xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” ให้โอกาส “มาร์ค” - บททดสอบแรก ย้าย “พัชรวาท” เข้ากรุตามเดิม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สนธิ ลิ้มทองกุล
“สนธิ” ให้โอกาส “อภิสิทธิ์-ประชาธิปัตย์” พิสูจน์ตัวเอง เชื่อเป็นบทสุดท้ายการเมืองเก่า เผยบททดสอบชิ้นแรก “นายกฯ มาร์ค” ต้องย้าย “พัชรวาท” เข้ากรุสำนักนายกฯ ตามเดิม เหตุมีเงื่อนงำถูกร้องเรียนปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตั้งแต่ยุค “เสรีพิศุทธ์” รมต.สำนักนายกฯ ทำหนังสือเสนอ “มาร์ค” ตั้ง กก.สอบแล้ว แถมมีส่วนฆ่า ปชช.7 ตุลาฯ ถ่วงคดี “เพ็ญ-วีระ” หมิ่นเบื้องสูง แต่ “ชวรัตน์” รีบย้ายกลับ สตช.ก่อน เชื่อเป็นแผนแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างทหารกับกลุ่มเนวิน

เวลา 20.45 น.วันที่ 22 ธ.ค. รายการ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ทางเอเอสทีวี นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ได้ปราศรัยถึงจุดยืนทางการเมืองว่า การกวาดบ้านนั้นไม่ใช่กวาดครั้งเดียวสะอาด เพราะบ้านหลังนี้สกปรกรกรุงรังมาตั้งแต่ปี 2544 ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาเป็นนายกรัฐมนตรี และเน่าเฟะขึ้นรเรื่อยๆ จนเสาบ้านสั่นคลอน พันธมิตรฯ ต้องออกมากู้บ้านกู้เมือง ซึ่งก็คงไม่ใช่ทำครั้งเดียวเสร็จ ถ้าจะถามว่าพอใจกับการจบลงวันที่ 2-3 ธ.ค.หรือเปล่า ก็ขอตอบว่าไม่พอใจ แต่เราต้องหยุดพักเพื่อทบทวนสิ่งที่ทำมา และหันมามองว่าเราจะเดินต่อไปอย่างไร

นายสนธิ กล่าวต่อว่า ตลอด 193 วันของการต่อสู้ เหมือนเบ้าหลอมอันใหญ่มหึมาที่หลอมให้พี่น้องได้พัฒนาการต่อสู้ขึ้นไปหลายลำดับขั้น และทำให้เกิดการเมืองใหม่ขึ้นมา อย่างน้อยที่สุดก็ในหมู่พันธมิตรฯ เอง พี่น้องรู้สึกรักและหวงแหนการต่อสู้ครั้งนี้ ทำให้รู้สึกว่าเอเอสทีวีเป็นทีวีของประชาชนอย่างแท้จริง 193 วันทำให้คนไทยรู้สึกว่าไม่ว่าจะอยู่ภาคไหนเราคือคนไทยที่จะอยู่ร่วมกันเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

นายสนธิ กล่าวว่า ที่ตนเงียบไปหลังจากยุติการชุมนุมนั้น เพราะไม่ต้องการให้ใครกล่าวหาว่าไม่รู้จักพอ แต่สิ่งที่ต้องการนั้น ไม่มีอะไร นอกจากชาติที่มั่นคง สถาบันกษัตริย์ที่มั่นคง และเรียกร้องคุณธรรมจริยธรรมกลับมา ให้ประเทศไทยที่เคยรุ่งเรืองในอดีตกลับมาสู่เรา แม้ตอนนี้จะคว้ากลับมายังไม่ได้ แต่ระยะห่างที่เคยห่างมากๆ ได้กลับเข้ามาใกล้ทุกที จนทำให้มีกำลังใจมากขึ้น

นายสนธิ กล่าวถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลว่า หลายคนไม่พอใจที่ไปร่วมกับกลุ่มคนที่พี่น้องรังเกียจ ซึ่งความจริงแล้วการที่พรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล บางคนก็บอกว่าเพราะ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.คนปัจจุบัน กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ทบ.ไปวางแผนกดึงพรรคร่วมรัฐบาลเดิมมาร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์เพื่อจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ ข้อเท็จริงมีอยู่ว่าหากไม่มีพันธมิตรฯ ก็จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้ พ.ต.ท.ทักษิณพ้นผิด และจะไม่มีการยุบพรรค

“เพราะฉะนั้น 8 ชีวิตที่เสียไป 20 กว่าคนทีพิการ 700 กว่าคนที่บาเจ็บ 193 วันแห่งการต่อสู้ที่มีทั้งความสุข ความเศร้าและขมขื่น คือการลงทุนของสังคม เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์มาเป็นรัฐบาล และให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แทรกเขามารับผลประโยชน์ เขาใช้ชีวิตคนที่ตาย บาดเจ็บ เพื่อประโยชน์ที่เขาวางแผนเอาไว้ ผมไม่อยากกล่าวหาแบนี้ แต่ประชาชนที่มาต่อสู้นั้นบริสุทธิ์ ไร้ราคี ต่อสู้ด้วยอุดมการณ์ที่สูงส่ง ไม่มีใครได้อะไร มีแต่สูญเสีย บ้างเสียเงินทอง บ้างเสียเวลา ที่เลวร้ายที่สุดคือเสียชีวิต เสียอวัยวะ ทั้งหมดที่สูญเสียไป ก็เพื่อให้สังคมที่ดีขึ้น”

นายสนธิ กล่าวต่อว่า การเมืองเก่าที่เราเห็นขณะนี้ก้าวมาถึงโค้งสุดท้ายแล้ว ตนไม่ขัดข้องที่พรรคประชาธิปัตย์เอากลุ่มของนายเนวิน ชิดชอบเข้ามาร่วม ไม่ขัดข้องที่ พล.อ.อนุพงษ์ กับพล.อ.ประวิตรเข้ามามีบทบาท เพราะแท้ที่จริงได้จับมือกับนายเนวินมานาน และคนบางคนมีความทะเยอทะยาน เห็นการเมืองเป็นเครื่องมือที่จะให้ตัวเองอยู่ในตำแหน่ง ผบ.ทบ.นานๆ โดยไม่มีใครมาย้ายและสามารถซื้ออาวุธต่อไปได้

“เขาบอกเห็นใจเขาเถอะว่าต้องมีพรรคน้ำเน่ามาผสม พี่น้องครับ เห็นใจเขาเถอะ ให้โอกาสเขา คุณอภิสิทธิ์เป็นคนมีหลักการ มุ่งมั่นปรารถนาทำสิ่งที่ดี แต่มองย้อนหลังก็เหมือนที่ พ.ต.ท.ทักษิณเริ่มก่อตั้งพรรคไทยรักไทย พ.ต.ท.ทักษิณพูดตลอดว่าเขาไม่สนใจการเมืองน้ำเน่า เขาจะเอาแต่คนรุ่นใหม่มา แต่ถึงจุดหนึ่งเขาทำไม่สำเร็จ เขาต้องเอานายเสนาะมา โดยหวังว่าจะค่อยเปลี่ยนแปลงนายเสนาะให้ดีขึ้น หรือทำให้โจรกลับใจเป็นคนดี แต่ พ.ต.ท.ทักษิณกลับเป็นโจรเสียเอง และในที่สุดก็ทำไม่สำเร็จ เราจะให้โอกาสคุณอภิสิทธิ์อีกสักครั้ง เพราะเป็นการเมืองเก่าโค้งสุดท้ายแล้ว และสุดท้ายมันจะพิสูจน์ว่าพรรคการเมืองน้ำดีอย่างประชาธิปัตย์ก็แก้ไม่ได้ ถ้าการเมืองยังเป็นการเมืองเก่า มันพิสูจน์แล้ว”

นายสนธิ กล่าวต่อว่า คนภาคใต้หรือคนกรุงเทพฯ ที่เป็นฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์นั้นบางส่วนเป็นพันธมิตรฯ ด้วย และความคิดของพวกเขาเหล่านั้นล้ำหน้าไปไกลกว่านักการเมืองมากแล้ว และหวังว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเรียนรู้ตรงนี้ อย่างไรก็ตาม การเมืองที่ควรเป็น กับการเมืองที่เป็นจริงไม่เหมือนกัน เราพูดบนเวทีถึงการเมืองที่ควรจะเป็น แต่การเมืองที่เป็นจริง เป็นเรื่องการแบ่งเค้กกัน เหมือนการซื้อวัวซื้อควาย ใครอยากเป็นรัฐมนตรีก็ไปซื้อ ส.ส.ได้ 5-6 คนก็เอาไปเสนอขอตำแหน่งรัฐมนตรี ไม่ต่างอะไรกับตลาดวัวควาย

“พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีทางเลือก การที่จะอยู่ในอำนาจเขาต้องการเสียง ส.ส.ในระยะแรกเขาต้องยอม ใครอยากได้อะไรยกให้หมด เขาต้องแถลงนโยบายในสภา ต้องการให้ ส.ส.ยกมือผ่านนโยบาย ก็ได้แต่หวังว่าเมื่อยกมือผ่านนโยบายแล้ว พรรคประชาธิปัตย์และคุณอภิสิทธิจะกลับไปสู่จุดของคุณธรรมจริยธรรม ตามที่คาดหวังไว้ หวังว่าคุณอภิสิทธิ์จะทำอย่างนั้น และขอโอกาสให้เขาหน่อย” นายสนธิ กล่าว

นายสนธิ กล่าวเปรียบว่า พรรคประชาธิปัตย์เหมือนกลุ่มคนเสื้อขาวที่มานั่งทำงานร่วมกับคนที่เสื้อเปื้อนฝุ่นเปื้อนน้ำมัน ซึ่งต้องดูต่อไปว่าจะทำให้คนที่เสื้อสกปรกได้ซักล้างเสื้อให้สะอาด หรือจะปล่อยให้เสื้อตัวเองค่อยๆ กลายเป็นสีเทาหรือสกปรกเป็นสีดำในที่สุด

ทั้งนี้ นายสนธิ กล่าวต่อว่า เอเอสทีวีนั้นเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็นได้โดยอิสระ เราจึงเห็นนายสำราญ รอดเพชร พูดสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง บอกว่าให้โอกาสประชาธิปัตย์ แต่นายวีระ สมความคิด ออกมาตีแสกหน้า รวมทั้งนายอมร อมรรัตนานนท์ ก็เช่นกัน แสดงว่าเรามีความหลากหลาย นี่คือความสวยงาม อย่าไปคิกว่านี่คือความขัดแย้ง อย่างน้อยที่สุด ทุกคนพูดอะไรก็ได้หน้าจอ ซึ่งที่อื่นพูดไม่ได้ และอยากฝากบอกประชาธิปัตย์ว่าอย่าน้อยใจ อย่าบ่น ตำหนิว่า เดี๋ยวนี้เอเอสทีวีหันมาโจมตี แต่การพูดของแต่ละคน ตนไม่ได้เป็นคสนสั่ง ให้แต่ละคนพูดตามที่คิด ขอให้มีเหตุมีผล ซึ่งนายวีระก็มีเหตุมีผล นายเจิมศักดิ์ก็มีเหตุมีผล

นายสนธิ กล่าวต่อว่า เบื้องหลังคือการจัดตั้งรัฐบาลส่วนหนึ่งคือนายวิชัย รักศรีอักษร เจ้าของคิงส์เพาเวอร์ที่ช่วยประสานระหว่างนายเนวินและนายสุเทพ แต่ก็ไม่เป็นไร ไม่ว่าอะไร ถ้าคิดว่ามันจำเป็นเพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์มีอำนาจ แต่ยังเชื่อว่า นายอภิสิทธิ์มีความกล้าหาญ ยืนอยู่บนหลักจริยธรรมคุณธรรม และน้อมรับพระราชดำรัสที่ได้รับพระราชทานตอนเข้าถวายสัตย์ฯ ใส่เกล้าใส่กระหม่อม ซึ่งถ้าทำได้ประเทศไทยจะดีขึ้น

“คาดหวังว่าอาจจะทำให้การทำมาหารับประทานของรัฐบาลนี้น้อยลง ไม่โฉ่งฉ่าง แต่คำถามคือ เมื่อมีการตรวจสอบแล้วพบว่าพรรคร่วมรัฐบาลมีการคอร์รัปชั่นอย่างหนักหน่วง คุณอภิสิทธิ์จะทำอย่างไร แต่ก็อย่างที่โบราณท่านว่า คือเมื่อยังไม่เห็นแม่น้ำอย่าเพิ่งสร้างสะพาน จึงขอให้พี่น้องให้โอกาสพรรคประชาธิปัตย์ สักครั้ง ซึ่งไม่ต้องนาน แค่ 3 เดือนก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ตั้ง 6 เดือนกว่าเรารอด้วยการนอนกลางดินกินกลางทรายยังรอได้ แต่นี่แค่ 3 เดือน เรารออยู่ในห้องแอร์กินข้าวที่บ้านทำไมจะทำไม่ได้” นายสนธิกล่าว

ระงับย้าย “พัชรวาท” บทพิสูจน์แรกนายกฯ อภิสิทธิ์

อย่างไรก็ตาม นายสนธิ กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์มีบททดสอบอันแรก ซึ่งเป็นบททดสอบที่ใหญ่และจะชี้ขาดว่าการเมืองเก่าจะเดินต่อไปได้หรือไม่ นั่นคือกรณี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ที่ถูกย้ายกลับจากช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรีมาเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) อีกครั้ง โดยนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รักษาการรองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นคนเซ็นคำสั่งย้ายกลับมา

นายสนธิ กล่าวว่า เรื่องนี้มีหลายประเด็น ประเด็นแรก ทำไมนายชวรัตน์จึงกล้าเซ็นย้ายกลับมา ทั้งที่นายอภิสิทธิ์ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกฯ แล้ว เหลือแค่การแถลงนโยบายเพื่อเข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการเท่านั้น ทำไมจึงไม่รอให้นายอภิสิทธิ์เป็นผู้พิจารณาว่าควรจะย้าย พล.ต.อ.พัชรวาทกลับมาหรือไม่

นายสนธิ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้มีเบื้องหลัง เนื่องจากมีบันทึกทสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 19 ธ.ค.2551 ถึงนายกรัฐมนตรี (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) ลงชื่อนายสุพล ฟองงาม รักษาการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ระบุถึงสาเหตุที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ถูกย้ายเข้าช่วยราชการสำนักนายกฯ ก่อนหน้านี้ พร้อมเสนอให้นายอภิสิทธิ์ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน พล.ต.อ.พัชรวาท โดยมีนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ รองอัยการสูงสุด เป็นประธาน

ทั้งนี้ การย้าย พล.ต.อ.พัชรวาทเข้าประจำสำนักนายกฯ ในสมัยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น จากข่าวที่ออกมาจากทางฝ่าย พล.ต.อ.พัชรวาท อ้างว่าเพราะ พล.ต.อ.พัชรวาทไม่ปฏิบัติตามนโยบายรัฐบาลที่ให้ปราบปรามการชุมนุม แต่โดยข้อเท็จจริงแล้ว หนังสือฉบับลับมากลงนามโดยนายชูศักดิ์ ศิรินิล เลขาธิการนายกฯ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ระบุว่า เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2551 สมัย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส เป็น ผบ.ตร.ได้รับหนังสือร้องเรียนมาจากคนที่เข้าประมูลงานในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่า พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ พล.ต.อ.พัชรวาท และ พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ รอง ผบ.ตร. ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จึงตั้งคณะกรรมการสอบสวน ปรากฏว่ามีความผิดจริง ต่อมาจึงเสนอต่อนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ซึ่งเพิ่งจะย้าย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ออกไป และเพิ่งตั้ง พล.ต.อ.พัชรวาทเป็น ผบ.ตร. จึงเก็บเรื่องนี้ใส่ลิ้นชัก ทั้งที่ควรดำเนินการทันที และต้องไม่ตั้งพล.ต.อ.พัชรวาท เป็น ผบ.ตร. แต่ควรย้ายเข้าสำนักนายกฯ ทันที

อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กัดเรื่องนี้ไม่ปล่อย จึงทำเรื่องร้องเรียนสอบถามนายกรัฐมนตรีตั้งสมัยนายสมัคร จนถึงนายสมชายรวม 5 ครั้ง เพื่อสอบถามคามคืบหน้าและ เพื่อเป็นพื้นฐาน ถ้านายกฯ ไม่ดำเนินการจะมีความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ นายชูศักดิ์ จึงมีหนังสือด่วนถึงนายสมชาย และให้ความเห็นว่า ถ้าไม่ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งนายกจะถูกดำเนินคดีฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จึงเสนอตั้งกรรมการสอบสวน พล.ต.อ.พัชรวาท และ พล.ต.ท.บุญเรือง ซึ่งนายสมชาย ได้ลงชื่อ เห็นชอบ ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน และให้ย้าย พล.ต.อ.พัชวาทมาที่สำนักนายกฯ

นายสนธิ กล่าวต่อว่า เห็นได้ชัดว่า พล.ต.อ.พัชรวาทถูกย้ายเข้าสำนักนายกฯ เพราะข้อหาที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ตั้งว่าประพฤติมิชอบ ทุจริต ตามหลักฐานที่มีการร้องเรียน ไม่ใช่การต่อต้านคำสั่งฆ่าประชาชนนอกจากนี้ เมื่อ 3-4 วันที่แล้ว พล.ต.อ.พัชรวาท ถูกกรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติระบุว่าต้องรับผิดชอบต่อการสั่งฆ่าประชาชนเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม และส่งเรื่องไปให้ ป.ป.ช.แล้ว และจะส่งให้นายกฯ คนใหม่ด้วย จึงมีคำถามว่านายชวรัตน์ กล้าอย่างไรจึงเซ็นคำสั่งให้ พล.ต.อ.พัชรวาทย้ายกลับมา นี่คือการท้าทายคุณธรรมจริยธรรม ของรัฐบาลประชาธิปัตย์อย่างมาก

ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์และพวกเราเคยพูดตลอดว่า รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณไม่เห็นแก่คุณธรรมจริธรรม ไม่เคารพกฎกิตา ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด หรือ ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดแล้วก็ยังไม่ออก ในขณะนี้ ถ้าไม่ทำอะไรกับกรณี พล.ต.อ.พัชรวาท แสดงเขากำลังใช้วิธีการแบบเดียวกัน

นายสนธิ ย้ำว่า พล.ต.อ.พัชรวาท ไม่มีคุณธรรมจริยธรรม เพราะมีส่วนในการการฆ่าประชาชนเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม เหตุการณ์วันนั้นถ้า พล.ต.อ.พัชรวาทไม่เห็นด้วยกับการสั่งฆ่า จะต้องสั่งผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาให้หยุด ซึ่งถ้าสั่งให้หยุดแล้วถูกย้าย จึงจะบอกได้ว่าถูกย้ายโดยไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ พล.ต.อ.พัชรวาททำอย่างนี้หรือไม่ ไม่ได้ทำ ที่อุดรธานี มีการไล่ฆ่าประชาชน เอาขวานไล่จาม ภาพในทีวีก็เห็น โดยที่ตำรวจยืนดูอยู่เฉยๆ พล.ต.อ.พัชรวาท ก็ไม่ทำอะไร และไม่กล้าบอกว่าผู้บัญชาการตำรวจภาค 4 เป็นเพื่อนร่วมรุ่นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 25 ของเขา

นอกจากนี้ กรณีคนร้ายใช้อาวุธ เอ็ม 79 ยิงใส่ประชาชน พล.ต.อ.พัชรวาทก็ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ยังนั่งอยู่เฉยๆ ไม่สั่งการ ให้ตรวจตราลาดตระเวน ไม่พูดอะไรสักคำ แต่พอมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง พี่ชายตัวเองมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ค่อยมาพูดว่า ถูกย้ายเพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม พล.ต.อ.พัชรวาทมีความกล้าหาญอะไร มาพูดบนศพประชาชน

“คนที่ปล่อยให้ลูกน้องยิงประชาชน ปล่อยให้มีการไล่ฆ่าประชาชนที่อุดรธานี โดยไม่ตั้งกรรมการสอบ และผมยังมีความลับข้อหนึ่ง คือ พวก นปก.ที่บุกบ้าน พล.อ.เปรม ที่เงียบไปนั้น เพราะตำรวจสั่งไม่ฟ้องไปแล้ว ในยุคที่ พล.ต.อ.พัชรวาทเป็น ผบ.ตร. เพราะฉะนั้น พล.ต.อ.พัชรวาท ก็คือพวก นปก. เห็นไหมว่า ตอนที่อาจารย์จุฬาฯ ไปชุมนุมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจก็เอาพวก นปก.มาคุ้มกัน เพราะ เขาเป็นเพื่อนกับ เสธไอซ์ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต อย่ามาปฏิเสธว่าไม่รู้เห็นกับ นปก.”

นอกจากนี้ คดีนายจักรภพ เพ็ญแข หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ที่ล่าช้า พล.ต.อ.พัชรวาทก็ไม่ลงมาสั่งให้ดำเนินคดี คดีนายวีระ มุสิกพงศ์ หมิ่นเบื้องสูงก็ไม่สั่งการอะไร คนที่ขาดวุฒิภาวะแบบนี้กลับถูกผลักดันให้กลับมาเป็น ผบ.ตร.

“หรือว่า ผมเกรงอย่างนี้ ถ้าปฏิบัติไม่ดีเรื่องนี้ ข่าวลือที่บอกว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นคนไปคว้าคุณเนวิน และพรรคร่วมฯ มาร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเป็นแกนนำ เพื่อแลกกับการที่ให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น รมว.กลาโหม เพื่อปกป้อง พล.อ.อนุพงษ์ ที่เป็นผู้บัญชาการทหารบก เพื่อไม่ให้ถูกย้าย และขณะเดียวกันแลกเปลี่ยนโดยเอาน้องชายคุณประวิตร กลับมาเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

“ทั้งหมดนี้ ผมเกรงว่าประชาชนจะเข้าใจผิด สรุปแล้วการเมืองทั้งหมดก็คือ ให้คุณอนุพงษ์ เป็น ผบ.ทบ.ต่อไป ให้คุณพัชรวาท กลับมาเป็น ผบ.ตร. และให้คุณประวิตร เป็นรัฐมนตรีกลาโหม ส่วนประชาชนตาย สมน้ำหน้า ใช้ศพประชาชนเหยียบขึ้นมาเพื่อให้ตัวเองเป็นใหญ่ ใช่หรือเปล่า” นายสนธิตั้งคำถาม

นายสนธิ กล่าวต่อว่า ถ้าไม่ใช่ทำไมจึงมีการบีบให้นายชวรัตน์รีบเซ็น เพราะนายสุพล ได้ทำหนังสือให้ตั้งกรรมการสอบ พล.ต.อ.พัชรวาท เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. หนังสือยังไปไม่ถึงนายอภิสิทธิ์ ก็รีบมีการสั่งย้ายกลับเลย ทั้งที่นายชวรัตน์มีอำนาจหรือเปล่าก็ไม่รู้ ซึ่งธรรมดามนุษย์ เขาไม่ทำกัน น่าจะรอให้นายอภิสิทธิ์เข้าทำหน้าที่ก่อนเพราะได้รับโปรดเกล้าแล้ว ที่รีบทำ เพราะกลัวความแตก กลัวนายอภิสิทธิ์รู้ว่าที่ พล.ต.อ.พัชรวาทถูกย้ายเพราะปฏิบัติหน้าที่มิชอบหรือไม่

นอกจากนี้ โดยมารยาทแล้ว พล.ต.อ.พัชรวาท ถูกคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนกล่าวหาว่ามีส่วนในการฆ่าประชาชนวันที่ 7 ตุลาฯ และกำลังจะส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ดังนั้น จึงน่าจะรอจนกว่า ป.ป.ช.จะดำเนินการแล้วเสร็จจึงพิจารณาย้ายกลับมา ถ้าไม่เช่นนั้นเกรงว่า ที่พรรคเพื่อไทยกล่าวหาว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลเพราะทหารมาช่วยโดยเอา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณมาเป็น รมว.กลาโหม ซึ่งเป็นเรื่องจริง แล้วแลกเอาน้องชาย พล.อ.ประวิตรกลับมาเป็น ผบ.ตร.

นายสนธิ กล่าวย้ำว่า คนที่ไม่สนใจกับการตายของประชาชน ปล่อยให้ลูกน้องตัวเองฆ่าประชาชน พล.ต.อ.พัชรวาท มีส่วนร่วมในการสั่งฆ่าประชาชน เพราะว่าถ้าตัวเองเป็นผู้บังคับบัญชาโดยสูงสุดในสายตำรวจ และไม่สั่งหยุด ต้องถือว่ารู้เห็นเป็นใจในการสั่งฆ่าประชาชน คนอย่างนี้กลับมาเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้อย่างไร

“สรุปที่ปล่อยให้คนตาย บาดเจ็บ ให้เราสู้มา 193 วัน คุณอนุพงษ์ คุณประวิตร ร่วมมือกันเพียงเพื่อรอจังหวะการยุบพรรค และจะได้เอางูเห่า พวกเนวิน ซึ่งแอบจับมือคุณอนุพงษ์มานานแล้ว แล้วก็ดึงออกมาอยู่ กลายเป็นพระเอก เปลี่ยนขั้วพรรคประชาธิปัตย์ กลายเป็นพระเอกไปเลย”

นายสนธิ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ท้าทายความหล้าหาญทางจริยธรรมของนายอภิสิทธิ์อย่างมาก แต่ก็ดีใจที่นายอภิสิทธิ์บอกว่า คนสั่งย้ายคือรองนายกฯ เขาไม่เกี่ยว จึงอยากให้นายอภิสิทธิ์พิจารณาเรื่อง พล.ต.อ.พัชรวาท บนพื้นฐานที่ถูกย้ายเพราะโดนร้องเรียน ผสมกับที่ถูกคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนกล่าวหาว่าว่ามีส่วนฆ่าประชาชนวันที่ 7 ตุลาฯ ใช้ 2 ข้อนี้ ย้าย พล.ต.อ.พัชรบาทกลับไปสำนักนายกฯ ถ้าทำได้อย่างนี้ แสดงว่า สอบผ่านเสื้อสีขาวก็จะยังเป็นสีขาวอยู่ ไม่เปลี่ยนเป็นสีดำ

นายสนธิ กล่าวว่า กรณรีนี้น่าจะเห็นแล้วว่าการเมืองเก่าเริ่มเล่นงานนายอภิสิทธิ แต่ขอให้โอกาส เพราะเชื่อว่าเป็นคนที่มีพ่อแม่ดี การศึกษาดี มีคุณธรรมจริยธรรม แต่ขอให้นายอภิสิทธิ์ได้ใช้ข้อมูลที่ถูกต้อง ขอให้นายสุเทพรู้ว่า การเอา พล.ต.อ.พัชรวาทมาครั้งนี้เป็นการทำร้ายประชาชน เพราะนอกจากมีส่วนฆ่าประชาชนแล้ว ยังสั่งไม่ฟ้องพวก นปก. ดึงคดีจักรภพ นายวีระ ให้ยืดเยื้อไปเรื่อยๆ ยังไม่นับถึงกรณีร้องเรียนการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่กรณีการประมูลงานใน สตช.ที่มีผลชั้นต้นว่าผิดจริง

ดังนั้น การย้าย พล.ต.อ.พัชรวาทกลับมาเป็น ผบ.ตร.ท่ากับยอมรับสภาพว่าพรรคประชาธิปัตย์ตั้งรัฐบาลได้เพราะทหาร ซึ่งทหารก็คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา โดยให้เอา พล.อ.ประวิตร มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเพื่อปกป้อง พล.อ.อนุพงษ์ แล้วพล.อ.ประวิตรก็ขอให้เอาน้องชายกลับมาเป็น ผบ.ตร. โดยไม่คำนึงว่าจะชาติเสียหายช่างมัน

“ผมอยากจะกราบเรียนพ่อแม่พี่น้องอย่างนี้ การทำความสะอาดบ้านนั้น ยังไม่สิ้นสุด ผมเห็นด้วยว่าเราควรจะให้โอกาส กับพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องให้โอกาสท่านทำงาน อย่าพึ่งไปว่าท่าน แต่ผมจะบอกพี่น้องให้ฟัง ว่าถ้าหากพรรคประชาธิปัตย์ ล้มเหลวครั้งนี้แล้ว จะด้วยเหตุใดก็ตาม พี่น้องที่มีความคิดสงสัย จะยอมรับกับผม 100% แล้วหรือยัง ว่าการเมืองเก่านั้น ไม่สามารถจะนำมาใช้ได้กับเมืองไทยอีกต่อไปแล้ว ไม่มีทางแล้ว นี่คือบททดสอบ บทสุดท้ายของการเมืองเก่าแล้ว

บททดสอบของคุณพัชรวาท วงษ์สุวรรณ จะเป็นบททดสอบบทแรก และเป็นบททดสอบที่ยิ่งใหญ่มาก ซึ่งถ้าไม่ผ่านตรงนี้ ผมก็ไม่รู้จะช่วยอะไรคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้อีกต่อไปแล้วครับ”

ในช่วงท้ายรายการ นายสนธิ ได้แจ้งว่า ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 26 ธ.ค.นี้ รายการพันธมิตรประชาชนเพิ่อประชาธิปไตย จะออกไปตั้งเวทีถ่ายทอดสดด้านนอกอาคารที่ลานจอดรถ (บ้านเจ้าพระยา) ซึ่งจุได้ 300-400 คน เป็นการจำลองบรรยากาศการชุมนุมเล็กๆ ในพื้นที่ของเอเอสทีวี
กำลังโหลดความคิดเห็น