป็นผู้สอบ ขณะนี้คณะกรรมการสิทธิฯ ได้สอบมาแล้ว ตนกำลังดูรายละเอียดทั้งหมด และจะต้องดูข้อเสนอเพราะที่แจ้งมาที่ตน ขณะนี้มาในฐานะผู้ร้อง แต่ทางคณะกรรมการสิทธิฯ ต้องแจ้งมายังตนอีกครั้งในฐานะรัฐบาลว่า ข้อเสนอ คืออะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะให้ความมั่นใจกับผู้เสียหายได้อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า “แน่นอนครับ ทุกอย่างต้องมีความเป็นธรรม ผมขอยืนยันว่า การตัดสินใจอะไร ต้องไม่เกี่ยวกับว่าท่านเป็นญาติพี่น้องกับใคร”นายกฯ กล่าว
**"ชวรัตน์"เซ็งตอบโยก"พัชรวาท"
นายชวรัตน์ ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการรายงาน ครม.ให้ทราบเหตุผลกรณี ที่ลงนามในคำสั่งสำนักนายกฯส่ง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ที่มาช่วยราชการสำนักนายกฯในช่วงที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ดำรงตำแหน่งนายกฯ กลับไปเป็น ผบ.ตร. ว่าไม่ได้มีอยู่ในอาเจนดา หาก ครม.สอบถามก็ต้องรายงาน ส่วนเสียงวิจารณ์การส่ง พล.ต.อ.พัชรวาท กลับไปสตช.นั้น เป็นเพราะเงื่อนไขการตั้งรัฐบาลชุดนี้โดยทหารบางฝ่ายอยู่เบื้องหลังนั้น นายชวรัตน์ กล่าวว่า ขอเรียนว่าทำไมไม่มองในแง่ดี เพราะคนที่ไม่มีความผิดก็ต้องส่งกลับไปที่เดิม ส่วนเหตุผลที่รัฐบาลชุดที่แล้วเรียกตัว พล.ต.อ.พัชรวาท มาช่วยงานที่สำนักนายกฯนั้น ตนทราบว่าสำนักนายกฯขอตัวมาช่วยงาน ส่วนจะมาช่วยงานด้านใดบ้างนั้นตนไม่ทราบ
**“เทพเทือก”ปัดไร้เงื่อนไข“พัชรวาท”กลับตร.
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าวว่า พล.อ.ประ วิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม มีเงื่อนไขของการนำ พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ กลับมาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน ดูตามข่าวซึ่งนายชวรัตน์ ชาญวีระกุล เป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี เมื่อจะพ้นจากรักษาการก็ มีการส่งเรื่องการย้าย พล.ต.อ.พัชรวาท คืนมายังรัฐบาล เมื่อถามว่ากรณีของ พล.ต.อ.พัชรวาท และ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ มีการวิจารณ์กันมากว่ารัฐบาลนี้ ทหารให้การสนับสนุน และอยู่เบื้องหลัง อยากให้ชี้แจงตรงนี้ นายสุเทพ กล่าวว่า “ผมอยากกราบเรียนและชี้แจงหลายครั้งแล้วว่า ทหารไม่ได้เข้ามายุ่งในช่วงที่มีการจัดตั้งรัฐบาล ก็เห็นกันอยู่ ฝ่ายการเมืองทำเองทั้งนั้น กรณีของพล.อ.ประวิตร ตนนำเรื่องเข้าหารือกรรมการบริหารพรรค และทุกคนก็เห็นด้วย เป็นเอฉันท์ให้เชิญท่านมา ก็เท่านั้นเอง ไม่มีเงื่อนไขอะไร เชิญต่อหน้าสื่อมวลชน ประชุมต่อหน้าสื่อ ทุกอย่างไม่มีเงื่อนไข
เมื่อถามว่าแล้วเหตุผลที่คืนตำแหน่งให้กับ พล.ต.อ. พัชรวาท คืออะไร นายสุเทพ กล่าวว่า ผมก็อ่านหนังสือพิมพ์ ซึ่งนายชวรัตน์ รักษาการนายกฯ อยู่ รัฐบาลของท่านขอตัว พล.ต.อ.พัชรวาท มาช่วยงานที่ทำเนียบ เมื่อท่านจะพ้นจากหน้าที่ ก็ส่งเรื่องกลับไป มันก็จบ เมื่อถามว่าแต่ พล.ต.อ.พัชรวาท มีความผิดในเรื่องของการสลายการชุมนุม นายสุเทพ กล่าวว่า ก็ให้คนเป็นโจทย์ยื่นฟ้องมา ก็ต้องดำเนินคดี เมื่อถามว่าอย่างนี้ยังจะให้ พล.ต.อ.พัชรวาท อยู่ในตำแหน่ง ผบ.ตร.อยู่ต่อไปหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่าก็ต้องดูตามรูปคดี ถ้ามีความผิดก็ต้องดำเนินการตามความผิด ซึ่งในเบื้องต้นนี้ก็ต้องให้ทำหน้าที่ไปก่อน