พันธมิตรฯยืนหยัดต้านรัฐบาล"ทรราช" ไล่บี้ "สมชาย" น้องเขยแม้ว แจ้งรัฐบาลอังกฤษส่งผู้ร้ายข้ามแดนมาติดคุกในไทยให้ได้! ย้ำรัฐบาลตะแบงยื้อเวลา แม้ลด ส.ส.ร.3 เหลือ120 วัน แก้วิกฤตบ้านเมืองไม่ได้ หวังฟอกผิด"แม้ว*-111 ซากศพทรก." ยันยังคงปักหลักทำเนียบฯขับไล่รัฐบาลขายชาติ ล้มล้าง! "สนธิ"จวก"สล้าง"มักใหญ่ใฝ่สูง หวังนั่งรองนายกฯคุมกำลังพล สุดระย่ำ ลอกพระ
สงฆ์นั่งฟังปราศัย "ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์" แฉ ตร.รับทรัพย์ 60 ล้าน ส่ง ตร.นอกเครื่องแบบเข้ามาก่อกวนกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ เพื่อให้
เกิดความวุ่นวาย ตอกย้ำรัฐ ตร.ทาส “แม้ว” ขณะที่ม็อบสนามหลวงไม่น้อยหน้ารับ 10 ล้าน เรียกร้องทหารเข้ามาดูแล หวั่นมีการใช้
อาวุธทำร้ายผู้ชุมนุม "สุริยะใส - ปานเทพ "เตรียมสรุปเค้าโครง “การเมืองใหม่” 29 ต.ค.ก่อนทำสมุดปกขาวแจก-รับฟังความเห็นเดือน
หน้า ชูสามัญสำนึก ต้องเทิดทูนสถาบันฯเป็นหลักสำคัญ
แม้ว่าศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้ตัดสินเมื่อวันอังคารที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา ให้จำคุกพ.ต.ท.
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นเวลา 2 ปี ในคดีทุจริตซื้อที่ดินย่านรัชดา แต่ในกระบวนการติดตามเพื่อให้ผู้กระทำความผิดมา
รับโทษนั้น ยังเป็นประเด็นที่สังคมและพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.)ต้องการให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี(น้องเขย) พิสูจน์ความชัดเจนถึงเรื่องนี้
พธม.จี้นายกฯเร่งอังกฤษส่ง"แม้ว"กลับ
โดยวานนี้ (22)เวลา10.00 น. ที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล พล.ต. จำลอง ศรีเมือง และนาย พิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว โดยนายพิภพ กล่าวว่า เป็นหลักการทั่วไปเมื่อศาลตัดสินให้ พ.ต.ท.ทักษิณ มีความผิดจำคุกเป็น
เวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ตามกฎหมายอัยการต้องทำหนังสือถึงประเทศอังกฤษ เพื่อขอให้ประเทศอังกฤษส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน
และการที่นายกฯจะออกมาระบุว่า คำตัดสินของศาลในคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีผลต่อรัฐบาลและพรรคพลังประชาชนนั้น
นายพิภพกล่าวจี้ว่า การเป็นนักการเมืองต้องมีความรับผิดชอบทางการเมือง ทางกฎหมายก็ต้องดำเนินไปตามกฎหมาย รัฐบาลต้องขอ
ให้รัฐบาลอังกฤษส่งผู้ที่กระทำผิดมาลงโทษ ซึ่งเป็นมาตรฐานที่รัฐบาลควรปฏิบัติ หากไม่ปฏิบัติ ก็จะเกิดผลกระทบตามมาความรับผิด
ชอบของนายกฯ ต้องเพิ่มขึ้นตามลำดับ ซึ่งในเหตุการณ์ตำรวจเข้าสลายการชุมนุมเมื่อวันอังคารที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา หากเป็นนายกฯ
ประเทศอื่นก็ลาออกไปนานแล้ว
" เมื่อประเมินท่าที พ.ต.ท.ทักษิณ หลังศาลฎีกาสั่งจำคุกเป็นเวลา 2 ปี ก็ได้รับข้อมูลว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เคลื่อนไหวใน
ต่างประเทศโดยการตั้งคณะทำงานและจ้างบริษัทประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ต่างประเทศเข้าใจผิดการทำงานของกระบวนการยุติธรรมไทยว่า
ไม่มีความบริสุทธิ์ ยุติธรรม นอกจากนี้ อดีตนายกฯยังคงเคลื่อนไหวให้นอมินีอยู่ในอำนาจรัฐบาลต่อไป"
ตั้งสสร.3ซ่อนปมฟอก"แม้ว-111ซากทรท."
พล.ต. จำลอง กล่าวถึง กรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้ปรับลดกรอบระยะเวลาในการดำเนินการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.3) ที่กำหนดไว้ 8 เดือน เหลือเพียง 4 เดือนว่า การเริ่มต้นตั้งส.ส.ร. 3 ไม่ราบรื่น ที่กล่าวว่าจะเป็นการประชุม 4 ฝ่าย ทำ
ไปทำมามีผู้ประชุมเหลือเพียงฝ่ายเดียว คือรัฐบาล ขณะที่สมาชิกวุฒิสภากับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคฝ่ายค้าน(ส.ส.) ก็ไม่เข้า
ร่วมประชุม จึงหวังไม่ได้ มาจนถึงวันนี้ยังไม่มีใครยืนยันว่า จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 อย่างเดียวหรือไม่ จะไม่แก้มาตรา 237,
309 และ 190 ถือเป็นการซื้อเวลา และก็ไม่สามารถแก้ไขวิกฤตทางการเมืองในขณะนี้ได้
นายพิภพกล่าวเสริมว่า การตั้งส.ส.ร.3 นั้น เชื่อว่ามีการซ่อนเงื่อนนิรโทษกรรมพ.ต.ท.ทักษิณ และอดีต 111 กรรมการ
ไทยรักไทย ให้หลุดพ้นจากความผิด
“พันธมิตรฯ” ปักธงยึดทำเนียบต่อ
สำหรับความชัดเจนเกี่ยวกับพันธมิตรฯต่อการชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลนั้น พล.ต.จำลอง ได้กล่าวหลังจากที่แกนนำได้หารือ
เมื่อวานนี้ (22)ที่บ้านพระอาทิตย์ ถึงกรณีการเปลี่ยนแปลงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯ ภายในบริเวณ
ทำเนียบรัฐบาลจะยังคงดำเนินต่อไป จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายของการชุมนุม นั่นคือ รัฐบาลชุดนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ (รัฐบาลหุ่นเชิด)
ต้องลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางสู่การเมืองใหม่ รวมถึงคัดค้านการแก้ไข รธน.50
แต่ในส่วนของเวทีชุมนุมบริเวณแยกสะพานมัฆวานรังสรรค์ ที่มีการรื้อเวทีออกเพื่อเปิดเส้นทางในงานพระราชพิธีพระราช
ทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และในงานวันปิยมหาราชวันนี้ (23)
นั้น เมื่อเสร็จงานพระราชพิธีทั้งสองแล้ว ทางกลุ่มผู้ชุมนุมจะไม่นำเวทีดังกล่าวกลับมาตั้งอีก ดังนั้น การชุมนุมของพันธมิตรฯ จึงเหลือที่
มั่นอยู่ที่เวทีภายในทำเนียบรัฐบาล
" ถามว่าพันธมิตรฯควรยุติการชุมนุมหลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกตัดสินจำคุกนั้น ผมคิดว่า ไม่ได้ถือเป็นเป้าหมายของ
พันธมิตรฯ แต่เป็นเพียงชัยชนะรายทางเท่านั้น เพราะเป้าหมายของพันธมิตรฯ คือการที่รัฐบาลลาออก แล้วเปิดทางให้มีการเมืองใหม่ที่
จะมีการปฏิรูปการเมืองในหลาย ๆ สิ่ง เพื่อพัฒนาระบอบการเมืองให้พัฒนาขึ้น" พล.ต.จำลองกล่าว และว่า
ตนมองว่าการที่นักวิชาการเสนอนั้น เป็นเรื่องของความคิดที่ใครก็สามารถเสนอได้ แต่อยากให้นักวิชาการเหล่านั้นมองด้วย
ว่า พันธมิตรฯ ไม่ใช่ไม่อยากเลิกชุมนุม เราเองก็อยากเลิกชุมนุม หากรัฐบาลยอมทำตามเงื่อนไข เพราะคงไม่มีใครอยากมานั่งชุมนุม
นอนกลางดินกินกลางทรายลำบากกันอยู่อย่างนี้ แต่ที่เรายอมทนลำบากก็เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ ดังนั้น จึงอยากให้นัก
วิชาการที่นั่งพูดอยู่ในห้องแอร์แบบสบาย ๆ ได้คิดถึงจุดนี้ด้วย
เลือกดาวกระจายแจงข้อเท็จจริง
สำหรับที่หลายฝ่ายมองว่า การชุมนุมแบบดาวกระจายของพันธมิตรฯ จะนำไปสู่การปะทะของประชาชนนั้น ายสมศักดิ์ โกศัย- สุข กล่าวว่า การจะดาวกระจายหรือไม่นั้น คงขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่าง แต่อย่างไรก็ตามอยากให้ทราบว่า การที่เราจะออกไป
ดาวกระจายแต่ละครั้ง เราได้มีการประชุมกันอย่างถี่ถ้วนแล้ว ซึ่งเมื่อเห็นว่ามีเหตุผลที่จะต้องออกก็ต้องทำ เช่นการดาวกระจาย 2 ครั้ง
ที่ผ่านมา ทั้งที่สวนลุมพินี และหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิล์ด นั้นก็เพราะเราต้องการนำข้อเท็จจริง ของภาพเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายประชาชน ไปเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบข่าวสาร เพราะสื่อสาธารณะอย่างเช่นช่อง 3, 5, 7, 9 หรือ NBT ไม่เคยนำเสนอข้อเท็จจริงเหล่านี้สู่ประชาชนเลย ดังนั้นพันธมิตรฯ จึงต้องเป็นผู้เผยแพร่ด้วยตัวเอง
ปริศนา"เสียงระเบิด"
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบฯ ว่าในเวลา15.15 น. ได้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น บริเวณเสาไฟครองผดุงกรุงเกษม ระหว่าง ยูเอ็น
กับกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้การ์ดพันธมิตรฯ และประชาชนที่กำลังช่วยกันรื้อเต๊นท์ต่างตกใจและกรูกันเข้าไปดู พบว่าเป็นประทัดยักษ์
โดยนักข่าวที่อยู่ในระแวกนั้นระบุว่า ได้ยินเสียงสนั่น แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนโยนเข้ามา
"สล้าง"มักใหญ่ใฝ่เป็นรองนายกฯ
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมติรฯ ขึ้นเวทีปราศรัยเมื่อเวลาประมาณ 20.50 น. โดยกล่าวว่าคำตัดสินเมื่อวันที่ 21
ต.ค.ถือว่าพันธมิตรฯสู้มาถูกต้องแล้ว เพราะทำให้ทักษิณติดคุก แต่ที่จะต้องต่อสู้ต่อไปคือต้องต่อสู้ให้ยุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติ
ไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย รวมทั้งการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญว่านายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ขาดคุณสมบัติในการเป็นนายกฯ และรัฐบาลชุดนี้ไม่มีคุณสมบัติในการปกครองประเทศไทยต่อไป ซึ่งคาดว่าภายในเดือนพ.ย.จะได้ข้อยุติทั้งหมด
ส่วนกรณีพล.ต.อ.สล้าง บุนนาค ที่บอกว่าจะนำกองกำลังติดอาวุธเพื่อมายึดทำเนียบคืนนั้น ก็ขอประกาศไว้เพื่อให้เป็นหลัก
ฐานว่าพล.ต.อ.สล้างอ้างกม.ข้อไหนมาสลายการชุมนุมในทำเนียบ รวมทั้งจะใช้คำพูดเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีภายหลัง
"เขาเปลี่ยนหน้าคนมาสู้ตั้งแต่คนมีราคาจนถึงคนไม่มีราคาอย่างสล้าง บุนนาค ซึ่งได้รับการติดต่อจากเฉลิม อยู่บำรุงว่า หากทำงานสำเร็จ ทักษิณจะให้เป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคงหรือที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคง ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายมากว่าตระกูลบุนนาคเป็นตระกูลที่มีความจงรักภักดีกับราชวงศ์จักรีอย่างสูง แต่สล้างกลับจ้องทำลายพวกเราที่ออกมาปกป้องสถาบัน"
นายสนธิยังเห็นว่า ทหารทุกวันนี้ไม่ได้ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญที่กำหนดหน้าที่ไว้ว่า ข้อแรก พิทักษ์รักษาราชบัลลังก์ เพราะ
ทหารไม่ได้ทำหน้าที่นี้ สังคมยังเห็นกรณีนายจักรภพ เพ็ญแข , ดา ตอร์ปิโด มีกลุ่มเชียงใหม่ 51 มีนปก.สนามหลวง และเว็บไซต์หมิ่น
สถาบันจำนวนมาก ข้อสอง.ป้องกันอธิปไตยของชาติ แต่ทหารปกป้องอธิปไตยเหนือเขาพระวิหารแล้วหรือไม่ ข้อที่สาม หน้าที่ดูแล
ความมั่นคง ปลอดภัยของประชาชน แล้วกรณีเหตุการณ์ตำรวจฆ่าประชาชนวันอังคารที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ทหารดูแลประชาชนหรือไม่
และสุดท้าย หน้าที่ช่วยพัฒนาประเทศ ซึ่งหน้าที่ทั้ง 4 ข้อทหารไทยปี 2551 ไม่ได้ทำเลย
" นัยการต่อสู้ของเราไม่ใช่แค่เอาประเทศไทยคืนมา แต่ต้องเอาทหารไทย ตำรวจไทย ข้าราชการไทย และประชาชนราก
หญ้าของเราคืนมาต่างหาก "
อย่าสร้างราคาต่อรองพันธมิตรฯ
ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ. สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ได้จัดงานทำบุญที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า และคาดว่า
จะเดินทางเข้ามาที่ทำเนียบฯ เพื่อมาเจรจากับแกนนำพันธมิตรฯ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า จะมาเจรจาได้อย่างไร เพราะบุคคลกลุ่มนี้ไม่ใช่
รัฐบาล เนื่องจากทำเนียบฯ เป็นที่ทำงานของรัฐบาล และไม่ใช่ที่ทำงานของกลุ่มบุคคลเหล่านี้ ซึ่งถ้าเป็นรัฐบาลพันธมิตรฯ ก็จะเจรจามา
โดยตลอด หากเข้ามาในทำเนียบฯ จริง ก็จะเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องเข้ามาดูแล และพันธมิตรฯ ก็ไม่ได้ประมาทกับเรื่องนี้ แต่ก็ไม่
ได้มีการรับมืออะไรเป็นพิเศษ อีกทั้งพวกเราก็ไม่ทราบข้อเท็จจริงว่า กลุ่มดังกล่าวมีเจตนาอะไร
โครตบาปหลอกพระสงฆ์
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีพระสงฆ์รูปหนึ่ง ระบุว่า ทางวัดได้รับหนังสือเวียน ว่า ขอพระสงฆ์วัดละสิบรูปจากทั่วประเทศ เพื่อมา
เจริญพระพุทธมนต์ หน้าลานพระบรมรูปทรงม้า เมื่อมาถึงก็กลับกลายเป็นว่า ต้องมานั่งฟัง พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรม
ตำรวจ ปราศรัย จึงทนไม่ไหวและเดินทางมาบอกกล่าวให้พันธมิตรฯ ทราบว่าถูกหลอกให้มางาน
ตำรวจงานเข้ารับ 60 ล้านป่วนพธม.
นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แนวร่วมกลุ่มพันธมิตรฯให้สัมภาษณ์ว่า ในส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยในทำเนียบรัฐบาล
ลงตัวพอสมควร เพราะเราชุมนุมที่นี้เกือบ 2 เดือนแล้ว ซึ่งขณะนี้ได้มีการระดมยางรถยนต์เก่ามาล้อมบริเวณแต่ละจุดไว้ เพื่อป้องกันใน
ระดับแรก ซึ่งตนคิดว่า หากเกิดความรุนแรงขึ้นอีก ต้องเป็นหน้าที่ของทหารเข้ามาช่วยดูแลแล้ว เพราะที่ผ่านมาเป็นบทพิสูจน์ว่า เจ้า
หน้าที่ตำรวจหมดความชอบธรรมในการป้องกันความรุนแรง
“ ขณะนี้ผมได้รับข่าวในเชิงลึก ว่า จะมีตำรวจนอกเครื่องแบบเข้ามาก่อกวนให้เกิดความวุ่นวายและงานนี้มีการรับจ๊อบค่า
ตอบแทนสูงถึง 60 ล้านบาท ส่วนที่สนามหลวง ก็ทราบมาว่า รับเงินมา 10 ล้านบาท แล้วยิ่ง พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค ออกมาประกาศอย่างนี้อีก มันก็ยิ่งตอกย้ำข้อมูลให้น่าเชื่อถือมากขึ้น ข้อมูลที่ผมได้มาก็เป็นพวกคนฝั่งโน้นบอก เพราะตอนนี้มีการขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์กันพอสมควร หากไม่เป็นความจริงก็ออกมาแถลงความจริงได้ ให้มันรู้กันไป” นายไชยวัฒน์ กล่าว
นายไชยวัฒน์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สล้าง ประกาศที่จะล้อมทำเนียบรัฐบาลเพื่อสลายการชุมนุม ทำให้เห็นว่า พล.ต.อ.
สล้าง ประกาศอย่างนี้อยู่ภายใต้อำนาจรัฐบาลของใคร ถือเป็นการใช้วิธีที่ให้เกิดความรุนแรงขึ้น โดยอาศัยมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถอด
เครื่องแบบมาก่อกวน เมื่อเป็นสถานการณ์แบบนี้ หลายฝ่ายก็ไม่ควรที่จะนิ่งเฉย มันยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่ากลไกของตำรวจไม่มีอีกแล้ว
เพราะฉะนั้นจึงต้องเป็นหน้าที่ของทหารที่ควรจะรับรู้และระวังเพื่อไม่ให้ความรุนแรงเกิดซ้ำรอยอีกครั้ง เพราะเท่าที่ทราบมาต่อไปจะมี
การใช้อาวุธเพิ่มมากขึ้น
ทำหนังสือปกข่าวแจกทั่วประเทศเดือนหน้า
นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนฯ เเถลงภายหลังการสัมมนา เรื่อง "การเมืองใหม่” ครั้งที่ 6 ในวาน
นี้(22)ว่า ในเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์เเละองคมนตรี ที่ประชุมคณะกรรมการพลังแผ่นดิน และพันธมิตรฯ เห็นชอบให้คงไว้เหมือนเดิม ตามรัฐธรรมนูญ 2550 แต่ให้เพิ่มในส่วนหน้าที่ของปวงชนชาวไทยด้วยว่า ประชาชนชาวไทยมีหน้าที่ปกป้องเเละเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และถือเป็นว่าเป็นหน้าที่ของปวงชนชาวไทย
ในส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติเเห่งชาติ ที่ประชุมเห็นว่า ในเรื่องของการบริหารบุคคล การโยกย้ายข้าราชการตำรวจนั้น ต้องพ้นจากอำนาจทางการเมือง โดยมี คณะกรรมการตำรวจที่ประชาชนมีส่วนร่วม เป็นผู้ดูแล ทั้งใน ก.ตร.กลาง และ ก.ตร.จังหวัด
สำหรับกรณีที่ตำรวจเป็นผู้ต้องสงสัยว่ากระทำความผิดนั้น ต้องให้ภาคประชาชนเป็นผู้สอบสวน ส่วนนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรขึ้นไปนั้น ต้องแสดงบัญชีหนี้สินและทรัพย์สิน
นอกจากนี้ ประชาชนยังมีสิทธิ์ยื่นถอดถอน ผ่าน ก.ตร.กลาง และ ก.ตร.จังหวัด ได้อีกด้วย พนักงานสอบสวนจะต้องมีใบ
วิชาชีพเฉพาะ และหากกระทำความผิด สามารถถอดถอนใบอนุญาตได้
สำหรับสื่อมวลชนจะต้องมีคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อควบคุมจริยธรรมสื่อ โดยจะคัดเลือกมาจากตัวเเทนของสื่อทุกแขนง
และต้องปราศจากการเมืองแทรกแซง โดยมีอำนาจถอนถอดคลื่นความถี่ของรัฐ หากมีการเสนอบิดเบือน ภาคประชาชนสามารถล่า
รายชื่อถอดถอนได้ รวมทั้งคลื่นของรัฐนั้น จะต้องให้พื้นที่กับภาคประชาชนไม่น้อยกว่า 30 % นอกจากนี้ จะต้องมีช่วงเวลาพัฒนาการ
เมืองเเละประชาธิปไตยในช่วงไพรม์ไทม์ด้วย ส่วนคลื่นวิทยุชุมชน ไม่ควรที่จะมีโฆษณา เพื่อให้ปลอดจากผลประโยชน์ทางธุรกิจเเละ
ต้องอยู่ภายใต้การดูเเลของคณะกรรมการจริยธรรม
การปฏิรูปแรงงานนั้น จะต้องปฏิรูปเเรงงานของชาติทั้งหมด โดยเน้นในเรื่องของการศึกษา เพื่อให้แรงงานมีฝีมือทันทีที่จบ
การศึกษาและสามารถทำงานได้จริง รวมทั้งต้องนำแรงงานใต้ดินขึ้นมาอยู่บนดิน และดูแลโดยเท่าเทียมกัน โดยให้อยู่ในระบบประกัน
สังคมและมีสิทธิประโยชน์เท่าเทียมกัน
นายปานเทพ กล่าวอีกว่า ในวันพุธที่ 29 ต.ค.2551 จะมีการประชุมอีกครั้ง โดยจะมีการนำเสนอเค้าโครงที่ได้จากการระดม
ความเห็น จากการสัมมนาทั้ง 6 ครั้ง เพื่อเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ เพื่อจัดทำเป็นสมุดปกขาว จากนั้นจะมีการประชาพิจารณ์ไปทั่วประเทศ
ซึ่งเป็นการปฏิรูปการเมืองใหม่ หลังการเปลี่ยนแปลงอำนาจทางการเมืองในปัจจุบัน
ด้าน นายสุริยะใส กตะศิลา กล่าวว่า คณะทำงานจะนำเค้าโครงที่ได้มา เสนอต่อที่ประชุมใหญ่ เพื่อให้กลั่นกรองในวันพุธที่ 29
ต.ค.ก่อนจะเเจกให้แก่สังคมในวงกว้าง ทั้ง นิสิต นักศึกษา ผู้ปกครอง และภาคประชาชน ทั้งนี้ ยืนยันว่าเเนวคิดการเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ นั้น ไม่ผูกติดกับสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เพราะการเเก้รัฐ-ธรรมนูญเป็นเพียงเครื่องมือเท่านั้น และจะไม่มีประสิทธิภาพอะไรเลย ถ้าไม่รู้ว่าเครื่องมือนั้นมีไว้เพื่ออะไร ดังนั้น จึงไม่อยากให้ตีความว่า การเมืองใหม่จะต้องเริ่มที่การเขียนรัฐธรรมนูญใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า สมุดปกขาวจะแจกได้เมื่อไหร่ นายปานเทพ กล่าวว่า จะมีการประชุมอีกครั้ง ในวันที่ 29 ต.ค.โดยจะมีการ
เสนอต่อที่ประชุมใหญ่ เมื่อผ่านการคัดกรองเเล้ว คาดว่า จะเริ่มจัดพิมพ์ได้ภายในเดือนพ.ย.นี้
ทูต “สุรพงษ์” เตือน “แม้ว” ปลง!
นายสุรพงษ์ ชัยนาม อดีตเอกอัครราชทูตไทย ได้กล่าวบนเวทีที่ทำเนียบ โดยเตือนให้ระวังในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เพราะรัฐบาลกำลังจนตรอก จึงต้องทำทุกวิถีทาง ดังนั้น จึงอย่าได้วางใจต้องมีสติ
"กว่า 75 ปีที่ผ่านมาของประชาธิปไตยไทย ประชาชนเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ หรือเป็นผู้ชมเท่านั้น แต่ต่อไปนี้เราจะเป็นผู้
แสดงและเขียนบทเอง และต่อไปจะไม่ใช่นิยามประชาธิปไตยแค่มีการเลือกตั้งเท่านั้น และอนาคตของประเทศยังต้องตัดสินกันด้วยคุณภาพของประชาชนด้วย ซึ่งต้องมีการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องด้วย"อดีตฯราชทูตไทยกล่าวและว่า
ในอนาคตอันใกล้ แม้ว่าเราจะสามารถขับไล่รัฐบาลพรรคพลังประชาชนออกไปได้ แต่จะต้องเจอกับศึกภายนอกที่มากดดัน
พวกเรา และยังมีสองมาตรฐาน ซึ่งสาเหตุเป็นเพราะยังตอบสนองผลประโยชน์ได้ดี ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ยังคงจ้างสื่อ
เพื่อโฆษณาบิดเบือน และโจมตีประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ทุกฝ่ายให้การยอมรับ
ประเทศเหล่านี้ก็จะเปลี่ยนมาให้ก
"แม้ว่า เราจะมีพี่น้องประชาชนออกมาขับไล่เป็นล้านคน รัฐบาลพวกนี้ก็ยังหน้าด้านไม่ยอมออกไป ดังนั้น เมื่อรัฐบาลยังหน้าด้าน เราก็ต้องใช้วิธีด้านๆตอบโต้เช่นเดียวกัน "
สงฆ์นั่งฟังปราศัย "ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์" แฉ ตร.รับทรัพย์ 60 ล้าน ส่ง ตร.นอกเครื่องแบบเข้ามาก่อกวนกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ เพื่อให้
เกิดความวุ่นวาย ตอกย้ำรัฐ ตร.ทาส “แม้ว” ขณะที่ม็อบสนามหลวงไม่น้อยหน้ารับ 10 ล้าน เรียกร้องทหารเข้ามาดูแล หวั่นมีการใช้
อาวุธทำร้ายผู้ชุมนุม "สุริยะใส - ปานเทพ "เตรียมสรุปเค้าโครง “การเมืองใหม่” 29 ต.ค.ก่อนทำสมุดปกขาวแจก-รับฟังความเห็นเดือน
หน้า ชูสามัญสำนึก ต้องเทิดทูนสถาบันฯเป็นหลักสำคัญ
แม้ว่าศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้ตัดสินเมื่อวันอังคารที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา ให้จำคุกพ.ต.ท.
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นเวลา 2 ปี ในคดีทุจริตซื้อที่ดินย่านรัชดา แต่ในกระบวนการติดตามเพื่อให้ผู้กระทำความผิดมา
รับโทษนั้น ยังเป็นประเด็นที่สังคมและพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.)ต้องการให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี(น้องเขย) พิสูจน์ความชัดเจนถึงเรื่องนี้
พธม.จี้นายกฯเร่งอังกฤษส่ง"แม้ว"กลับ
โดยวานนี้ (22)เวลา10.00 น. ที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล พล.ต. จำลอง ศรีเมือง และนาย พิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว โดยนายพิภพ กล่าวว่า เป็นหลักการทั่วไปเมื่อศาลตัดสินให้ พ.ต.ท.ทักษิณ มีความผิดจำคุกเป็น
เวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ตามกฎหมายอัยการต้องทำหนังสือถึงประเทศอังกฤษ เพื่อขอให้ประเทศอังกฤษส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน
และการที่นายกฯจะออกมาระบุว่า คำตัดสินของศาลในคดีของพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีผลต่อรัฐบาลและพรรคพลังประชาชนนั้น
นายพิภพกล่าวจี้ว่า การเป็นนักการเมืองต้องมีความรับผิดชอบทางการเมือง ทางกฎหมายก็ต้องดำเนินไปตามกฎหมาย รัฐบาลต้องขอ
ให้รัฐบาลอังกฤษส่งผู้ที่กระทำผิดมาลงโทษ ซึ่งเป็นมาตรฐานที่รัฐบาลควรปฏิบัติ หากไม่ปฏิบัติ ก็จะเกิดผลกระทบตามมาความรับผิด
ชอบของนายกฯ ต้องเพิ่มขึ้นตามลำดับ ซึ่งในเหตุการณ์ตำรวจเข้าสลายการชุมนุมเมื่อวันอังคารที่ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา หากเป็นนายกฯ
ประเทศอื่นก็ลาออกไปนานแล้ว
" เมื่อประเมินท่าที พ.ต.ท.ทักษิณ หลังศาลฎีกาสั่งจำคุกเป็นเวลา 2 ปี ก็ได้รับข้อมูลว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เคลื่อนไหวใน
ต่างประเทศโดยการตั้งคณะทำงานและจ้างบริษัทประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ต่างประเทศเข้าใจผิดการทำงานของกระบวนการยุติธรรมไทยว่า
ไม่มีความบริสุทธิ์ ยุติธรรม นอกจากนี้ อดีตนายกฯยังคงเคลื่อนไหวให้นอมินีอยู่ในอำนาจรัฐบาลต่อไป"
ตั้งสสร.3ซ่อนปมฟอก"แม้ว-111ซากทรท."
พล.ต. จำลอง กล่าวถึง กรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้ปรับลดกรอบระยะเวลาในการดำเนินการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.3) ที่กำหนดไว้ 8 เดือน เหลือเพียง 4 เดือนว่า การเริ่มต้นตั้งส.ส.ร. 3 ไม่ราบรื่น ที่กล่าวว่าจะเป็นการประชุม 4 ฝ่าย ทำ
ไปทำมามีผู้ประชุมเหลือเพียงฝ่ายเดียว คือรัฐบาล ขณะที่สมาชิกวุฒิสภากับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคฝ่ายค้าน(ส.ส.) ก็ไม่เข้า
ร่วมประชุม จึงหวังไม่ได้ มาจนถึงวันนี้ยังไม่มีใครยืนยันว่า จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 อย่างเดียวหรือไม่ จะไม่แก้มาตรา 237,
309 และ 190 ถือเป็นการซื้อเวลา และก็ไม่สามารถแก้ไขวิกฤตทางการเมืองในขณะนี้ได้
นายพิภพกล่าวเสริมว่า การตั้งส.ส.ร.3 นั้น เชื่อว่ามีการซ่อนเงื่อนนิรโทษกรรมพ.ต.ท.ทักษิณ และอดีต 111 กรรมการ
ไทยรักไทย ให้หลุดพ้นจากความผิด
“พันธมิตรฯ” ปักธงยึดทำเนียบต่อ
สำหรับความชัดเจนเกี่ยวกับพันธมิตรฯต่อการชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลนั้น พล.ต.จำลอง ได้กล่าวหลังจากที่แกนนำได้หารือ
เมื่อวานนี้ (22)ที่บ้านพระอาทิตย์ ถึงกรณีการเปลี่ยนแปลงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯ ภายในบริเวณ
ทำเนียบรัฐบาลจะยังคงดำเนินต่อไป จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายของการชุมนุม นั่นคือ รัฐบาลชุดนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ (รัฐบาลหุ่นเชิด)
ต้องลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางสู่การเมืองใหม่ รวมถึงคัดค้านการแก้ไข รธน.50
แต่ในส่วนของเวทีชุมนุมบริเวณแยกสะพานมัฆวานรังสรรค์ ที่มีการรื้อเวทีออกเพื่อเปิดเส้นทางในงานพระราชพิธีพระราช
ทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และในงานวันปิยมหาราชวันนี้ (23)
นั้น เมื่อเสร็จงานพระราชพิธีทั้งสองแล้ว ทางกลุ่มผู้ชุมนุมจะไม่นำเวทีดังกล่าวกลับมาตั้งอีก ดังนั้น การชุมนุมของพันธมิตรฯ จึงเหลือที่
มั่นอยู่ที่เวทีภายในทำเนียบรัฐบาล
" ถามว่าพันธมิตรฯควรยุติการชุมนุมหลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกตัดสินจำคุกนั้น ผมคิดว่า ไม่ได้ถือเป็นเป้าหมายของ
พันธมิตรฯ แต่เป็นเพียงชัยชนะรายทางเท่านั้น เพราะเป้าหมายของพันธมิตรฯ คือการที่รัฐบาลลาออก แล้วเปิดทางให้มีการเมืองใหม่ที่
จะมีการปฏิรูปการเมืองในหลาย ๆ สิ่ง เพื่อพัฒนาระบอบการเมืองให้พัฒนาขึ้น" พล.ต.จำลองกล่าว และว่า
ตนมองว่าการที่นักวิชาการเสนอนั้น เป็นเรื่องของความคิดที่ใครก็สามารถเสนอได้ แต่อยากให้นักวิชาการเหล่านั้นมองด้วย
ว่า พันธมิตรฯ ไม่ใช่ไม่อยากเลิกชุมนุม เราเองก็อยากเลิกชุมนุม หากรัฐบาลยอมทำตามเงื่อนไข เพราะคงไม่มีใครอยากมานั่งชุมนุม
นอนกลางดินกินกลางทรายลำบากกันอยู่อย่างนี้ แต่ที่เรายอมทนลำบากก็เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ ดังนั้น จึงอยากให้นัก
วิชาการที่นั่งพูดอยู่ในห้องแอร์แบบสบาย ๆ ได้คิดถึงจุดนี้ด้วย
เลือกดาวกระจายแจงข้อเท็จจริง
สำหรับที่หลายฝ่ายมองว่า การชุมนุมแบบดาวกระจายของพันธมิตรฯ จะนำไปสู่การปะทะของประชาชนนั้น ายสมศักดิ์ โกศัย- สุข กล่าวว่า การจะดาวกระจายหรือไม่นั้น คงขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่าง แต่อย่างไรก็ตามอยากให้ทราบว่า การที่เราจะออกไป
ดาวกระจายแต่ละครั้ง เราได้มีการประชุมกันอย่างถี่ถ้วนแล้ว ซึ่งเมื่อเห็นว่ามีเหตุผลที่จะต้องออกก็ต้องทำ เช่นการดาวกระจาย 2 ครั้ง
ที่ผ่านมา ทั้งที่สวนลุมพินี และหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิล์ด นั้นก็เพราะเราต้องการนำข้อเท็จจริง ของภาพเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายประชาชน ไปเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบข่าวสาร เพราะสื่อสาธารณะอย่างเช่นช่อง 3, 5, 7, 9 หรือ NBT ไม่เคยนำเสนอข้อเท็จจริงเหล่านี้สู่ประชาชนเลย ดังนั้นพันธมิตรฯ จึงต้องเป็นผู้เผยแพร่ด้วยตัวเอง
ปริศนา"เสียงระเบิด"
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบฯ ว่าในเวลา15.15 น. ได้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น บริเวณเสาไฟครองผดุงกรุงเกษม ระหว่าง ยูเอ็น
กับกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้การ์ดพันธมิตรฯ และประชาชนที่กำลังช่วยกันรื้อเต๊นท์ต่างตกใจและกรูกันเข้าไปดู พบว่าเป็นประทัดยักษ์
โดยนักข่าวที่อยู่ในระแวกนั้นระบุว่า ได้ยินเสียงสนั่น แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนโยนเข้ามา
"สล้าง"มักใหญ่ใฝ่เป็นรองนายกฯ
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมติรฯ ขึ้นเวทีปราศรัยเมื่อเวลาประมาณ 20.50 น. โดยกล่าวว่าคำตัดสินเมื่อวันที่ 21
ต.ค.ถือว่าพันธมิตรฯสู้มาถูกต้องแล้ว เพราะทำให้ทักษิณติดคุก แต่ที่จะต้องต่อสู้ต่อไปคือต้องต่อสู้ให้ยุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติ
ไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย รวมทั้งการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญว่านายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ขาดคุณสมบัติในการเป็นนายกฯ และรัฐบาลชุดนี้ไม่มีคุณสมบัติในการปกครองประเทศไทยต่อไป ซึ่งคาดว่าภายในเดือนพ.ย.จะได้ข้อยุติทั้งหมด
ส่วนกรณีพล.ต.อ.สล้าง บุนนาค ที่บอกว่าจะนำกองกำลังติดอาวุธเพื่อมายึดทำเนียบคืนนั้น ก็ขอประกาศไว้เพื่อให้เป็นหลัก
ฐานว่าพล.ต.อ.สล้างอ้างกม.ข้อไหนมาสลายการชุมนุมในทำเนียบ รวมทั้งจะใช้คำพูดเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีภายหลัง
"เขาเปลี่ยนหน้าคนมาสู้ตั้งแต่คนมีราคาจนถึงคนไม่มีราคาอย่างสล้าง บุนนาค ซึ่งได้รับการติดต่อจากเฉลิม อยู่บำรุงว่า หากทำงานสำเร็จ ทักษิณจะให้เป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคงหรือที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคง ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายมากว่าตระกูลบุนนาคเป็นตระกูลที่มีความจงรักภักดีกับราชวงศ์จักรีอย่างสูง แต่สล้างกลับจ้องทำลายพวกเราที่ออกมาปกป้องสถาบัน"
นายสนธิยังเห็นว่า ทหารทุกวันนี้ไม่ได้ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญที่กำหนดหน้าที่ไว้ว่า ข้อแรก พิทักษ์รักษาราชบัลลังก์ เพราะ
ทหารไม่ได้ทำหน้าที่นี้ สังคมยังเห็นกรณีนายจักรภพ เพ็ญแข , ดา ตอร์ปิโด มีกลุ่มเชียงใหม่ 51 มีนปก.สนามหลวง และเว็บไซต์หมิ่น
สถาบันจำนวนมาก ข้อสอง.ป้องกันอธิปไตยของชาติ แต่ทหารปกป้องอธิปไตยเหนือเขาพระวิหารแล้วหรือไม่ ข้อที่สาม หน้าที่ดูแล
ความมั่นคง ปลอดภัยของประชาชน แล้วกรณีเหตุการณ์ตำรวจฆ่าประชาชนวันอังคารที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ทหารดูแลประชาชนหรือไม่
และสุดท้าย หน้าที่ช่วยพัฒนาประเทศ ซึ่งหน้าที่ทั้ง 4 ข้อทหารไทยปี 2551 ไม่ได้ทำเลย
" นัยการต่อสู้ของเราไม่ใช่แค่เอาประเทศไทยคืนมา แต่ต้องเอาทหารไทย ตำรวจไทย ข้าราชการไทย และประชาชนราก
หญ้าของเราคืนมาต่างหาก "
อย่าสร้างราคาต่อรองพันธมิตรฯ
ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ. สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ได้จัดงานทำบุญที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า และคาดว่า
จะเดินทางเข้ามาที่ทำเนียบฯ เพื่อมาเจรจากับแกนนำพันธมิตรฯ พล.ต.จำลอง กล่าวว่า จะมาเจรจาได้อย่างไร เพราะบุคคลกลุ่มนี้ไม่ใช่
รัฐบาล เนื่องจากทำเนียบฯ เป็นที่ทำงานของรัฐบาล และไม่ใช่ที่ทำงานของกลุ่มบุคคลเหล่านี้ ซึ่งถ้าเป็นรัฐบาลพันธมิตรฯ ก็จะเจรจามา
โดยตลอด หากเข้ามาในทำเนียบฯ จริง ก็จะเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องเข้ามาดูแล และพันธมิตรฯ ก็ไม่ได้ประมาทกับเรื่องนี้ แต่ก็ไม่
ได้มีการรับมืออะไรเป็นพิเศษ อีกทั้งพวกเราก็ไม่ทราบข้อเท็จจริงว่า กลุ่มดังกล่าวมีเจตนาอะไร
โครตบาปหลอกพระสงฆ์
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีพระสงฆ์รูปหนึ่ง ระบุว่า ทางวัดได้รับหนังสือเวียน ว่า ขอพระสงฆ์วัดละสิบรูปจากทั่วประเทศ เพื่อมา
เจริญพระพุทธมนต์ หน้าลานพระบรมรูปทรงม้า เมื่อมาถึงก็กลับกลายเป็นว่า ต้องมานั่งฟัง พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรม
ตำรวจ ปราศรัย จึงทนไม่ไหวและเดินทางมาบอกกล่าวให้พันธมิตรฯ ทราบว่าถูกหลอกให้มางาน
ตำรวจงานเข้ารับ 60 ล้านป่วนพธม.
นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แนวร่วมกลุ่มพันธมิตรฯให้สัมภาษณ์ว่า ในส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยในทำเนียบรัฐบาล
ลงตัวพอสมควร เพราะเราชุมนุมที่นี้เกือบ 2 เดือนแล้ว ซึ่งขณะนี้ได้มีการระดมยางรถยนต์เก่ามาล้อมบริเวณแต่ละจุดไว้ เพื่อป้องกันใน
ระดับแรก ซึ่งตนคิดว่า หากเกิดความรุนแรงขึ้นอีก ต้องเป็นหน้าที่ของทหารเข้ามาช่วยดูแลแล้ว เพราะที่ผ่านมาเป็นบทพิสูจน์ว่า เจ้า
หน้าที่ตำรวจหมดความชอบธรรมในการป้องกันความรุนแรง
“ ขณะนี้ผมได้รับข่าวในเชิงลึก ว่า จะมีตำรวจนอกเครื่องแบบเข้ามาก่อกวนให้เกิดความวุ่นวายและงานนี้มีการรับจ๊อบค่า
ตอบแทนสูงถึง 60 ล้านบาท ส่วนที่สนามหลวง ก็ทราบมาว่า รับเงินมา 10 ล้านบาท แล้วยิ่ง พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค ออกมาประกาศอย่างนี้อีก มันก็ยิ่งตอกย้ำข้อมูลให้น่าเชื่อถือมากขึ้น ข้อมูลที่ผมได้มาก็เป็นพวกคนฝั่งโน้นบอก เพราะตอนนี้มีการขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์กันพอสมควร หากไม่เป็นความจริงก็ออกมาแถลงความจริงได้ ให้มันรู้กันไป” นายไชยวัฒน์ กล่าว
นายไชยวัฒน์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.สล้าง ประกาศที่จะล้อมทำเนียบรัฐบาลเพื่อสลายการชุมนุม ทำให้เห็นว่า พล.ต.อ.
สล้าง ประกาศอย่างนี้อยู่ภายใต้อำนาจรัฐบาลของใคร ถือเป็นการใช้วิธีที่ให้เกิดความรุนแรงขึ้น โดยอาศัยมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถอด
เครื่องแบบมาก่อกวน เมื่อเป็นสถานการณ์แบบนี้ หลายฝ่ายก็ไม่ควรที่จะนิ่งเฉย มันยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่ากลไกของตำรวจไม่มีอีกแล้ว
เพราะฉะนั้นจึงต้องเป็นหน้าที่ของทหารที่ควรจะรับรู้และระวังเพื่อไม่ให้ความรุนแรงเกิดซ้ำรอยอีกครั้ง เพราะเท่าที่ทราบมาต่อไปจะมี
การใช้อาวุธเพิ่มมากขึ้น
ทำหนังสือปกข่าวแจกทั่วประเทศเดือนหน้า
นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนฯ เเถลงภายหลังการสัมมนา เรื่อง "การเมืองใหม่” ครั้งที่ 6 ในวาน
นี้(22)ว่า ในเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์เเละองคมนตรี ที่ประชุมคณะกรรมการพลังแผ่นดิน และพันธมิตรฯ เห็นชอบให้คงไว้เหมือนเดิม ตามรัฐธรรมนูญ 2550 แต่ให้เพิ่มในส่วนหน้าที่ของปวงชนชาวไทยด้วยว่า ประชาชนชาวไทยมีหน้าที่ปกป้องเเละเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และถือเป็นว่าเป็นหน้าที่ของปวงชนชาวไทย
ในส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติเเห่งชาติ ที่ประชุมเห็นว่า ในเรื่องของการบริหารบุคคล การโยกย้ายข้าราชการตำรวจนั้น ต้องพ้นจากอำนาจทางการเมือง โดยมี คณะกรรมการตำรวจที่ประชาชนมีส่วนร่วม เป็นผู้ดูแล ทั้งใน ก.ตร.กลาง และ ก.ตร.จังหวัด
สำหรับกรณีที่ตำรวจเป็นผู้ต้องสงสัยว่ากระทำความผิดนั้น ต้องให้ภาคประชาชนเป็นผู้สอบสวน ส่วนนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรขึ้นไปนั้น ต้องแสดงบัญชีหนี้สินและทรัพย์สิน
นอกจากนี้ ประชาชนยังมีสิทธิ์ยื่นถอดถอน ผ่าน ก.ตร.กลาง และ ก.ตร.จังหวัด ได้อีกด้วย พนักงานสอบสวนจะต้องมีใบ
วิชาชีพเฉพาะ และหากกระทำความผิด สามารถถอดถอนใบอนุญาตได้
สำหรับสื่อมวลชนจะต้องมีคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อควบคุมจริยธรรมสื่อ โดยจะคัดเลือกมาจากตัวเเทนของสื่อทุกแขนง
และต้องปราศจากการเมืองแทรกแซง โดยมีอำนาจถอนถอดคลื่นความถี่ของรัฐ หากมีการเสนอบิดเบือน ภาคประชาชนสามารถล่า
รายชื่อถอดถอนได้ รวมทั้งคลื่นของรัฐนั้น จะต้องให้พื้นที่กับภาคประชาชนไม่น้อยกว่า 30 % นอกจากนี้ จะต้องมีช่วงเวลาพัฒนาการ
เมืองเเละประชาธิปไตยในช่วงไพรม์ไทม์ด้วย ส่วนคลื่นวิทยุชุมชน ไม่ควรที่จะมีโฆษณา เพื่อให้ปลอดจากผลประโยชน์ทางธุรกิจเเละ
ต้องอยู่ภายใต้การดูเเลของคณะกรรมการจริยธรรม
การปฏิรูปแรงงานนั้น จะต้องปฏิรูปเเรงงานของชาติทั้งหมด โดยเน้นในเรื่องของการศึกษา เพื่อให้แรงงานมีฝีมือทันทีที่จบ
การศึกษาและสามารถทำงานได้จริง รวมทั้งต้องนำแรงงานใต้ดินขึ้นมาอยู่บนดิน และดูแลโดยเท่าเทียมกัน โดยให้อยู่ในระบบประกัน
สังคมและมีสิทธิประโยชน์เท่าเทียมกัน
นายปานเทพ กล่าวอีกว่า ในวันพุธที่ 29 ต.ค.2551 จะมีการประชุมอีกครั้ง โดยจะมีการนำเสนอเค้าโครงที่ได้จากการระดม
ความเห็น จากการสัมมนาทั้ง 6 ครั้ง เพื่อเสนอต่อที่ประชุมใหญ่ เพื่อจัดทำเป็นสมุดปกขาว จากนั้นจะมีการประชาพิจารณ์ไปทั่วประเทศ
ซึ่งเป็นการปฏิรูปการเมืองใหม่ หลังการเปลี่ยนแปลงอำนาจทางการเมืองในปัจจุบัน
ด้าน นายสุริยะใส กตะศิลา กล่าวว่า คณะทำงานจะนำเค้าโครงที่ได้มา เสนอต่อที่ประชุมใหญ่ เพื่อให้กลั่นกรองในวันพุธที่ 29
ต.ค.ก่อนจะเเจกให้แก่สังคมในวงกว้าง ทั้ง นิสิต นักศึกษา ผู้ปกครอง และภาคประชาชน ทั้งนี้ ยืนยันว่าเเนวคิดการเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ นั้น ไม่ผูกติดกับสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เพราะการเเก้รัฐ-ธรรมนูญเป็นเพียงเครื่องมือเท่านั้น และจะไม่มีประสิทธิภาพอะไรเลย ถ้าไม่รู้ว่าเครื่องมือนั้นมีไว้เพื่ออะไร ดังนั้น จึงไม่อยากให้ตีความว่า การเมืองใหม่จะต้องเริ่มที่การเขียนรัฐธรรมนูญใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า สมุดปกขาวจะแจกได้เมื่อไหร่ นายปานเทพ กล่าวว่า จะมีการประชุมอีกครั้ง ในวันที่ 29 ต.ค.โดยจะมีการ
เสนอต่อที่ประชุมใหญ่ เมื่อผ่านการคัดกรองเเล้ว คาดว่า จะเริ่มจัดพิมพ์ได้ภายในเดือนพ.ย.นี้
ทูต “สุรพงษ์” เตือน “แม้ว” ปลง!
นายสุรพงษ์ ชัยนาม อดีตเอกอัครราชทูตไทย ได้กล่าวบนเวทีที่ทำเนียบ โดยเตือนให้ระวังในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เพราะรัฐบาลกำลังจนตรอก จึงต้องทำทุกวิถีทาง ดังนั้น จึงอย่าได้วางใจต้องมีสติ
"กว่า 75 ปีที่ผ่านมาของประชาธิปไตยไทย ประชาชนเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ หรือเป็นผู้ชมเท่านั้น แต่ต่อไปนี้เราจะเป็นผู้
แสดงและเขียนบทเอง และต่อไปจะไม่ใช่นิยามประชาธิปไตยแค่มีการเลือกตั้งเท่านั้น และอนาคตของประเทศยังต้องตัดสินกันด้วยคุณภาพของประชาชนด้วย ซึ่งต้องมีการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้องด้วย"อดีตฯราชทูตไทยกล่าวและว่า
ในอนาคตอันใกล้ แม้ว่าเราจะสามารถขับไล่รัฐบาลพรรคพลังประชาชนออกไปได้ แต่จะต้องเจอกับศึกภายนอกที่มากดดัน
พวกเรา และยังมีสองมาตรฐาน ซึ่งสาเหตุเป็นเพราะยังตอบสนองผลประโยชน์ได้ดี ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ยังคงจ้างสื่อ
เพื่อโฆษณาบิดเบือน และโจมตีประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ทุกฝ่ายให้การยอมรับ
ประเทศเหล่านี้ก็จะเปลี่ยนมาให้ก
"แม้ว่า เราจะมีพี่น้องประชาชนออกมาขับไล่เป็นล้านคน รัฐบาลพวกนี้ก็ยังหน้าด้านไม่ยอมออกไป ดังนั้น เมื่อรัฐบาลยังหน้าด้าน เราก็ต้องใช้วิธีด้านๆตอบโต้เช่นเดียวกัน "