xs
xsm
sm
md
lg

เปิดผลสอบลับมาก “พัชรวาท” ทุจริต

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

เปิดผลสอบลับมาก “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” และพวก ถูกสอบทุจริต ประมูลงานในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ “เสรีพิศุทธ์” ทวงถาม แต่ถูกดอง เปิดหลักฐานรัฐบาล “สมชาย” เซ็นเห็นชอบผลสอบชี้ชัด ทุจริต ชงต่อ “นายกฯอภิสิทธิ์” ฟัน แต่"ชวรัตน์"กลับไม่สน ส่งนั่ง ผบ.ตร.ยุคพี่ชาย ผงาดคุม กลาโหม

จากกรณีที่มีคำสั่งนายกรัฐมนตรีให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี กลับไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมอำนาจเต็มในการสั่งการดูแลตำรวจทั่วประเทศกว่า 2 แสนนาย ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับคำสั่งโยกย้ายดังกล่าวเป็นอย่างมากประกอบกับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวในรายการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี NEWS1 ว่า เรื่องนี้มีเบื้องหลัง เนื่องจากมีบันทึกสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 19 ธ.ค. 2551 ถึงนายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) ลงชื่อ นายสุพล ฟองงาม รักษาการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ระบุถึงสาเหตุที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ถูกย้ายเข้าช่วยราชการสำนักนายกฯ ก่อนหน้านี้ พร้อมเสนอให้ นายอภิสิทธิ์ ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน พล.ต.อ.พัชรวาท โดยมี นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ รองอัยการสูงสุด เป็นประธาน แต่เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2551 นายชวรัตน์ ชาญวีระกูล รักษาการรองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นกลับลงนามในหนังสือให้ พล.ต.อ.พัชรวาท กลับมาปฏิบัติหน้าที่ ผบ.ตร.ตามเดิม

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2551 สมัย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เป็น ผบ.ตร.ได้รับหนังสือร้องเรียนมาจากคนที่เข้าประมูลงานในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่า พล.ต.อ.พัชรวาท และ พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ รอง ผบ.ตร.ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จึงตั้งคณะกรรมการสอบสวน ปรากฏว่า มีความผิดจริง ต่อมาจึงเสนอต่อ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ซึ่งเพิ่งจะย้าย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ออกไป และเพิ่งตั้ง พล.ต.อ.พัชรวาทเป็น ผบ.ตร.จึงเก็บเรื่องนี้ใส่ลิ้นชัก ทั้งที่ควรดำเนินการทันที และต้องไม่ตั้ง พล.ต.อ.พัชรวาท เป็น ผบ.ตร.แต่ควรย้ายเข้าสำนักนายกฯ ทันที

สำหรับบันทึกข้อความ ด่วนที่สุด เลขที่ 0001/496 ลงวันที่ 17 มีนาคม 2551 เรื่อง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ กับพวกรวม 3 คน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและกระทำความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ส่งถึง นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ลงนามโดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งเนื้อหาบันทึกข้อความ ได้ให้รายลเอียดอ้างอิงเรื่องเดิมว่า ด้วยมีบริษัทผู้ผลิตรายการที่ถูกกีดกัดไม่ให้เสนอราคาการจัดจ้างโฆษณาและเผยแพร่รายการของ ตร.จำนวน 3 รายการ (โดยวิธีพิเศษ) ได้มีหนังสือลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2550 เรื่องขอให้ตรวจสอบการกระทำอันเป็นการทุจริตของข้าราชการระดับสูงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 3 นาย ประกอบด้วย 1. พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีตผบ.ตร.

2.พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รอง ผบ.ตร.(มค) รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ 3.พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

2.1 ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สั่งการ ลงวันที่ 4 ธ.ค.2550 ให้ พล.ต.ท.ทวีพร นามเสถียร ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ทำหน้าที่บริหารและควบคุมให้เป็นไปตามนโยบาย สปก.ตร.) ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง ระเบียบ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง มีความเห็นเสนอข้อเท็จจริง และข้อพิจารณา จากข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานในสำนวนที่ พลตำรวจโททวีพร นามเสถียร ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและสรุปความเห็นเสนอ ประกอบกับให้ตรวจสอบระเบียบ ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว เห็นว่า กรณีดังกล่าวมีมูลที่ควรกล่าวหาว่า ข้าราชการตำรวจทั้ง 3 นาย ได้กระทำความผิดทางวินัยร้ายแรง เห็นควร แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงกับข้าราชการตำรวจระดับสูงตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ปี 2547 ม. 86 และมาตรา 79(1) จำนวน 3 คน ประกอบด้วย พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีตผบ.ตร. 2 . พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รอง ผบ.ตร.(มค) รักษาราชการแทน ผบ.ตร.3.พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ ผบ.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร.

อนึ่ง เพื่อให้การสอบสวนเกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายและโปร่งใส เห็นสมควรมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยให้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่อาวุโสถัดจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็นผู้รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติต่อไป ส่วนคณะกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง กับข้าราชการตำรวจระดับสูงทั้ง 3 นายดังกล่าว ของให้นายกรัฐมนตรี (สมัคร สุนทรเวช) ได้พิจารณาตามความเหมาะสม พร้อมนี้ได้แนบเอกสารเรื่องเดิมและเอกสารประกอบรวมทั้งสิ้น 57 แผ่น มาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการต่อไป

ลำดับขั้นตอนร่วมทุจริต

อย่างไรก็ตาม เนื้อหาในหนังสือแนบได้บอกรายละเอียดในเรื่องเดิม ว่า จากการตรวจสอบ พบว่า ในปีงบประมาณ 2548 สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับงบประมาณค่าโฆษณาและเผยแพร่ จำนวนเงิน 114,000,000 บาท เพื่อใช้บริหารงานในหมวดการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและอำนวยการจราจร ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาตได้ดำเนินการจ้างผลิตรายการต่าง ๆ ไว้เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์มาโดยตลอด จนกระทั่งงบประมาณคงเหลือจำนวน 18,766,000 บาท พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ ผบก.พธ.(ขณะนั้น )จึงได้เสนอขอให้นำงบประมาณดังกล่าวมาดำเนินการจัดจ้างรายการใหม่จำนวน 3 รายการ ต่อ พล.ต.ท.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้ช่วย ผบ.ตร.(บร 1) (ขณะนั้น) และพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. (ขณะนั้น) ซึ่งต่อมาในวันที่ 2 ก.ย. 2548 พล.ต.อ.โกวิท ผบ.ตร.ได้อนุมัติหลักการให้นำงบประมาณดังบกล่าวไปดำเนินการจัดจ้างรายการใหม่ จำนวน 3 รายการ ตามที่ พล.ต.ต.สัจจะ เสนอ

ต่อมาวันที่ 6 ก.ย.2548 พล.ต.ต.สัจจะ ผบก.พธ.ได้เสนอต่อ พล.ต.อ.โกวิท ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.พัชรวาท ผู้ช่วย ผบ.ตร.(บร 1) ขอนุมัติจัดจ้างโฆษณาและเผยแพร่ จำนวน 3 รายการด้วยการจ้างโดยวิธีพิเศษ และขออนุมัติแต่งตั้ง พล.ต.ต.บุญเรือง ผลพาณิชย์ รอง ผบช.สนว.(ขณะนั้น) เป็นประธานกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ ซึ่ง พล.ต.ท.พัชรวาท ผู้ช่วย ผบ.ตร.(บร 1) ได้ให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ 7 ก.ย.2548 และในวันเดียวกัน พล.ต.อ.โกวิท ผบ.ตร.ได้อนุมัติให้จัดจ้างโดยวิธีพิเศษ โดยให้ พล.ต.ต.บุญเรือง เป็นประธานกรรมการจัดจ้างฯ

ในวันรุ่งขึ้น (8 ก.ย.2548) พ.ต.ท.พิทักษ์ ท้วมเกร็ด รอง ผกก.ฝ่ายพลาธิการ 1 กรรมการ ทำการแทนประธานกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ ได้มีหนังสือที่ ตช 0034 เรียน กรรมการผู้จัดการบริษัท เอ็น เอส มีเดีย แอสโซซิเอทส์ จำกัด ขอให้ยื่นข้อเสนอรายละเอียดของการดำเนินการโฆษณาเผยแพร่และเสนอราคาต่อคณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ ในวันที่ 13 ก.ย. 2548 เวลา 10.00-11.00 น.และได้ส่งขอบเขตโดยละเอียดของการดำเนินการโฆษณาเผยแพร่ฯ ไปให้พิจารณาด้วย

วันที่ 13 ก.ย.2548 นายสุรศักดิ์ มุกประดับ กรรมการผู้จัดการบริษัท เอ็น เอส มีเดีย แอสโซซิเอทส์ จำกัด ได้มีหนังสือที่ อม.030/2548 เรียน ประธานคณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษเสนอการผลิตพร้อมเผยแพร่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ เป็นเงินทั้งสิ้น 18,697,500 บาท (สิบแปดล้านหกแสนเก้าหมื่นเจ็ดพันห้าร้อยบาทถ้วน)

วันเดียวกัน พล.ต.ต.บุญเรือง ประธานคณะกรรมการ ได้มีบันทึกที่ 0034/4229 ลงวันที่ 13 ก.ย.2548 เรียน พล.ต.อ.โกวิท ผบ.ตร.ว่า บริษัท เอ็นเอส มีเดีย แอสโซซิเอทส์ จำกัด เสนอรายละเอียดการดำเนินการโฆษณาและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ของ ตร.จำนวน 3 รายการเป็นเงินทั้งสิ้น 18,697,500 บาท ซึ่งคณะกรรมการได้พิจารณาเห็นว่า บริษัทมีผลงานที่น่าเชื่อถือในการผลิตรายการและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ของ ตร.ตามงบประมาณที่ตั้งไว้ ราคาค่าใช้จ่ายที่บริษัทเสนอเป็นราคาที่พอสมควร และไม่เกินวงเงินงบประมาณที่ตั้งไว้ เห็นควรจ้างบริษัทดำเนินการโฆษณาและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ตร.จำนวน 3 รายการ เป็นเงิน 18,697,500 บาท

วันรุ่งขึ้น พล.ต.ต.สัจจะ ผบก.พธ.ได้มีบันทึกที่ 0009.22/2133 ลงวันที่ 14 ก.ย. 2548 เรียน พล.ต.อ.โกวิท ผบ.ตร.ผ่าน พล.ต.ท.พัชรวาท ผู้ช่วย ผบ.ตร.(บร 1) ว่า ได้พิจารณาแล้ว เห็นว่าคณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ ได้ดำเนินตามระเบียบสำนักนายกฯว่าด้วยการพัสดุ ปี 2535 ซึ่ง พล.ต.ท.พัชรวาท ผู้ช่วย ผบ.ตร.(บร 1) ได้ให้ความเห็นชอบในวันที่ 15 ก.ย.2548 และ พล.ต.อ.โกวิท ผบ.ตร.ได้อนุมัติให้จ้างบริษัทดำเนินการโฆษณาและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ของ ตร.ทั้ง 3 รายการ เป็นเงิน 18,697,500 บาท ในวันที่ 16 ก.ย.2548

วันเดียวกันนั้นเอง พล.ต.ต.สัจจะ ผบก.พธ.ได้ลงนามเป็นผู้สั่งจ้างตามที่ได้รับมอบอำนาจจาก พล.ต.อ.โกวิท ผบ.ตร. ตามใบสั่งจ้างของ สตช.ที่ 01(2)/14/2548 ลงวันที่ 16 ก.ย.48 จ้างบริษัท เอ็น เอส มีเดีย แอสโซซิเอทส์ จำกัด ดำเนินการโฆษณาและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ของ ตร.จำนวน 3 รายการ เป็นเงินทั้งสิ้น 18,697,500 บาท

จากข้อเท็จจริงประกอบพยานเอกสารราชการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ พล.ต.อ.โกวิท ผบ.ตร. พล.ต.ท.พัชรวาท ผู้ช่วย ผบ.ตร.(บร 1) และ พล.ต.ต.บุญเรือง รอง ผบช.สนว.(ทำหน้าที่หัวหน้าสำนักงานของ พล.ต.ท.พัชรวาท) ในฐานะประธานกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ ที่ผู้ถูกร้องเรียนทั้ง 3 นายได้กระทำขึ้นทั้งสิ้นแล้วกระผมมีความเห็นว่า ในปีงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2548 สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับงบประมาณค่าโฆษณาและเผยแพร่ จำนวน 114,000,000 บาท เพื่อใช้บริหารงานในหมวดการป้องกันปราบปรามอาชญาการรมและอำนวยการจราจร เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ไปบางส่วนแล้ว

จนกระทั่งวันที่ 31 ส.ค.2548 พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ ผบก.พธ.ได้มีหนังสือถึง พล.ต.อ.โกวิท ผบ.ตร.ผ่าน พล.ต.ท.พัชรวาท ผู้ช่วย ผบ.ตร.(บร 1) ซึ่งมีหน้าที่ควบคุม กำกับดูแล สั่งการการดำเนินการด้านงบประมาณด้านการดำเนินการจัดจ้างเอกชนโฆษณาและเผยแพร่รายการใหม่ จำนวน 3 รายการ ซึ่ง พล.ต.ท.พัชรวาท ได้ให้ความเห็นชอบ และนำเสนอ ต่อ พล.ต.อ.โกวิท ในวันที่ 2 ก.ย.2548 และในวันเดียวกัน พล.ต.อ.โกวิท ก็ได้อนุมัติให้นำเงินจำนวน 18,766,000 บาท มาดำเนินการโฆษณาและเผยแพร่ประชาสัมธ์ มาตั้งแต่เริ่มตันเสนอโครงการ ประกอบกับก่อนหน้านี้ ได้มีการเสนอและอนุมัติใช้งบประมาณรายจ่ายในหมวดนี้จากยอดเงินงบประมาณที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับ 114,000,000 บาท ไปบางส่วนแล้ว โดยมี พล.ต.ท.พัชรวาท เป็นผู้เห็นชอบเสนอ และ พล.ต.อ.โกวิท เป็นผู้อนุมัติให้ใช้งบประมาณในหมวดดังกล่าวไปแล้วหลายรายการ

ต่อมาวันที่ 6 ก.ย.2548 ผบก.พธ.ได้เสนอต่อ พล.ต.อ.โกวิท ผ่าน พล.ต.ท.พัชรวาท ขออนุมัติจัดจ้างเอกชนโฆษณาและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์งานของตร.ด้วยงบประมาณ 187,766,000 บาทด้วยการจ้างโดยวิธีพิเศษ และขออนุมัติแต่งตั้ง พล.ต.ต.บุญเรือง ผลพานิชย์ เป็นประธานกรรมการจัดจ้างฯ ตามที่ พล.ต.ท.พัชรวาท เห็นชอบเสนอ และ พล.ต.อ.โกวิท อนุมัติไว้ก่อนแล้ว ซึ่งในวันรุ่งขึ้น (7 ก.ย.2548) พล.ต.ท.พัชรวาทฯ ได้ลงนามเสนอพล.ต.อ.โกวิท เพื่อขออนุมัติตามที่ ผบก.พธ.เสนอ และในวันเดียวกัน พล.ต.อ.โกวิท ก็ได้อนุมัติให้จัดจ้างด้วยวิธีพิเศษการดำเนินการตามเอกสารที่แนบจึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 18(6) และข้อ 21 ที่ได้กำหนดไว้ว่า การจัดจ้างซึ่งมีวงเงินรวมเกินกว่า 2 ล้านบาท ต้องดำเนินการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด จะดำเนินการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ ด้วยการอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ มิได้ เป็นการฝ่าฝืนระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยเฉพาะ พล.ต.ท.พัชรวาท และ พล.ต.อ.โกวิท มีเจตนามาตั้งแต่ต้น ที่จะนำงบประมาณ จำนวน 18,766,000 บาท มาจัดจ้างผลิตรายการโฆษณาและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ จำนวน 3 รายการ ด้วยวิธีพิเศษ

สำหรับคณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษชุดดังกล่าว เมื่อได้รับทราบคำสั่งและมีเจตนาสุจริต ต้องรักษาผลประโยชน์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบ สำนักนายกฯ ว่าด้วยการพัสดุ ปี 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม อย่างเคร่งครัด แต่ปรากฏว่า คณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษนอกจากจะไม่ได้เสนอความเห็นโต้แย้งแล้ว ยังได้เร่งรัดดำเนินการด้วยการมีหนังสือเชิญ บริษัท เอ็น เอส มีเดีย แอสโซซิเอทส์ จำกัด เพียงรายเดียวให้มายื่นเสนอราคา และเมื่อคณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ ได้รับเอกสารการเสนอราคาจากบริษัทดังกล่าวในวันที่ 13 ก.ย.2548 เวลา 10.00 -11.00 น.ในวันเดียวกันนั้นคณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษก็ได้จัดทำบันทึก รายงานผลการพิจารณาจัดจ้าวง ว่า เห็นควรจ้างบริษัทเอ็น เอส มีเดีย แอสโซซิเอทส์ จำกัด ดำเนินการโฆษณาและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ของตร. จำนวน 3 รายการ เป็นเงินทั้งสิ้น 18,697,000 บาท การกระทำของ พล.ต.ต.บุญเรือง และกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่ชอบด้วยระเบียบและกฎหมาย เพราะ พล.ต.อ.โกวิท ไม่มีอำนาจอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ เนื่องจากวงเงินรวมเกินกว่า 2 ล้านบาท และเมื่อพิจารณาลักษณะงานที่จะต้องจัดจ้างผลิตโฆษณาและเผยแพร่จำนวน 3 รายการดังกล่าวแล้ว ไม่ใช้เป็นงานที่จะต้องจ้างช่างฝีมือโดยเฉพาะ หรือผู้เชี่ยวชาญเป็นพิเศษ หรือเป็นงานที่ต้องกระทำโดยเร่งด่วน หากล่าช้าจะเสียหายแก่ราชการแต่อย่างใด

การกระทำดังกล่าวของ พล.ต.ต.บุญเรือง กับคณะกรรมการจัดจ้างโดยวิธีพิเศษ ได้กระทำโดยมิให้มีการแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม หรือเพื่อช่วยเหลือให้ผู้เสนอราคามา (บริษัท เอ็น เอส มีเดีย แอสโซซิเอทส์ จำกัด) เพียงรายเดียว มีสิทธิเข้าทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐโดยไม่เป็นธรรม หรือเพื่อกีดกัดผู้เสนอราคารายใด มิให้มีโอกาสเข้าแข่งขันในการเสนอราคา ถือเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 11

ผลสอบสรุปชี้ชัดผิดชัดแจ้ง

จากการพิจารณาและพยานหลักฐานต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น ปรากฏโดยชัดแจ้งว่า พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ อดีต ผบ.ตร. พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองผบตร.(มค) และ พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.ได้ร่วมกันกระทำการอันเป็นความผิด 1. ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 18(6) และข้อ 2

2.ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องหลักเกณฑ์การซื้อและการจ้างโดยการประมูลด้วยระบบอิเลกทรอนิกส์ (ออกตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 ต.ค.2547) ข้อ 6 ข้อ 12 ข้อ 13 และ ข้อ 16
3.พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 10 มาตรา 11 และ มาตรา 12
4.ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 มาตรา 157 ประกอบ มาตรา 83, 84, 86, 90, 91
5.พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 86 และมาตรา 79(1)

ลงนามในบันทึกข้อความ โดย พล.ต.ท.ทวีพร นามเสถียร ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. (ทนท.บริหารและควบคุมให้เป็นไปตามนโยบาย ศปก.ตร.) ลงวันที่ 27 ก.พ.2551

27 พ.ย.บันทึกข้อความด่วนที่สุดลับมาก

และในวันที่ 27 พ.ย.2551 มีบันทึกข้อความ ด่วนที่สุด ลับมาก ส่วนราชการ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 27 พ.ย.2551 เรื่อง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวหา พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพล.ต.ท.บุญเรือง ผลพาณิชย์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและกระทำความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง เรียน นายกรัฐมนตรี 1. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อดีต ผบ.ตร. มีหนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 26 พ.ย.2551 ขอให้ดำเนินการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง หรือคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง กรณี พล.ต.ท.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพาณิชย์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปฏิบัติหรือละเว้นปฏบัติหน้าที่โดยมิชอบ และกระทำผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
2.กระผมได้ตรวสอบเอกสารพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องแล้ว ปรากฏข้อเท็จจริงว่า
2.1.พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้ทำหนังสือสอบถามเรื่องผลการดำเนินการเกี่ยวกับ พล.ต.อ.พัชรวาทฯ และ พล.ต.ท.บุญเรืองฯ ผลพาณิชย์ ปฏิบัตหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและกระทำผิดวินัยร้ายแรงมายัง ฯพณฯ สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี รวม 3 ครั้ง และได้มีหนังสือสอบถามความคืบหน้ากรณีดังกล่าวมายัง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี (นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์) รวม 2 ครั้งด้วยกัน
2.2.การกล่าวหาและร้องเรียนว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.และ พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพาณิชย์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ว่าปฏิบัติหน้าที่และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและกระทำความผิดวินัยร้ายแรง โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เป็นผู้กล่าวหา และมีหนังสือร้องเรียนมายัง นายกรัฐมนตรี หากนายกรัฐมนตรีไม่ดำเนินการใดๆ ก็จะถูก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ฟ้องร้องว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ ในชั้นนี้ จึงเห็นควรดำเนินการ
2.2.1 แต่งตั้งคณะกรรมการการสืบสวนข้อเท็จจริง พล.ต.อ.พัชรวาท และ พล.ต.ท.บุญเรือง ตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง
2.2.2 หากเห็นว่าการดำเนินการสืบสวนข้องเท็จจริง ตามข้อ 2.2.1 อาจมีปัญหา อุปสรรคก็อาจจะพิจารณามีคำสั่งให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยแต่งตั้งบุคคลซึ่งมีอาวุโสสูงสุดเป็นผู้รักษาราชการแทน ไปพรางก่อน

ลงชื่อ นายชูศักดิ์ ศิรินิล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี

“สมชาย” ลงลายมือชื่อเห็นชอบ

และในหนังสือบันทึกข้อความดังกล่าวมุมล่าง ซ้ายมือ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้เขียนเป็นลายมือว่า เห็นชอบทำตามที่เสนอ ข้อ 2.2.1 ข้อ 2.2.2 ลงวันที่ 28 พ.ย.2551

และในวันที่ 19 ธ.ค.2551 มีบันทึกข้อความ ด่วนที่สุด ลับมาก ส่วนราชการ สำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ที่ นร.0405/9062 ลงวันที่ 19 ธ.ค.2551 เรื่อง การแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กราบเรียน นายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) โดยเนื้อหาของบันทึกดังกล่าวได้เล่าเรื่องที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้มีหนังสือลงวันที่ 26 พ.ย.2551 เรียนนายกรัฐมนตรีกล่าวหาว่า พล.ต.อ.พัชรวาท และ พล.ต.ท.บุญเรือง ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและกระทำผิดวินัยร้ายแรง พร้อมส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องมาเพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการข้อเท็จจริงหรือคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงตามระเบียบ และในบันทึกข้อความดังกล่าวได้เล่าถึงข้อเท็จจริงทั้งหมดพร้อมเสนอข้อพิจารณา เพื่อให้ดำเนินการเป็นไปตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 เกี่ยวกับการสืบสวนข้อเท็จจริงและตามสั่งการนายกรัฐมนตรี (นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์) ลงวันที่ 28 พ.ย. 51 ให้แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง พล.ต.อ.พัชรวาท และ พล.ต.ท.บุญเรือง จึงเห็นควรแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้องเท็จจริง ประกอบด้วย 1.นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ รองอัยการสูงสุด เป็นประธานกรรมการ 2.นายวชิระ เพ่งผล ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการ 3.พล.ต.อ.วันชัย ศรีนวลนัด ที่ปรึกษา (สบ 10) เป็นกรรมการ 4.พล.ต.ท.สุรสีห์ สุนทรศารทูล จเรตำรวจ (สบ 8 ) เป็นกรรมการ 5.พล.ต.ท.เจตน์ มงคลหัตถี ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและสอบสวนเป็นกรรมการ/เลขานุการ

ลงนามโดย นายสุพล ฟองงาม รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.
พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์  ผบ.ประจำสำนักงานผบ.ตร.
พล.ต.อ.โกวิท  วัฒนะ อดีตผบ.ตร.
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผบ.ตร.
กำลังโหลดความคิดเห็น